Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1375 การต่อสู้สิ้นสุด

“สัตว์อสูรแรกกำเนิดอีกตัว!”

 

“มีคนออกจากสนามรบ!”

 

“ดูเหมือนมันจะมาจากทิศทางของค่ายกลวิญญาณ”

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดนำฟางหยวน อิงอู๋เซี่ย และคนอื่นๆออกจากสนามรบอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

 

ในความเป็นจริงเมื่อกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ หลายคนก็เริ่มรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ

 

“ผู้อมตะที่อยู่บนแผ่นหลังของนกอินทรีย์ตัวนั้นคือกลุ่มที่โจมตีพวกเรา!”

 

“วูอี้ไห่กำลังทำสิ่งใด?”

 

“เร็วเข้า ให้เราเข้าไป!”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เริ่มประท้วง

 

อย่างไรก็ตามไม่มีการตอบสนองจากวูอี้ไห่

 

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนเปลี่ยนรูปลักษณ์และหลบหนีไปแล้ว

 

“จื่อกุ้ย ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ” เฒ่าพฤกษาปาเต๋อเดินเข้าไปหาจื่อกุ้ย

 

ไม่สำคัญว่าผู้อมตะคนอื่นๆจะติดต่อวูอี้ไห่ไม่ได้

 

สิ่งสำคัญคือตระกูลวู ตระกูลเฉียว โดยเฉพาะเทพธิดาเฉียวซื่อหลิวก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากวูอี้ไห่ ชัดเจนว่าเขามีปัญหา

 

วูอี้ไห่ควบคุมค่ายกลวิญญาณทั้งหมด หากเขาผิดพลาด มันจะกลายเป็นปัญหาร้ายแรง

 

จื่อกุ้ยพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขารู้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้

 

ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูจื่อ จื่อชิวหยู แม้จื่อกุ้ยจะไม่สามารถควบคุมค่ายกลวิญญาณ แต่เขายังสามารถตรวจอสบสถานะของมัน

 

มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น

 

หลังการตรวจสอบ การแสดงออกของจื่อกุ้ยเปลี่ยนไปทันที

 

ปาเต๋าสังเกตเห็นความหวาดกลัวของจื่อกุ้ยและเร่งถาม “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

“วูอี้ไห่หายตัวไป ค่ายกลวิญญาณถูกควบคุมโดยสองกองกำลัง พวกเขากำลังต่อสู้กัน หนึ่งเป็นผู้อมตะภาคกลาง อีกหนึ่งเป็นผู้อมตะภาคเหนือ จากกลิ่นอายของทั้งสอง พวกเขาต่างเป็นผู้อมตะระดับแปด!” จื่อกุ้ยกล่าวอย่างยากลำบาก

 

ปาเต๋อตะลึง

 

เรื่องนี้ร้ายแรงเกินไป

 

เขาสูดหายใจลึกสองสามครั้งขณะที่เหงื่ออันเย็นเยียบปกคลุมอยู่บนหน้าผากของเขา

 

อันตรายเกินไป!

 

สถานการณ์นี้อันตรายเกินไป

 

‘วูอี้ไห่หายตัวไปอย่างลึกลับ เขาน่าจะถูกฆ่าไปล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะระดับแปดคนใดที่แทรกซึมเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ พวกเขาก็สามารถสังหารวูอี้ไห่ที่เป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด!’

 

ปาเต๋อเริ่มอนุมาน

 

ตอนนี้เขายังคิดไม่ถึงว่าฟางหยวนเป็นคนทรยศ

 

นี่เป็นผลมาจากการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของฟางหยวนเช่นการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาก่อนหน้านี้

 

สิ่งสำคัญก็คือพวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าวูอี้ไหจะร่วมมือกับนิกายเงา

 

เพราะเหตุใด?

 

เพราะไม่นานมานี้หลังจากปาฉวนฟงหักหลังผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ค่ายกลวิญญาณไม่สามารถใช้งาน ในช่วงเวลาสำคัญ ฟางหยวนได้ช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้โดยการกระตุ้นใช้งานแนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณ

 

เรื่องนี้ทิ้งความประทับใจไว้ในหัวใจของผู้อมตะภาคใต้

 

หากคนผู้นี้เป็นสายลับของนิกายเงา เขาจะขัดขวางแผนการของนิกายเงาในช่วงเวลาสำคัญได้อย่างไร?

 

‘คิดไปแล้วเป็นความโชคดีที่ปาฉวนฟงหักหลังพวกเรา หากข้าเป็นผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณ เวลานี้ข้าอาจมีจุดจบเดียวกับวูอี้ไห่ ข้าควรขอบคุณวูอี้ไห่ที่ตายแทนข้า’ จื่อกุ้ยลอบถอนหายใจอยู่ภายใน

 

ไม่ว่าวูอี้ไห่จะตายหรือไม่ ป่าเต๋าก็ต้องยอมรับในไม่ช้า

 

เขาไม่ใส่ใจความตายของวูอี้ไห่และยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลก

 

แต่ปาเต๋อไม่สามารถหัวเราะออกมา

 

‘ค่ายกลวิญญาณไม่ได้อยู่ในการควบคุมของพวกเราแล้ว นิกายเงาล่าถอย แต่วังสวรรค์ยังอยู่ที่นี่ พวกเขาต้องการสิ่งใด?’ ปาเต๋อไตร่ตรองปัญหาร้ายแรงนี้

 

ก่อนหน้านี้วังสวรรค์และผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ยืนหยัดร่วมมือกันต่อต้านนิกายเงา

 

แต่ตอนนี้นิกายเงาจากไปแล้ว ขณะที่เทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับกุม

 

วังสวรรค์จะทำสิ่งใดต่อไป?

 

ปาเต๋อไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้

 

เพราะไม่นานมานี้วังสวรรค์ได้จัดตั้งกลุ่มลับบุกภาคเหนือและทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แม้สุดท้ายพวกเขาจะต้องล่าถอยด้วยความพ่ายแพ้ก็ตาม

 

สถานการณ์ปัจจุบันคล้ายกันมาก

 

วังสวรรค์จัดกลุ่มบุกภาคใต้ มันไม่ง่ายที่จะบอกจุดยืนของพวกเขา

 

แม้ทั้งสองกองกำลังจะเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะเช่นเดียวกัน แต่ปาเต๋อผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงของฝ่ายธรรมะมาอย่างยาวนาน เขารู้บางสิ่ง

 

การเมืองไม่เคยให้ความสำคัญกับศีลธรรม แต่มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์

 

พวกเขาจะปกป้องผลประโยชน์ของตนเองได้อย่างไร?

 

คำตอบคือความแข็งแกร่ง!

 

หากค่ายกลวิญญาณยังอยู่ในการควบคุมของพวกเขา กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะมีความมั่นใจในการเจรจากับวังสวรรค์

 

แต่ตอนนี้วูอี้ไห่หายตัวไปขณะที่ค่ายกลวิญญาณถูกผู้อื่นยึดครอง

 

ยิ่งปาเต๋อคิดมากเท่าใด การแสดงออกของเขาก็ยิ่งไม่น่ามองมากเท่านั้น

 

แต่เขาไม่เสียเวลาคิดมากเกินไป

 

เขาอ้าปากและตัดสินใจอย่างยากลำบาก “ถอย”

 

“ถอย? เราจะละทิ้งค่ายกลวิญญาณงั้นหรือ? วิญญาณอมตะของเราอยู่ที่นี่” จื่อกุ้ยชี้นิ้วไปยังอาณาจักรแห่งความฝัน “ดูอาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้ วังสวรรค์อาจมีวิธีรวบรวมพวกมัน หากเราล่าถอย วิญญาณอมตะและอาณาจักรแห่งความฝันทั้งหมดอาจถูกฉกชิงไป แล้วผู้ใดจะรับผิดชอบเรื่องนี้?”

 

ปาเต๋อมองจื่อกุ้ยอย่างเย็นชา “หากเจ้าต้องการอยู่ก็อยู่ หากไม่ก็หนีไป”

 

เขาทิ้งประโยคนี้ไว้และนำผู้อมตะคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของตระกูลปาจากไปทันที

 

การแสดงออกของปาเต๋าสร้างความโกลาหลขึ้น

 

ก่อนที่ปาเต๋อจะจากไป เขาแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาแล้ว

 

ตระกูลวูและตระกูลเฉียวพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่โดยเฉพาะการหายตัวไปของวูอี้ไห่

 

ค่ายกลวิญญาณไม่ได้อยู่ในการควบคุมของพวกเขาอีกต่อไป ดังนั้นผู้อมตะภาคใต้คนอื่นๆจึงเริ่มเลียนแบบปาเต๋อและล่าถอย

 

อย่างไรก็ตามวูเหลียวไม่ได้จากไป

 

วูอี้ไห่เป็นน้องชายของวูหยง ตอนนี้เขาหายตัวไป ในฐานะผู้อมตะตระกูลวู เขาจะล่าถอยได้อย่างไร?

 

“ข้าเชื่อว่าท่านวูอี้ไห่ยังมีชีวิตอยู่และสบายดี” เฉียวซื่อหลิวคิดก่อนจะจากไปพร้อมกับผู้อมตะตระกูลเฉียว

 

ผู้อมตะภาคใต้ส่วนใหญ่ล่าถอย เหลือเพียงจื่อกุ้ย วูเหลียว และผู้อมตะอีกสองสามคน พวกเขาเลือกที่จะเชื่อในวังสวรรค์เพราะคนเหล่านั้นเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะเช่นกัน

 

หอคอยดวงตาสวรรค์ยังต่อสู้อยู่กับจ้าวเย่ฮุ้ย

 

จ้าวเย่ฮุ้ยเกลียดชังผู้อมตะของวังสวรรค์มาก มันไม่ใช่เพียงความอยากอาหาร

 

จุดนี้ได้รับการคำนวณมาอย่างแม่นยำโดยราชันภูเขาม่วง

 

“ผู้ใดกล้าขวางทางข้า!” ในที่สุดเทพธิดาจื่อเว่ยก็สามารถทำลายเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงลงอย่างสมบูรณ์

 

ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้บรรลุเป้าหมายของนางและเข้าควบคุมค่ายกลวิญญาณ

 

อย่างไรก็ตามนางกลับไม่มีความสุขแม้แต่น้อย

 

ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำนิกายเงาและหลบหนีไปใต้จมูกของนาง

 

เทพธิดาจื่อเว่ยตระหนักถึงความเร็วของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด นางไม่สามารถไล่ล่าศัตรูได้ในเวลานี้

 

อารมณ์ของนางแย่มาก

 

หลังจากควบคุมค่ายกลวิญญาณ นางรีบติดต่อราชันมังกร “ท่านราชันมังกร สถานการณ์ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

ทั้งหมดที่นางได้ยินคือเสียงดัง

 

รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นก่อนที่ผู้อมตะระดับแปดจะบินออกมาจากภายใน

 

เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากราชันมังกร

 

มันเป็นเพียงว่าเขาดูไม่ทรงพลังเหมือนก่อนหน้าขณะที่ใบหน้าของเขามืดมนและบูดบึ้งราวกับเขากำลังอดทนต่อบางสิ่ง

 

หัวใจของเทพธิดาจื่อเว่ยกระตุก นางกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณนำราชันมังกรเข้าไปทันที

 

“ท่านราชันมังกร เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

ราชันมังกรกัดฟันกล่าว “เทพปีศาจจิตวิญญาณยังเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อข้าย้ายประตูแห่งชีวิตและความตายมาไว้ในมิติช่องว่างเทียมของข้า เทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามใช้พลังอำนาจของประตูแห่งชีวิตและความตายเพื่อทำลายดวงวิญญาณของข้า เราต้องกลับวังสวรรค์ทันทีและใช้พลังของวังสวรรค์แยกเทพปีศาจจิตวิญญาณออกจากร่างของข้าและกำหราบมัน!”

 

หัวใจของเทพธิดาจื่อเว่ยจมดิ่งลง นางไม่คิดว่าสถานการณ์จะรุนแรงถึงเพียงนี้

 

เทพปีศาจจิตวิญญาณเคยเป็นผู้อมตะระดับเก้า แม้เขาจะถูกจับกุมโดยวังสวรรค์และมีโอกาสเพียงเล็กน้อย แต่เขายังสามารถตอบโต้อย่างรุนแรง

 

“ทราบแล้ว!” เทพธิดาจื่อเว่ยเร่งตอบรับ

 

“แต่เราจะจัดการจ้าวเย่ฮุ้ยและผู้อมตะภาคใต้อย่างไร? ฟางหยวนหลบหนีไปแล้ว” เทพธิดาจื่อเว่ยคิดก่อนถาม

 

ราชันมังกรกล่าวโดยไม่ลังเล “จ้าวเย่ฮุ้ยไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันไม่สามารถติดตามหอคอยดวงตาสวรค์ ลืมกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไปซะ เทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ในร่างของข้าแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบเราไม่ได้ล้มเหลว เราทั้งคู่อยู่ในค่ายกลวิญญาณของฝ่ายธรรมะ การโจมตีฝ่ายธรรมะไม่เป็นประโยชน์ต่อแผนการใหญ่ของเราในอนาคต สำหรับฟางหยวน…”

 

ขณะกล่าวถึงเรื่องนี้ ราชันมังกรมองไปที่เทพธิดาจื่อเว่ย

 

ความละอายใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง “ข้าพลาด”

 

อย่างไรก็ตามราชันมังกรกลับเผยรอยยิ้ม “ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใด”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยตอบ “ท่านราชันมังกรเป็นคนฉลาด โจรชั่วฟางหยวนถูกโจมตีด้วยวิธีการบางอย่างของข้าแล้ว เช่นเดียวกับสมาชิกที่เหลืออยู่ของนิกายเงา”

 

“ดี กำลังเสริมของผู้อมตะภาคใต้กำลังมาจากทุกทิศทาง เราต้องล่าถอยอย่างรวดเร็วที่สุด” ราชันมังกรพยักหน้า

 

ในที่สุดกำลังเสริมของกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ก็มาถึง

 

แต่สิ่งที่พวกเขาพบมีเพียงสนามรบที่พังทลาย

 

อาณาจักรแห่งความฝันกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง พวกมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

ค่ายกลวิญญาณหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

เมื่อเทพธิดาจื่อเว่ยสามารถควบคุมมัน นางก็สามารถทำลายมัน วิญญาณอมตะจำนวนมากของภาคใต้ถูกยึดครองโดยวังสวรรค์

 

ราชันมังกรและเทพธิดาจื่อเว่ยเข้าสู่หอคอยดวงตาสวรรค์และบินขึ้นสู่สวรรค์สีขาว

 

จ้าวเย่ฮุ้ยไม่ยินดีปล่อยพวกเขาไป มันพุ่งเข้าสู่สวรรค์สีขาวเช่นกัน

 

ผู้อมตะภาคใต้มารวมตัวกันที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบร้อยปี

 

วูหยง จื่อชิวหยู และคนอื่นๆมองสนามรบด้วยใบหน้าซีดขาว

 

พวกเขาพบความสูญเสียครั้งใหญ่!

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset