Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1342 เมื่อพี่ชายตาย น้องชายก็รับช่วงต่อ

ห้องโถงบรรพชน

 

ห้องโถงบรรพชนอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์บนยอดเขาวูอี้

 

โดยทั่วไปแล้วทุกกองกำลังจะมีห้องโถงบรรพชนเพื่อเก็บป้ายวิญญาณ โคมไฟวิญญาณ หรือสายป่านโลหิต

 

วิญญาณสายป่านโลหิตเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งเลือดที่หายาก

 

กระทั่งนิกายใหญ่ของภาคกลางก็มีเพียงป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณเท่านั้น

 

วูป๋าชงยืนอยู่ในห้องโถงวิญญาณและมองเศษชิ้นส่วนของวิญญาณที่ถูกทำลายด้วยสายตาว่างเปล่า

 

ป้ายวิญญาณกลายเป็นเศษไม้ขณะที่โคมไฟวิญญาณแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

วูป๋าชงอายุมากแล้วแต่ร่างกายของเขาแข็งแรงราวกับหมี เส้นผมของเขาเป็นสีขาว จมูกกว้าง คิ้วหนา และมีดวงตาที่แหลมคม เขาเป็นผู้รับผิดชอบสถานที่แห่งนี้

 

เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของตระกูลวูและเป็นทหารผ่านศึก แต่ตอนนี้หน้าผากของเขายังเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

 

“ท่านวูหยงตายแล้ว!?” วูป๋าชงมองชิ้นส่วนวิญญาณระดับมนุษย์สองดวงและยืนนิ่งอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

 

“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ผู้อมตะระดับแปด เสาหลักของตระกูลวู เขาจะตายได้อย่างไร!?” วูป๋าชงไม่กล้าจินตนาการหรือเชื่อเรื่องนี้

 

“ท่านวูหยงตายจริงๆงั้นหรือ?” เขาถามตนเอง

 

หลังจากทั้งหมดป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณเป็นเพียงวิญญาณระดับมนุษย์ มีความเป็นไปได้ที่พวกมันจะถูกทำลายด้วยวิธีการบางอย่าง

 

แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถติดต่อวูหยง ไม่ว่าตระกูลวูจะพยายามอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสามารถติดต่อเขา นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธ

 

ไม่ว่าวูหยงจะตายหรือไม่สถานการณ์ของเขาก็ย่อมไม่ใช่เรื่องดี

 

“ผู้ใดสามารถทำเรื่องนี้?”

 

“ปีศาจอมตะระดับแปดหรือผู้บ่มเพาะสันโดษระดับแปด?”

 

“หรือตระกูลอื่นร่วมมือกันเพื่อจัดการตระกูลวูของเรา?”

 

วูป๋าชงยังคาดเดาต่อไป

 

ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งว้าวุ่นใจ

 

วูตู๋ซิ่วเสียชีวิต วูหยงหายตัวไป กองกำลังอันดับหนึ่งของภาคใต้ไม่มีผู้อมตะระดับแปดปกป้องอีกต่อไป

 

นี่เป็นสถานการณ์ร้ายแรง ตระกูลวูกำลังเผชิญหน้ากับหายนะและสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือพวกเขายังไม่รู้ตัวคนร้าย!

 

หลังจากปรับอารมณ์ ความหวาดกลัวยังเกาะกุมอยู่ในหัวใจของวูป๋าชง

 

โดยปกติวูตู๋ซิ่วหรือวูหยงจะเป็นผู้จัดการทุกสถานการณ์ แต่ตอนนี้พวกเขาควรทำอย่างไร?

 

วูป๋าชงตระหนักว่าเขาไม่สามารถแบกรับเรื่องนี้

 

ในยุคของวูตู๋ซิ่ว เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สอง หลังจากวูหยงเข้ารับตำแหน่ง เขาก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม

 

ในแง่ของความอาวุโส เขาเป็นหนึ่งในคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดของภาคใต้ อย่างไรก็ตามมันไร้ความหมายเพราะเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด พลังการต่อสู้ของเขาไม่โดดเด่น หากต้องต่อสู้กับเฒ่าพฤกษาปาเต๋อ เขาจะพบกับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

 

แม้ตระกูลวูจะมีผู้อมตะระดับเจ็ดหลายคนที่สามารถต่อสู้กับปาเต๋อ แต่วูป๋าชงมีฐานะสูงที่สุดในกลุ่มคนเหล่านี้

 

ดังนั้นเขาจึงเริ่มคิด ‘ข้าควรทำอย่างไร?’

 

‘แม้ท่านวูหยงจะยังไม่ตาย แต่เขาก็หายตัวไป ขณะที่ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของเขาแตกสลาย เมื่อข่าวรั่วไหลออกไป มันจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ หัวใจของทุกคนจะสั่นคลอน’

 

‘ข้าควรซ่อนข้อมูลนี้หรือไม่?’

 

วูป๋าชงส่ายศีรษะ

 

ผู้อมตะของตระกูลวูหลายคนรู้ข่าวนี้แล้ว

 

หากวูหยงตายจริง คนร้ายจะฉวยโอกาสโจมตีตระกูลวูอย่างแน่นอน

 

ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปิดข่าวนี้แม้เขาจะต้องการก็ตาม

 

‘เราต้องตามหาท่านวูหยงอย่างเร่งด่วนหรือข้าควรเรียกผู้อมตะของตระกูลที่อยู่ข้างนอกให้กลับมาปกป้องตระกูล?’

 

วูป๋าชงขมวดคิ้ว

 

ทั้งสองตัวเลือกล้วนอันตราย

 

การตามหาวูหยงอันตรายอย่างแน่นอน ผู้อมตะระดับเจ็ดจะสามารถต่อสู้กับคนที่สามารถทำลายป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของวูหยงได้อย่างไร

 

ในทางตรงข้ามหากเรียกกลุ่มผู้อมตะกลับมา แหล่งทรัพยากรของตระกูลจะถูกฉกชิงไป ตระกูลวูจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่

 

แล้วเขาควรทำอย่างไร?

 

วูป๋าชงลังเล เขาติดอยู่ระหว่างสองทางเลือกที่ยากลำบาก

 

เมื่อเวลาผ่านไป เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากและตัดสินใจปัดทางเลือกทั้งสองทิ้งไป เขาจะจัดประชุมและจะดำเนินการตามมติของที่ประชุม

 

วูหยงหายตัวไปและไม่สามารถติดต่อ พายุใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ

 

…..

 

ภาคใต้ ค่ายกลวิญญาณ

 

ฟางหยวนนั่งปิดเปลือกตาบ่มเพาะขณะฟังรายงานจากเทพธิดากระต่ายขาว

 

เทพธิดากระต่ายขาวได้รับมรดกที่แท้จริงกระต่ายขาว

 

นี่เป็นมรดกที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในภาคใต้ ผู้รับสืบทอดมรดกนี้ต้องมีจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ เมื่อพวกเขาบ่มเพาะมันในอนาคต พวกเขาก็ยังต้องรักษาจิตใจที่บริสุทธิ์เอาไว้ มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถใช้ทักษะของมรดกนี้ หากฝ่าฝืน พวกเขาจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ

 

แน่นอนว่าเทพธิดากระต่ายขาวมีคุณสมบัติดังกล่าวและได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วไป

 

วูอันสังเกตเห็นสิ่งนี้ตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงโน้มน้าวเทพธิดากระต่ายขาวให้เป็นคนกลางในการดำเนินธุรกิจซื้อขายโอกาส

 

เทพธิดากระต่ายขาวจะเข้ามาภายในค่ายกลวิญญาณและรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับธุรกิจซื้อขายโอกาสให้ฟางหยวนทราบเป็นครั้งคราว

 

แม้ฟางหยวนจะไม่ได้รับประโยชน์จากธุรกิจนี้ แต่เขาต้องรับฟังสถานการณ์ทางธุรกิจเพราะมันทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆอาณาจักรแห่งความฝัน

 

เสียงของเทพธิดากระต่ายขาวเหมือนสายน้ำที่ราบเรียบ นางกล่าวพร้อมกับมองหน้าฟางหยวน

 

ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของวูอี้ไห่ ตอนนี้ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาและสง่างามมาก

 

เทพธิดากระต่ายขาวตกหลุมรักเขาอย่างหมดหัวใจ นางจงใจกล่าวช้าๆเพื่อใช้เวลาอันมีค่านี้กับฟางหยวน

 

น่าเสียดายที่ทุกครั้งที่นางพบฟางยวนห เขาจะพูดเพียงสองประโยค ประโยคแรกคือขอให้เทพธิดากระต่ายขาวนั่งลงและรายงาน ประโยคที่สองคือบอกให้นางจากไป

 

แต่ถึงกระนั้นเทพธิดากระต่ายขาวก็พอใจมากแล้ว

 

นางรู้ดีว่าวูอี้ไห่มีสถานะสูงส่ง นางรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยและไม่สามารถเปรียบเทียบกับฟางหยวน นางมีความสุขมากแล้วที่ได้ใช้เวลากับเขาในลักษณะนี้

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของเทพธิดากระต่ายขาวหยุดลง

 

เพราะนางเห็นการแสดงออกของฟางหยวนที่เปลี่ยนแปลงไป

 

สถานการณ์นี้หาได้ยากมาก หัวใจของเทพธิดากระต่ายขาวบีบรัดตัวแน่น เกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านวูอี้ไห่? เขากำลังพบกับปัญหาใดหรือไม่?

 

ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างอุกอาจ

 

“วูอี้ไห่ ตอนนี้เจ้ายังมีอารมณ์ผ่อนคลายและใช้เวลาอยู่กับผู้หญิงอีกงั้นหรือ?” ผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งบุกเข้ามาในห้องโถง

 

เทพธิดากระต่ายขาวหันหลังกลับเพื่อพบกับหญิงสาวในชุดสีเขียว ผิวของนางขาวราวหิมะ ร่างกายของนางละเอียดอ่อนราวกับต้นหลิว

 

นางมีใบหน้าที่งดงามมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่ทรงเสน่ห์ของนางที่ซ่อนอยู่ภายใต้แพขนตายาว

 

‘นางคือเฉียวซื่อหลิวของตระกูลเฉียว!’ เทพธิดากระต่ายขาวจำหญิงผู้นี้ได้ทันทีขณะที่นางกลายเป็นตื่นตระหนก

 

นางรู้ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงผู้นี้กับฟางหยวน

 

เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือเกี่ยวกับฟางหยวนและเฉียวซื่อหลิวที่แพร่กระจายออกไป

 

‘เทธิดาซื่อหลิวงดงามสมคำล่ำลือ’

 

‘มีเพียงคนเช่นนี้ถึงจะคู่ควรกับท่านวูอี้ไห่’

 

เทพธิดากระต่ายขาวคิดเช่นนี้ขณะที่นางรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

 

เฉียวซื่อหลิวมองเทพธิดากระต่ายขาวที่กำลังก้มหน้าลงและดูเหมือนจะไม่สนใจแต่แท้จริงแล้วนางสนใจมาก

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวซื่อหลิวได้พบกับเทพธิดากระต่ายขาว

 

นางพิจารณาร่างกายที่บอบบางของเทพธิดากระต่ายขาว ดวงตาสีทับทิม หูกระต่ายที่น่ารักและพบว่าหญิงผู้นี้ด้อยกว่านางเพียงเล็กน้อย แต่ผู้ชายมักชื่นชอบสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่เต็มไปด้วยความน่ารักเช่นนี้เสมอ

 

‘แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาจัดการเรื่องนาง’ เฉียวซื่อหลิวลอบถอนหายใจ นางเดินผ่านเทพธิดากระต่ายขาวและเดินเข้าไปหาฟางหยวน

 

ฟางหยวนเปิดเปลือกตาและลุกขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้ม “เทพธิดา การมาเยือนของท่านช่างน่ายินดีนัก”

 

เทพธิดากระต่ายขาวมองฟางหยวนและคิดด้วยความงุนงง ‘วูอี้ไห่ยิ้มอีกครั้ง ข้าไม่เห็นเขายิ้มมานานแล้ว เมื่อเขายิ้ม เขาดูเหมือนดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ หากเพียงแค่เขาจะยิ้มให้ข้า!’

 

เฉียวซื่อหลิวมองฟางหยวนอย่างจริงจัง “ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้เรื่องจริงๆ! เห้อ…คำกล่าวต่อไปของข้าจะทำให้เจ้าตกตะลึงและไม่มีความสุข”

 

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

เฉียวซื่อหลิวไม่ตอบ นางหันหน้าไปทางเทพธิดากระต่ายขาวและกล่าว “เจ้าออกไปก่อน ข้าต้องการคุยกับเจ้านายของเจ้า”

 

“อา…” เทพธิดากระต่ายขาวมึนงง

 

ฟางหยวนโบกมือ “กระต่ายขาว ออกไปก่อน”

 

เทพธิดากระต่ายขาวไม่กล้าไม่ทำตามและต้องจากไปเท่านั้น

 

เมื่อประตูปิดลง เฉียวซื่อหลิวก็เริ่มกล่าว “วูหยงหายตัวไป ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของเขาถูกทำลาย ข่าวยังไม่แพร่กระจายออกไป แต่ตอนนี้ตระกูลวูกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย”

 

“กระไรนะ!?” ฟางหยวนตกตะลึง

 

นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไป

 

ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณถูกทำลาย มันหมายความว่าวูหยงตายแล้ว

 

เขาเป็นเสาหลักของตระกูลวู หากเขาตาย ตระกูลวูจะปกป้องอาณาจักรของพวกเขาได้อย่างไร?

 

เฉียวซื่อหลิวกล่าวต่อ “อี้ไห่ ข้ามาที่นี่เพื่อยืมมือเจ้า เจ้าเป็นน้องชายของวูหยง เจ้าเป็นคนที่มีสายเลือดใกล้ชิดที่สุดของเขาและมีระดับการบ่มเพาะที่เพียงพอ เมื่อวูหยงหายตัวไป เจ้าต้องรับช่วงต่อและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลวู”

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset