Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1389 ฟางหยวน ฟงจิวเก้อ และวูหยง

“ฮ่าฮ่าฮ่า” วูหยงหัวเราะเสียงดัง

 

เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

 

เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธฟงจิวเก้อที่ต้องการช่วยฟางหยวน

 

“ดี”

 

“ดี”

 

“พวกเจ้าทั้งคู่เป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด”

 

“ให้ข้าได้เห็นความแข็งแกร่งของพวกเจ้า!”

 

ความภาคภูมิใจและความมั่นใจในฐานะผู้อมตะระดับแปดทำให้เจตนาสังหารในหัวใจของวูหยงปะทุขึ้น

 

เขามั่นใจในชัยชนะ

 

หนึ่งต่อสอง?

 

วูหยงเป็นผู้อมตะระดับแปดขณะที่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด

 

มีความแตกต่างระหว่างระดับเจ็ดและระดับแปด

 

โดยยังไม่ต้องกล่าวถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบ้านไม้ไผ่สายลม!

 

วูหยงคิดไม่ออกว่าเขาจะแพ้ได้อย่างไร

 

การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศกลายเป็นตึงเครียด

 

ฟงจิวเก้อค่อยๆเคลื่อนที่เข้าไปหาวูหยงขณะเดียวกันก็กล่าวกับฟางหยวน “เจ้าเคยช่วยชีวิตข้า ตอนนี้ข้ากำลังจะช่วยชีวิตเจ้า บุญคุณได้รับการชำระแล้ว เจ้าควรจากไป แต่เจ้าจะสามารถหลบหนีไปจากที่นี่ได้หรือไม่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าเอง”

 

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ

 

พิจารณาถ้อยคำเหล่านี้ ชัดเจนว่าฟงจิวเก้อจะไม่ร่วมมือกับฟางหยวนแต่จะต่อสู้กับวูหยงเพียงลำพัง

 

“ตกลง” ฟางหยวนล่าถอยทันที

 

เขาจะทิ้งโอกาสนี้ได้อย่างไร?

 

เมื่อเห็นฟงจิวเก้อต้องการต่อสู้เพียงลำพัง ช่วยไม่ได้ที่วูหยงจะรู้สึกชื่นชมและกล่าว “เอาล่ะ ให้ข้าเห็นพลังอำนาจของอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงของภาคกลาง”

 

จากนั้นเขาก็เก็บบ้านไม้ไผ่สายลมกลับเข้าไปในมิติช่องว่าง

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดเป็นไพ่ตายของเขา

 

มันถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณอมตะระดับแปดหลายดวง โดยธรรมชาติแล้วมันต้องพึ่งพาพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล วูหยงใช้งานมันมาเป็นเวลานานในการไล่ล่าฟางหยวน

 

ดังนั้นตอนนี้วูหยงจึงตัดสินใจเก็บมันไว้ชั่วคราว

 

นี่เหมือนกับการเก็บดาบศักดิ์สิทธิ์ไว้ในฝัก ศัตรูจะไม่มีวันรู้ว่าเมื่อใดที่วูหยงจะชักดาบเล่มนี้ออกมา ความไม่รู้จะสร้างแรงกดดันและความหวาดกลัวให้กับฝ่ายตรงข้าม

 

ในเวลาเดียวกันสิ่งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเองของวูหยง

 

เขาต้องการต่อสู้กับฟงจิวเก้ออย่างยุติธรรม

 

ทั้งสองพร้อมต่อสู้!

 

สายลมกรรโชกแรงรอบตัววูหยงก่อนจะหยุดลงอย่างกะทันหัน

 

ฟงจิวเก้อและฟางหยวนเฝ้ามองอย่างตั้งใจ

 

นี่เป็นสัญญาณของการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของวูหยง

 

ก่อนหน้านี้กลิ่นอายที่ทรงพลังถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด ไม่ว่าฟงจิวเก้อหรือฟางหยวน ทั้งคู่ไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งใด

 

ฟงจิวเก้อเร่งถอยกลับและสร้างระยะห่างออกจากวูหยง

 

เขาจะกล้าอวดดีกับผู้อมตะระดับแปดได้อย่างไร?

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับท่าไม้ตายอมตะที่ไม่รู้จักอย่างสิ้นเชิง การเผชิญหน้ากับมันอย่างประมาทเป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น

 

สายลมอ่อนพัดมาอย่างไม่รู้จบสิ้นก่อนจะควบรวมเป็นร่างขนาดใหญ่

 

มันมีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์แต่สูงเท่าช้าง ร่างกายของมันเป็นสีน้ำเงินเข้ม มีเขี้ยวอันแหลมคมยื่นออกมาจากปาก แขนคู่มหึมาของมันยาวลงไปถึงเท้า ดวงตาของมันดำสนิท

 

ท่าไม้ตายอมตะนับรบสายลมอ่อน!

 

วูหยงสร้างนักรบสายลมอ่อนหกร่างพร้อมกัน

 

นักรบสายลมอ่อนคำรามเสียงดังด้วยเสียงแหลมสูง

 

พวกมันแบ่งออกเป็นสองกลุ่มๆละสามคน กลุ่มแรกโจมตีฟงจิวเก้อ กลุ่มที่สองไล่ล่าฟางหยวน

 

ฟงจิวเก้อต้องต่อสู้กับวูหยงขณะที่วูหยงต้องการจัดการทั้งฟงจิวเก้อและฟางหยวน

 

ดวงตาของฟงจิวเก้อส่องประกายขึ้นเมื่อเห็นท่าไม้ตายของวูหยง เขาไม่ถอยแต่ปลดปล่อยการโจมตีระยะไกลออกจากฝ่ามือ

 

“ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง”

 

เสียงดังจากฝ่ามือของฟงจิวเก้อ

 

คลื่นเสียงแผ่กระจายออกไปและสัมผัสนักรบสายลมอ่อนทั้งหก

 

นักรบสายลมอ่อนที่น่าเกรงขามก่อนหน้านี้ถูกหยุดการเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์

 

รูม่านตาของฟางหยวนและวูหยงหดเล็กลงเมื่อเห็นสิ่งนี้

 

ทั้งคู่ตะลึง!

 

ฟงจิวเก้อเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่ท่าไม้ตายอมตะของเขากลับไม่ด้อยกว่าวูหยง

 

ไม่ว่าจะเป็นฟางหยวนหรือวูหยง ทั้งคู่สามารถมองเห็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียงจำนวนมหาศาลบนร่างของฟงจิวเก้อ

 

มันกระทั่งสามารถเทียบเคียงกับวูหยง!

 

คนผู้นี้ฝึกฝนมาถึงระดับนี้ได้อย่างไร?

 

ฟางหยวนประหลาดใจมากขณะที่เขาสังเกตการต่อสู้จากระยะไกล

 

เหตุผลที่ฟางหยวนสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดเป็นเพราะเกราะหวนคืน แต่ฟงจิวเก้อสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดเพราะรากฐานที่ลึกซึ้งของเขา

 

หากเปรียบเทียบ ฟางหยวนยังด้อยกว่าฟงจิวเก้ออยู่มาก

 

‘เขาฝึกฝนมาอย่างไร? รากฐานระดับนี้ไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถเอาชนะสิบนิกายโบราณและมีความมั่นใจที่จะต่อสู้กับวูหยง!’

 

‘มันเป็นรากฐานที่แท้จริงหรือเป็นวิธีการชั่วคราวที่คงอยู่ได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ?’

 

ฟางหยวนไตร่ตรอง

 

โดยธรรมชาติแล้วความสนใจหลักของฟางหยวนยังอยู่ที่ท่าไม้ตายเขตแดนอตะของวูหยง นอกจากนั้นเขายังต้องวิเคราะห์และอนุมานเกี่ยวกับกรงอากาศ

 

ในเวลาเดียวกันสมาชิกนิกายเงาที่อยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวนก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่

 

เมื่อเห็นนักรบสายลมอ่อนกลายเป็นไร้ประโยชน์ วูหยงจึงกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอื่น

 

เขาใช้แส้สายลมฟาดไปที่ฟงจิวเก้อโดยตรง

 

แส้สายลมถูกฟาดออกไปอย่างต่อเนื่องและสร้างเสียงระเบิดที่คมชัดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ฟงจิวเก้อใช้มือซ้ายจัดการนักรบสายลมอ่อนและใช้หมัดขวาต่อต้านแส้สายลม

 

ฝ่ามือข้างซ้ายของฟงจิวเก้อส่งคลื่นอัดอากาศพร้อมกับเสียงระฆังออกไปโจมตีนักรบสายลม

 

หมัดขวาของเขาส่งเสียงกลองสงครามขณะปะทะแส้สายลม

 

“เคร้ง เคร้ง เคร้ง…”

 

“ปัง ปัง ปัง…”

 

ฟงจิวเก้อสามารถต่อสู้กับวูหยงได้อย่างเท่าเทียม

 

กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกมึนงง

 

เหตุผลหลักก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของฟงจิวเก้อที่ไม่ด้อยกว่าผู้อมตะระดับแปดเช่นวูหยง

 

สิ่งนี้ต่อต้านสามัญสำนึกของโลกผู้อมตะอย่างสมบูรณ์

 

ความแตกต่างระหว่างระดับเจ็ดและระดับแปดก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

 

โดยเฉลี่ยแล้วภัยพิบัติพิภพจะมอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าให้แก่ผู้อมตะประมาณสองร้อยห้าสิบร่องรอย

 

ภัยพิบัติสวรรค์เจ็ดร้อยห้าสิบร่องรอย

 

ภัยพิบัติใหญ่เจ็ดพันสองร้อยห้าสิบร่องรอย

 

และหมื่นภัยพิบัติแปดหมื่นหกพันเจ็ดร้อยห้าสิบร่องรอย

 

ความแตกต่างระหว่างระดับเจ็ดกับระดับแปดมหาศาลมาก ขณะที่ความแตกต่างระหว่างระดับแปดกับระดับเก้าราวกับสวรรค์และพิภพ

 

นี่คือเหตุผลที่ผู้อมตะระดับเก้าสามารถบดขยี้ผู้อมตะระดับแปดและผู้อมตะระดับแปดสามารถจัดการผู้อมตะระดับเจ็ดได้อย่างง่ายดาย

 

เมื่อผู้อมตะก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

ทุกคนรู้ตรรกะนี้

 

ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้อมตะระดับเจ็ดจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเท่ากับผู้อมตะระดับแปด มิฉะนั้นโลกใบนี้คงมีผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดอยู่มากมาย

 

อย่างไรก็ตามฟงจิวเก้อกลับเป็นข้อยกเว้น เขาสามารถทำลายขีดจำกัดนี้ได้จริงๆ

 

‘หากมันเป็นพลังอำนาจที่เพิ่มขึ้นชั่วคราว มันจะเป็นเรื่องง่ายที่สามารถยอมรับ แต่หากมันเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของเขาจริงๆ มันจะน่ากลัวเกินไป’ ฟางหยวนคิดกับตนเอง

 

วูหยงไม่โกรธที่ฟงจิวเก้อสามารถต่อสู้กับเขาได้อย่างเท่าเทียม

 

“ดี”

 

“สมกับเป็นฟงจิวเก้อ”

 

“เช่นนั้นลองท่าไม้ตายนี้”

 

วูหยงชี้นิ้วไปที่ฟงจิวเก้อ

 

หนอนตัวน้อยถูกยิงออกจากปลายนิ้วและกลายเป็นมังกรวายุร่างกายใหญ่โตอย่างรวดเร็ว

 

ท่าไม้ตายอมตะดัชนีมังกรวายุ!

 

รูม่านตาของฟงจิวเก้อหดเล็กลง เขาเร่งล่าถอย

 

มังกรวายุทรงพลังมาก ฟงจิวเก้อไม่สามารถเผชิญหน้ากับมันได้โดยตรง

 

นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะท่าไม้ตายอมตะดัชนีมังกรวายุของวูหยงมีวิญญาณอมตะระดับแปดเป็นแกนกลาง

 

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของฟงจิวเก้ออาจเท่าเทียมกับวูหยงแต่เขาไม่มีวิญญาณอมตะระดับแปด

 

ฟงจิวเก้อไม่สามารถรับมือท่าไม้ตายอมตะระดับแปดด้วยท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดของเขา

 

เขาถอยกลับแต่ยังส่งหมัดและฝ่ามือออกมาอย่างไม่รู้จบสิ้น หลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดซ้ำๆ ในที่สุดมังกรวายุก็อ่อนแอลง

 

แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟงจิวเก้อต้องใช้พลังงานอมตะระดับเจ็ดจำนวนมหาศาล

 

ในทางกลับกันวูหยงใช้จ่ายพลังงานอมตะระดับแปดไปเพียงเล็กน้อย

 

ฟงจิวเก้อด้อยกว่าวูหยงในแง่นี้

 

นอกจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ผู้อมตะระดับแปดยังเหนือกว่าผู้อมตะระดับเจ็ดในแง่มุมอื่นเช่นคุณภาพของพลังงานอมตะหรือวิญญาณอมตะ

 

เพียงมังกรวายุ วูหยงก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ทันที

 

‘ท่าไม้ตายนี้อันตรายมาก ข้าไม่สามารถปล่อยให้มันเข้ามาใกล้’ ฟงจิวเก้อมีสัญชาตญาณที่ไม่ธรรมดา

 

วูหยงซ่อนท่าไม้ตายอีกท่าเอาไว้ มันคือดาบวายุคลั่ง

 

เมื่อท่าไม้ตายนี้ทำงาน มังกรวายุจะระเบิดตัวเองและปลดปล่อยดาบวายุจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา มันเคยแสดงพลังอำนาจออกมาแล้วที่ค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วง

 

สัญชาตญาณของฟงจิวเก้อทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงอันตราย

 

เขาถอยกลับและทำให้มังกรวายุอ่อนแอลงด้วยการโจมตีระยะไกล

 

สิ่งนี้ทำให้วูหยงสูญเสียโอกาสและความพยายาม

 

อย่างไรก็ตามมังกรวายุรวดเร็วมาก มันยังสามารถกดดันฟงจิวเก้อ

 

‘นี่ค่อนข้างน่ารำคาญ’ คิ้วของฟงจิวเก้อเริ่มขมวด

 

ตอนนี้เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

 

หากวูหยงกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะต่อไป สถานการณ์ของฟงจิวเก้อจะยิ่งเลวร้ายลง

 

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ร่างหนึ่งกลับพุ่งเข้าสู่สนามรบ

 

“บึม!”

 

มังกรวายุปะทะร่างของฟางหยวนโดยตรง

 

มันถูกสะท้อนกลับไปโดยเกราะหวนคืน

 

วูหยงที่กำลังเตรียมท่าไม้ตายใหม่ขมวดคิ้วทันที

 

“นี่คือเกราะหวนคืนงั้นหรือ? น่าทึ่ง!” เห็นพลังอำนาจของเกราะหวนคืน ฟงจิวเก้อต้องประเมินฟางหยวนใหม่อีกครั้ง

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset