Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1391 เพลงแยก

ไม่ว่าจะเป็นดาบสายลม สายฟ้ามรกต น้ำค้างหยก หรือเสียงอมตะ แก่นแท้ของมันล้วนเป็นวิธีการบนเส้นทางแห่งวายุ

 

บรรพบุรุษของตระกูลวูที่สร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะนี้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวายุและชัดเจนว่าเขาสามารถเลียนแบบวิธีการบนเส้นทางสายอื่นไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งดาบ เส้ทางแห่งสายฟ้า เส้นทางแห่งวารี และเส้นทางแห่งเสียง

 

ภายใต้การโจมตีชนิดนี้ ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใดขณะที่ฟงจิวเก้ออยู่ในสถานการณ์อันตราย

 

แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะมากมาย มีสัตว์อสูรและอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน แต่เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปดเช่นวูหยง สิ่งเหล่านั้นล้วนไร้ประโยชน์

 

ฟางหยวนทำได้เพียงใช้เกราะหวนคืนเพื่อรักษาสถานการณ์ของตนเองเอาไว้เท่านั้น แต่น่าเสียดายแม้เขาจะมีไพ่ตายใบนี้เขาก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใด

 

เสียงอมตะดังขึ้นเรื่อยๆ เกราะหวนคืนของฟางหยวนสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง

 

แต่ฟางหยวนกังวลเกี่ยวกับฟงจิวเก้อมากกว่า

 

เลือดสีแดงไหลออกมาจากจมูก ปาก และดวงตาของฟงจิวเก้อ

 

ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

 

‘บัดซบ! หากยังเป็นเช่นนี้ ท่าไม้ตายของฟงจิวเก้อจะถูกทำลาย เขาจะพบกับฟันเฟือนของความล้มเหลวและได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมกับการโจมตีของวูหยง เขาอาจตายทันที’

 

ฟางหยวนเข้าใจสิ่งนี้แต่เขาไม่มีอำนาจที่จะทำสิ่งใด

 

โดยธรรมชาติแล้วฟางหยวนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับฟงจิวเก้อ แต่หากฟงจิวเก้อเสียชีวิต เขาต้องเผชิญหน้ากับวูหยง

 

แม้พลังอำนาจของกรงอากาศจะหายไปขณะที่เขาสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศได้อีกครั้ง แต่เขาจะไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นต่อหน้าวูหยง

 

อย่างไรก็ตามขณะที่สถานการณ์กำลังเอนเอียงไปทางวูหยง ฟงจิวเก้อกลับพ่นลมหายใจออกมา ร่างกายของเขาผ่อนคลายลง

 

หลังจากนั้นกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์ก็ปะทุออกมาจากร่างของเขา

 

ฟงจิวเก้อค่อยๆเปิดปากและเริ่มร้องเพลงด้วยเสียงอันแผ่วเบา

 

เสียงของเขาไม่สูง มันทุ้มและต่ำ แต่ฟางหยวนและวูหยงสามารถได้ยินอย่างชัดเจน

 

การแสดงออกของวูหยงเปลี่ยนไป

 

เขาป้องกันตัวด้วยเสียงอมตะแต่เผชิญหน้ากับบทเพลงของฟงจิวเก้อ เสียงอมตะราวกับไม่เคยมีอยู่

 

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเช่นกัน

 

แม้เขาจะไม่รูสึกแต่ระลอกคลื่นบนเกราะหวนคืนของเขายังสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง

 

มันกระทั่งรุนแรงกว่าเสียงอมตะของวูหยง

 

‘เหลือเชื่อ เขามีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงที่ทรงพลังมาก มันโจมตีทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ ข้ายังอยู่ในระยะการโจมตีของมัน ข้าควรออกห่างจากฟงจิวเก้อ’ ฟางหยวนรีบถอยกลับ

 

วูหยงเลือกล่าถอยเช่นกัน ร่างของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ความสามารถในการบุกหรือล่าถอยคือข้อได้เปรียบของท่าไม้ตายเขตแดน

 

เขตแดนสายลมทั้งสี่โจมตีอย่างดุเดือดด้วยดาบสายลม สายฟ้ามรกต น้ำค้างหยก และเสียงอมตะ

 

แต่ฟงจิวเก้อไม่สนใจพวกมัน เขาใช้ร่างกายรับการโจมตีทั้งหมดขณะที่ยังร้องเพลงต่อไป

 

เพลงนี้มีท่วงทำนองที่บริสุทธิ์และเรียบง่าย แต่มันแฝงไว้ด้วยความลึกซึ้งของเส้นทางแห่งเสียง

 

เสียงเพลงดังขึ้นเรื่อยๆ และทำให้วูหยงรู้สึกมึนงงมากขึ้น

 

‘นี่คือท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงงั้นหรือ? ทรงพลังนัก!’

 

เมื่อระดับเสียงร่วงลงสู่เสียงต่ำ ความเศร้าหมองและความรู้สึกซาบซึ้งก็พุ่งเข้าโจมตีหัวใจของวูหยงและทำให้เขารู้สึกอยากร้องไห้

 

โดยปราศจากการแจ้งเตือน วูหยงรู้สึกถึงการแยกจาก

 

ความเจ็บปวดของการพลัดพลาด ความโศกเศร้าของการแยกจากคนรัก

 

ห่างกันแต่อดีตยังอยู่

 

บางครั้งมันโศกเศร้าเหมือนเผชิญหน้ากับความอยุติธรรม

 

บางครั้งโศกเศร้ากับความโหดร้ายของความจริงที่อยู่ตรงหน้า

 

บางครั้งขุ่นเคืองเหมือนกำลังกรีดร้องอยู่ในหัวใจ

 

บางครั้งมืดมนราวกับร้องไห้โดยปราศจากน้ำตา

 

ร่างของวูหยงสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงก่อนที่เขาจะกระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก

 

วูหยงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเมื่อเขาค้นพบว่าท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสายลมทั้งสี่กำลังพังทลายลง

 

สิ่งที่ทำให้วูหยงประหลาดใจที่สุดคือวิญญาณเหล่านั้นไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย แต่พวกมันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไปและเริ่มแยกตัวออกจากกันด้วยตัวของพวกมันเอง

 

นี่มันเรื่องไร้สาระใด!?

 

ตราบเท่าที่วิญญาณแกนกลางไม่ถูกทำลาย ท่าไม้ตายเขตแดนก็ยังสามารถใช้งาน

 

แต่ตอนนี้วิญญาณทั้งหมดกลับแยกออกจากกันและกำลังจากไปโดยที่วูหยงไม่สามารถควบคุม

 

และผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ก็คือบทเพลงของฟงจิวเก้อ!

 

ในไม่ช้าฟางหยวนก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาพบว่าท่าไม้ตายเขตแดนของวูหยงพังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

 

ฟางหยวนประหลาดใจมาก

 

วูหยงต้องการยกเลิกท่าไม้ตายเขตแดนแต่มันสายไปแล้ว

 

ในเสี้ยวพริบตาเขตแดนทั้งหมดก็พังทลายลง ผู้อมตะทั้งสามสามารถมองเห็นท้องฟ้าที่สดใสอีกครั้ง

 

วูหยงกระอักเลือดออกมาจากปาก เขาถูกบังคับให้ออกมาจากที่ซ่อน ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาวขณะที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะแตกต่างจากค่ายกลวิญญาณอมตะ เมื่อมันถูกทำลาย ผู้ใช้งานจะได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง

 

ยิ่งท่าไม้ตายเขตแดนแข็งแกร่งเท่าใด ผลกระทบย้อนกลับก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น

 

สายลมทั้งสี่!

 

นี่เป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะที่ตระกูลวูใช้กำหราบภาคใต้ทั้งหมด มันทรงพลังมาก ดังนั้นเมื่อมันพังทลายลง วูหยงจึงได้รับผลกระทบที่รุนแรงมาก

 

“ช่างเป็นท่าไม้ตายที่อัศจรรย์นัก! มันมีชื่อว่าอย่างไร?” วูหยงถามฟงจิวเก้อ

 

ฟงจิวเก้อไม่ตอบแต่เขายังร้องเพลงต่อไป

 

การแสดงออกของวูหยงเปลี่ยนไปอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลมออกมา

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดมีการป้องกันที่ทรงพลัง วูหยงสามารถรักษาตัวเองได้อย่างสงบที่นั่น

 

สำหรับค่าใช้จ่าย มันไม่ใช่ปัญหา

 

วูหยงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนี้

 

แต่ในไม่ช้าผลลัพธ์กลับทำให้เขาตกใจอีกครั้ง

 

บทเพลงของฟงจิวเก้อทำให้บ้านไม้ไผ่สายลมสั่นไหวและเริ่มส่งสัญญาณของการพังทลาย

 

นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!

 

มันหมายความว่าท่าไม้ตายของฟงจิวเก้อเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด!

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของวูหยงก็กลายเป็นมืดครึ้ม เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนอีกต่อไปและบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งเข้าชนฟงจิวเก้อโดยตรง

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะไม่มีจุดอ่อนที่เด่นชัด มันสามารถอาละวาดและทำลายทุกสิ่งในสนามรบ

 

นี่ไม่ใช่เพียงข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ แต่มันยังผ่านการทดลองมาอย่างซ้ำๆ

 

โดยธรรมชาติแล้วคฤหาสน์วิญญาณอมตะแต่ละหลังจะมีความสามารถเฉพาะตัว

 

ตัวอย่างเช่นคุกทมิฬของเผ่าไห่สามารถกักขังสัตวอสูรบรรพกาล

 

บ้านไม้ไผ่สายลมมีท่าไม้ตายของมันแต่การกระทำของวูหยงที่ใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งชนฟงจิวเก้อโดยตรงถือเป็นทางเลือกที่ฉลาด

 

ท้ายที่สุดแล้วการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะก็ต้องใช้เวลา

 

การพุ่งชนโดยตรงใช้เวลาน้อยที่สุดและเป็นวิธีการที่ตรงไปตรงมา

 

ท่าไม้ตายอมตะของฟงจิวเก้ออาจทรงพลังแต่ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถขยับจากจุดนั้นและทำได้เพียงหลบเลี่ยงการโจมตีเท่านั้น

 

ฟางหยวนและวูหยงสังเกตเห็นข้อบกพร่องนี้

 

ฟงจิวเก้อแทบจะไม่สามารถป้องกันตัว หากบ้านไม้ไผ่สายลมพุ่งชน เขาจะกลายเป็นเนื้อบด

 

ในช่วงเวลาคับขัน ฟางหยวนไม่สามารถยืนมองอยู่ข้างสนามรบ หากฟงจิวเก้อตาย คนต่อไปจะเป็นเขา

 

ดังนั้นฟางหยวนจึงก้าวออกไปข้างหน้าและปิดกั้นเส้นทางของบ้านไม้ไผ่สายลม

 

ฟางหยวนไม่สามารถใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงเปลี่ยนมือและแขนของเขาให้เป็นกรงเล็บมังกรด้วยการกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ด

 

วิญญาณอมตะทั้งหมดถูกยืมมาจากตระกูลวูและตอนนี้พวกมันกำลังถูกใช้กับวูหยง!

 

วูหยงรู้สึกแน่นหน้าอกเมื่อเห็นฉากนี้ เขาโกรธมากและยิ่งเทพลังงานอมตะให้กับบ้านไม้ไผ่สายลมมากขึ้นไปีอก

 

“บึม!”

 

ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ฟางหยวนถูกส่งลอยกลับหลังราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

 

แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่าบ้านไม้ไผ่สายลม แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

 

ในทางตรงข้ามบ้านไม้ไผ่สายลมสูญเสียวิญญาณระดับมนุษย์ไปเป็นจำนวนมากจากการปะทะ

 

นี่ทำให้บทเพลงของฟงจิวเก้อมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

วูหยงฉวยโอกาสบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งเข้าชนฟงจิวเก้ออีกครั้ง ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มกระตุ้นใช้การโจมตีของบ้านไม้ไผ่สายลม

 

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ฟงจิวเก้อกลับบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

การโจมตีของวูหยงพลาดเป้า การแสดงออกของเขากลายเป็นตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธ ฟงจิวเก้อสามารถเคลื่อนไหวตั้งแต่แรกแต่เขาตั้งใจหลอกศัตรู

 

บทเพลงยังดำเนินต่อไปขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลมพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง

 

แม้บ้านไม้ไผ่สายลมจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดแต่มันใช้วิญญาณไม่มากนัก

 

ด้วยวิญญาณเพียงไม่กี่ดวง บทเพลงของฟงจิวเก้อจึงยิ่งมีประสิทธิภาพและแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจน

 

การแสดงออกของวูหยงกลายเป็นมืดมน

 

สถานการณ์ไม่เอื้อประโยชน์ต่อเขาอีกต่อไป

 

ในเวลานี้ฟางหยวนก็กลับเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง

 

วูหยงก่นเสียงเย็นและมองไปยังฟางหยวนกับฟงจิวเก้อก่อนจะตัดสินใจบังคับบ้านไม้ไผ่สายลมจากไป

 

เพียงชั่วครู่บ้านไม้ไผ่สายลมก็บินออกจากสนามรบและกลายเป็นจุดสีดำก่อนจะหายไปจากเส้นขอบฟ้า

 

วูหยงถูกบังคับให้ล่าถอย!

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset