Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – ตอนที่ 949

ผนึกศักดิ์สิทธิ์

แปลโดย iPAT 

 

ฟางหยวนสังเกตไห่ลั่วหลันอย่างถี่ถ้วน

 

ท่าทางของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนไปมากหลังจากสวมหน้ากาก

 

ลักษณะของนางดูเหมือนเทพธิดาจันทร์ทมิฬที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จริงๆ

 

‘วิญญาณทัศนคติไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสายตาแต่เป็นจิตใจของข้า ข้ายังมองเห็นไห่ลั่วหลันที่สวมหน้ากากแห่งทัศนคติ แต่จิตใจของข้ากลับบอกว่านางคืออีกคน ดูเหมือนนางจะเป็นเทพธิดาจันทร์ทมิฬจริงๆ ช่างบังเอิญนัก!’

 

ฟางหยวนมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ตามบันทึกในประวัติศาสตร์จากชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน ไห่ลั่วหลันประสบความสำเร็จในสงครามชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ หลังจากนั้นนางเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ

 

แต่ความจริงก็คือนางไม่ได้เสียชีวิต

 

นางเข้าร่วมกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณของภาคกลางและกลายเป็นผู้นำคนใหม่ ต่อมานางยังนำกองกำลังผู้อมตะจากภาคกลางบุกโจมตีภาคเหนือและทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง

 

แต่ไห่ลั่วหลันเข้าสู่นิกายคฤหาสน์วิญญาณได้อย่างไร?

 

ฟางหยวนนึกถึงเจตจำนงของโม่เหยาทันที

 

ไห่ลั่วหลันเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงและพบกับเจตจำนงของโม่เหยา ภายใต้อิทธิพลของโม่เหยา ไห่ลั่วหลันจึงเข้าร่วมกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

 

ฟางหยวนไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ มันเป็นเพียงสัญชาตญาณของเขา

 

อย่างไรก็ตามในชีวิตนี้ด้วยการแทรกแซงของฟางหยวน สถานการณ์ทั้งหมดจึงเปลี่ยนแปลงไป

 

‘แม้ข้าจะอยู่ที่ภาคเหนือแต่การกระทำของข้ายังส่งผลกระทบถึงภาคกลาง ผลกระทบปีกผีเสื้อช่างรุนแรงนัก ตอนนี้ไห่ลั่วหลันไม่ได้ไปภาคกลาง แล้วผู้ใดจะเป็นผู้นำคนต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ใช่ฟงจินฮวงหรือไม่?’

 

ฟางหยวนรู้สึกว่าไห่ลั่วหลันไม่เกี่ยวข้องกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณอีกต่อไป ดังนั้นคนที่มีแน้วโน้มมากที่สุดที่สามารถรับตำแหน่งผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณก็คือฟงจินฮวง

 

…..

 

“จ้าวเหลียนหยุน เจ้าจะเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นต่อไปเมื่อเจ้าได้รับมรดกนี้”

 

ยืนอยู่ด้านหน้าด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณคนปัจจุบัน ซูเฮา กล่าว

 

จ้าวเหลียนหยุนมองประตูแสงขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าและกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าไม่สนว่าจะได้เป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณหรือไม่ ข้าเพียงต้องการช่วยท่านพี่หม่าหงหยุนอย่างรวดเร็วที่สุด!”

 

เทพธิดาหลี่จุนอิงที่ยืนอยู่ด้านข้างซูเฮาเผยรอยยิ้ม

 

นางยกมือขึ้นลูบพวงแก้มของจ้าวเหลียนหยุนเบาๆและกล่าว “น้องสาวตัวน้อยที่น่ารัก นี่คือมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ตราบเท่าที่เจ้าสามารถครอบครองมัน เจ้าจะมีพลังอำนาจที่สามารถช่วยเหลือคนรักของเจ้า”

 

จ้าวเหลียนหยุนสงบจิตใจลง

 

นางเป็นปีศาจต่างโลก เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

 

จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ “ข้าเป็นมนุษย์ธรรมดา หากข้าได้รับมรดกนี้ มันจะทำให้ข้ากลายเป็นผู้อมตะทันทีหรือไม่?”

 

“อา…” ผู้อมตะหลี่จุนอิงไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ ในความเป็นจริงนางไม่รู้ว่ามรดกของเทพปีศาจปล้นสรรค์คือสิ่งใด

 

นางมองซูเฮาก่อนกล่าว “แม้เจ้าจะไม่สามารถเป็นผู้อมตะทันทีโดยการรับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แต่เจ้าจะกลายเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญสำหรับตำแหน่งผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นต่อไป อย่าดูถูกตำแหน่งนี้ ตราบเท่าที่เจ้าประสบความสำเร็จในการรับสืบทอดมรดก เจ้าสามารถหยิบยืมพลังอำนาจของนิกายเพื่อช่วยคนรักของเจ้า นิกายคฤหาสน์วิญญาณเป็นหนึ่งในสิบนิกายใหญ่ของภาคกลาง พวกเรามีพลังอำนาจเพียงพอที่จะต่อสู้กับปีศาจอมตะเซี่ยหูและช่วยหม่าหงหยุน”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในประตูแสงและหายตัวไป

 

“ท่านคิดว่านางจะประสบความสำเร็จหรือไม่?” หลี่จุนอิงถามด้วยควากังวล

 

ซูเฮาตอบด้วยความมั่นใจ “เราได้ยืนยันแล้วว่าจ้าวเหลียนหยุนเป็นปีศาจต่างโลก หากนางทำไม่ประสบความสำเร็จ แล้วผู้ใดจะสำเร็จ”

 

เขากล่าวต่อ “ข้ารู้เจ้ากังวลว่าการทดสอบจะยากลำบากทำให้จ้าวเหลียนหยุนไม่สามารถข้ามผ่านเพราะนางเป็นเพียงมนุษย์ แต่ข้าจะบอกเจ้า หลายปีมานี้งานวิจัยของข้ายืนยันแล้วว่าคุณสมบัติเดียวที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ต้องการคือปีศาจต่างโลก นางจะได้รับมรดกอย่างง่ายดายและไม่พบอันตรายใดๆทั้งสิ้น แต่ข้าไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดนางจึงจะสามารถเติบโตขึ้น”

 

หลี่จุนอิงรู้สึกผ่อนคลายคง “ข้าจะไม่แปลกใจเลยหากจ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นผู้อมตะทันที หลังจากทั้งหมดมันเป็นมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์”

 

“ฮ่าฮ่า เปรียบเทียบกับการไต่เต้าสู่ขอบเขตอมตะของข้า มันช่างยากลำบาก ย้อนกลับไปหากข้ามีท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง ข้าจะไม่พ่ายแพ้ให้กับฟงจิวเก้อ” ซูเฮากำหมัดแน่นขณะกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ด้วยความรู้สึกเกลียดชัง

 

ไม่มีองค์กรใดที่ปราศจากความขัดแย้งภายใน นิกายคฤหาสน์วิญญาณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

หลังจากการหายตัวไปของฟงจิวเก้อ เทพธิดาไป่ชิงถูกกดดันอย่างหนักโดยซูเฮาและหลี่จุนอิง

 

หลี่จุนอิงปลอบใจสามีของนาง “นิกายเหนือสวรรค์ส่งข่าวการเสียชีวิตของเทพธิดาโอวเซี่ยและเทพธิดาหลิงเหม่ยขณะที่ฟงจิวเก้อหายสาบสูญ เขาอาจตายไปแล้วเช่นกัน เหตุใดต้องสนใจคนตาย?”

 

ซูเฮากัดฟันกล่าว “ฮืม ในอดีตแทบทุกสิ่งที่เขากล่าวจะถูกดำเนินการทันที พวกเราถูกกดขี่มานานหลายปี ข้ายังถูกส่งตัวมาทำวิจัยเกี่ยวกับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ นี่ไม่ต่างจากการปลดตำแหน่งของข้าทางอ้อม แต่มันก็ทำให้ข้าเข้าใจมรดกนี้มากที่สุดและสามารถดูแลจ้าวเหลียนหยุน”

 

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ปัจจุบันฟงจินฮวงเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำนิกายอันดับต้นๆ แต่ตอนนี้จ้าวเหลียนหยุนจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญ หากเราสนับสนุนนาง ไม่เพียงเราจะสามารถกำหราบไป่ชิงแต่มันยังสามารถฟื้นฟูอำนาจของพวกเรา”

 

จ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นตัวหมากในการช่วงชิงอำนาจของซูเฮาและหลี่จุนอิง

 

ซูเฮากำลังจะกล่าวบางสิ่งแต่ดวงตาของเขากลับเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน เขาอุทาน “หือ…นางออกมาแล้ว รวดเร็วนัก!”

 

ต่อหน้าผู้อมตะทั้งสอง ร่างของจ้าวเหลียนหยุนปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

 

ซูเฮาเร่งถาม “ด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์กำลังจะหายไป นี่หมายความว่านางประสบความสำเร็จ! ง่ายเกินไปหรือไม่?”

 

แม้ทั้งสองจะพอใจแต่พวกเขาก็รู้สึกอิจฉาในเวลาเดียวกัน

 

หลี่จุนอิงเดินเข้าไปต้อนรับจ้าวเหลียนหยุนขณะที่ฝ่ายหลังยังรู้สึกมึนงง

 

“เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าประสบความสำเร็จหรือไม่? แล้วเจ้าได้รับสิ่งใด?” หลี่จุนอิงคว้าไหล่ของจ้าวเหลียนหยุนและเร่งถาม

 

จ้าวเหลียนหยุนขมวดคิ้ว “ข้าไม่แน่ใจ เมื่อข้าเข้าไป เจตจำนงหนึ่งปรากฏขึ้นและบอกให้ข้ารับท่าไม้ตามอมตะระดับเก้า ผนึกศักดิ์สิทธิ์”

 

“ผนึกศักดิ์สิทธิ์!” ดวงตาของหลี่จุนอิงกับซูเฮาเบิกกว้างก่อนที่พวกเขาจะมองหน้ากัน

 

อย่างไรก็ตามจ้าวเหลียนหยุนกลับรู้สึกผิดหวัง “ข้าไม่ได้กลายเป็นผู้อมตะ แล้วข้าจะสามารถช่วยท่านพี่หม่าหงหยุนได้หรือไม่?”

 

ซูเฮาหัวเราะ “แน่นอน! ข้าไม่เคยคิดว่ามรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จะเป็นสิ่งนี้ นี่เป็นโชคลาภครั้งใหญ่อย่างแท้จริง!”

 

“ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าผนึกศักดิ์สิทธิ์…” หลี่จุนอิงยังอ้าปากค้างเล็กน้อย “ในอดีตเทพปีศาจปล้นสวรรค์สร้างเส้นทางแห่งการโจมกรรมขึ้นมาและสามารถขโมยสมบัติจากผู้คนทั้งโลก ลือกันว่ามันเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันทั้งสองของเขา หนึ่งคือผนึกศักดิ์สิทธิ์ และอีกหนึ่งคือผนึกภูตผี”

 

ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนเบิกกว้าง “ผนึกศักดิ์สิทธิ์! ผนึกภูตผี!”

 

หลี่จุนอินพยักหน้า “ถูกต้อง ผนึกศักดิ์สิทธิ์ทำให้ผู้ใช้งานอยู่ในสภาพที่ไร้ความคิด เจตจำนง และอารมณ์ความรู้สึก เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอย่างไร? วิธีนี้จะช่วยป้องกันการอนุมานของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา มีเพียงผู้อมตะระดับเก้าบนเส้นทางแห่งปัญญาเท่านั้นที่สามารถต่อต้านสิ่งนี้”

 

ซูเฮากล่าวต่อ “เจ้าอาจไม่เชื่อ แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดของท่าไม้ตายอมตะผนึกศักดิ์สิทธิ์คือการหลบหนีจากภัยพิบัติสวรรค์พิภพ!”

 

หลี่จุนอิงแสดงออกอย่างมีความสุขแต่จ้าวเหลียนหยุนยังรู้สึกงุนงง

 

ซูเฮาหัวเราะ จ้าวเหลียนหยุนเป็นเพียงมนุษย์ไม่ใช่ผู้อมตะ ดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจควาสำคัญของเรื่องนี้

 

เขาอธิบายต่อย่างอดทน “ท่าไม้ตายอมตะผนึกศักดิ์สิทธิ์จะอำพรางเจ้าจากเจตจำนงสวรรค์ เมื่อเจตจำนงสวรรค์ไม่พบการคงอยู่ของเจ้า สวรรค์จะไม่ส่งภัยพิบัติสวรรค์พิภพลงมา เมื่อเจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ เจ้าจะไม่พบภัยพิบัติใดๆ หลังจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์คิดค้นท่าไม้ตายนี้ เขาไม่เคยพบภัยบัติอีกเลย”

 

“แต่สิ่งนี้มีข้อเสียเช่นกัน ภัยพิบัติสวรรค์พิภพเป็นวิธีเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าสำหรับผู้อมตะ เมื่อเจ้าไม่ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ความสำเร็จของเจ้าก็จะถูกจำกัด เว้นเพียงเจ้าจะมีวิธีอื่นเพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะของเจ้า ประวัติศาสตร์กล่าวว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์มีวิธีขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากผู้อื่น”

 

จ้าวเหลียนหยุนถาม “ผนึกศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังมาก แล้วผนึกภูตผีเป็นอย่างไร?”

 

ซูเฮาไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ขณะที่หลี่จุนอิงส่ายศีรษะ

 

“ผนึกศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้จักแต่ผนึกภูตผียังเป็นสิ่งลึกลับ ผู้คนคาดเดากันไปต่างๆนานา แต่ทั้งหมดไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่เคยมีคำตอบใดที่ได้รับการยอมรับ” ซูเฮาตอบ

 

หลี่จุนอิงกล่าวเบาๆ “แต่เมื่อท่าไม้ตายอมตะทั้งสองมีชื่อเสียงพอๆกัน พวกมันก็ควรมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ในระดับเดียวกัน”

 

จ้าวเหลียนหยุนกล่าว “นอกจากด่านรับสืบทอดที่ข้าเข้าไป ยังมีด่านรับสืบทอดอื่นของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อยู่ที่หุบเขาเหล่าโป มรดกนั้นเกี่ยวกับผนึกภูตผี”

 

“กระไรนะ!? ด่านรับสืบทอดมรดกที่สอง!?”

 

“และมันถูกซ่อนไว้ในหุบเขาเหล่าโป!?”

 

ซูเฮากับหลี่จุนอิงทั้งดีใจและประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset