Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1404 จื่อเว่ยควบคุมทุกสิ่ง

“ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง…”

 

ฟงจิวเก้อต่อสู้อย่างเต็มที่

 

ท่าไม้ตายอมตะเพลงหยกเขียว!

 

กรงเล็บอสูรปีแรกกำเนิดเริ่มกลายเป็นหยกเขียว

 

แต่กรงเล็บของมันใหญ่เกินไป มันยังพุ่งเข้าโจมตีศัตรูอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ฟงจิวเก้อกัดฟันหลบ

 

ในช่วงเวลาวิกฤตเขาสามารถหลบเลี่ยงกรงเล็บของอสูรปีขาลได้อย่างฉิวเฉียด แต่กระทั่งเขาจะไม่ถูกโจมตี คลื่นกระแทกก็ยังส่งร่างของฟงจิวเก้อลอยออกไปราวกับว่าวสายป่านขาด

 

เลือดไหลออกมาเป็นสาย

 

‘ไม่ พลังการต่อสู้ของข้าลดลงมากในสถานที่แห่งนี้’

 

‘สายธารแห่งกาลเวลาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ด้วยความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงของข้าเหลือพลังเพียงสิบส่วน!’

 

ฟงจิวเก้ออดทนต่อความเจ็บปวดและใช้ท่าไม้ตายรักษาอาการบาดเจ็บของตน

 

แต่วิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพในโลกภายนอกแทบไม่มีผลที่นี่

 

นอกจากนั้นเพลงหยกเขียวของเขาก็สูญเสียพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ อสูรปีขาลสามารถทำลายหยกเขียวที่อยู่รอบๆกรงเล็บของมันออกไปได้อย่างง่ายดาย

 

ฟงจิวเก้อเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียงของเขาที่เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด

 

แต่แผนการของฟางหยวนที่ส่งฟงจิวเก้อเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาทำลายข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา

 

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียงของเขาน้อยมากหากเปรียบเทียบกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นาทางแห่งกาลเวลาในสายธารแห่งกาลเวลา

 

นี่เป็นเหตุผลที่ฟางหยวนมั่นใจว่าฟงจิวเก้อจะต้องพบกับความทุกข์ทรมานที่นี่

 

อสูรปีขาลมองฟงจิวเก้อด้วยสายตาดุร้าย

 

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาในสายธารแห่งกาลเวลาทำให้มันเป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

ไม่มีอสูรปีระดับเก้า อสูรปีที่แข็งแกร่งที่สุดคืออสูรปีแรกกำเนิด

 

อสูรปีขาลคำรามและพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้ออย่างดุเดือด

 

ฟงจิวเก้อพยายามป้องกันตัวแต่ไม่นานเขาก็ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง

 

เขาถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์และไม่มีโอกาสชนะ หากเขาต้องการมีชีวิตรอด เขาต้องหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและหลบหนีออกไป

 

แต่ความหวังมีน้อยมาก

 

เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แม้เขาจะพบมัน มันก็ต้องใหญ่พอที่เขาจะข้ามไป

 

ฟงจิวเก้อเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเสียง เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและไม่มีวิธีหลบหนีจากสายธารแห่งกาลเวลา

 

‘ข้าจะตายอยู่ที่นี่งั้นหรือ?’ ฟงจิวเก้อคิด

 

แต่ในจังหวะนี้เสียงของผู้อมตะหญิงกลับดังขึ้นในใจของเขา “ใช้วิญญาณอมตะระดับแปดดวงนั้น”

 

“วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตา?” ฟงจิวเก้อลังเล

 

วังสวรรค์มอบวิญญาณอมตะดวงนี้ให้เขาเพื่อปกป้องชีวิตของเขา

 

มันคือวิญญาณอมตะระดับแปดสายป้องกัน

 

แต่ฟงจิวเก้อยังเคลือบแคลงใจ

 

เพราะเหตุใด?

 

เขาไม่มีจุดอ่อนในการป้องกัน กระทั่งการโจมตีของวูหยง เขาก็ยังสามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่ง

 

ฟงจิวเก้อคิดว่าวังสวรรค์ควรมอบวิญญาณอมตะสายโจมตีหรือสายเคลื่อนไหวให้เขามากกว่า

 

ท้ายที่สุดวิธีการเคลื่อนไหวของฟงจิวเก้อก็ยังไม่โดดเด่นนัก แม้ท่าไม้ตายอมตะทั้งเจ็ดของเขาจะยอดเยี่ยม แต่พวกมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้กำจัดผู้อมตะระดับแปด

 

หลังจากฟงจิวเก้อได้รับวิญญาณอมตะดวงนี้ เขาทดลองใช้งานมันและพบว่ามันกลืนกินพลังงานอมตะจำนวนมาก กระทั่งคนเช่นฟงจิวเก้อก็แทบไม่สามารถตอบสนองความต้องการของมัน

 

‘หากข้าถ่วงเวลา ข้าจะสามารถใช้วิธีการป้องกันเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ หากข้าใช้วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตา ข้าจะสูญเสียพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล’

 

ฟงจิวเก้อคำนวณ

 

แต่ตอนนี้อสูรปีขาลกลับพุ่งเข้าประชิดตัวเขาอีกครั้ง

 

ในช่วงเวลาสำคัญฟงจิวเก้อเลือกฟังเสียงของผู้อมตะหญิง

 

วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตา!

 

ลูกพลัมแดงอมตะของเขาถูกกลืนกินไปอย่างรวดเร็ว เกราะแสงส่องประกายขึ้นบนร่างของฟงจิวเก้อ

 

เกราะแสงป้องกันการโจมตีของอสูรปีขาลแรกกำเนิดได้อย่างสมบูรณ์

 

ฟงจิวเก้อไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ยังถูกส่งลงไปในแม่น้ำ

 

อย่างไรก็ตามเกราะโชคชะตายังน่าประทับใจมาก เผชิญหน้ากับการโจมตีของคลื่นน้ำ มีเพียงรอยแตกร้ายเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนชั้นผิวของมันเท่านั้น

 

สิ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือมันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับแปดแต่การโจมตีจากสายธารแห่งกาลเวลาเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเก้า

 

อสูรปีแรกกำเนิดยังไลล่าฟงจิวเก้อ

 

ฟงจิวเก้อถอนหายใจ ‘นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก’

 

เขาพยายามดิ้นรนเพื่อบินขึ้นจากแม่น้ำ

 

แต่อสูรปีขาลแรกกำเนิดมีสติปัญญาอยู่บ้าง มันไม่ปล่อยให้ฟงจิวเก้อบรรลุเป้าหมายของเขา

 

ฟงจิวเก้อติดอยู่ในแม่น้ำจากการโจมตีของอสูรปีแรกกำเนิดและยังได้รับผลกระทบจากการไหลของสายธารแห่งกาลเวลา

 

สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้ายสำหรับฟงจิวเก้อ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปพลังงานอมตะของเขาจะหมดลงในที่สุด เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะตายจริงๆ

 

‘ก่อนหน้านี้ข้าตัดสินใจผิดหรือไม่? เสียงของหญิงผู้นั้นคือกับดักงั้นหรือ?’

 

ขณะที่ฟงจิวเก้อลังเล วังน้ำวนก็ปรากฏขึ้น

 

ฟงจิวเก้อรู้สึกประหลาดใจและกำลังจะต่อต้านมัน แต่ในจังหวะนี้เขากลับได้ยินเสียง “อย่าต่อต้าน ข้าเป็นผู้อมตะของวังสวรรค์ หงซื่อ ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า!”

 

หลังกล่าวจบคำ วังน้ำวนก็ขยายใหญ่ขึ้นสิบเท่า

 

ละอองน้ำบดบังวิสัยทัศน์ของอสูรปีขาลแรกกำเนิด

 

ฟงจิวเก้อไม่กล้าหยุดใช้งานเกราะโชคชะตาและปล่อยให้ตนเองไหลไปตามกระแสน้ำ สุดท้ายจึงสามารถกลับขึ้นสู่ผิวน้ำได้ในที่สุด

 

ที่นั่นผู้อมตะศีรษะล้านในชุดสีเหลืองกำลังรอเขาอยู่

 

…..

 

วังสวรรค์

 

เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ

 

กระดานหมากรุกกลุ่มดาวที่อยู่ด้านหน้านางแสดงภาพเหตุการณ์ของฟงจิวเก้อที่ได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้

 

ในช่วงเวลาสำคัญเสียงของผู้อมตะหญิงก็คือเสียงของเทพธิดาจื่อเว่ย

 

วิญญาณอมตะระดับแปดเกราะโชคชะตาทำให้ผู้อมตะจากวังสวรรค์หงซื่อสามารถค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของฟงจิวเก้อ

 

สายธารแห่งกาลเวลาเป็นสถานที่ลึกลับและอันตราย

 

มันยากที่ผู้อมตะจะเข้าไป

 

หากกล่าวว่าผู้อมตะระดับแปดหาได้ยาก ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลายิ่งหาได้ยากมากกว่า

 

แต่ถึงกระนั้นวังสวรรค์ก็ยังมีผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

 

หงซื่อเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเทพธิดาจื่อเว่ย

 

เดิมทีเทพธิดาจื่อเว่ยวางแผนให้ฟงจิวเก้อบังคับให้ฟางหยวนเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง

 

เมื่อเวลานั้นมาถึง ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหงซื่อจะปรากฏตัวขึ้นและโจมตีเขา

 

แต่เทพธิดาจื่อเว่ยไม่คาดหวังว่าฟางหยวนจะไม่ตกลงสู่กับดักของนางและยังพยายามฆ่าฟงจิวเก้อโดยการส่งเขาเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา

 

“ปีศาจต่างโลกฟางหยวน เขาช่างเจ้าเล่ห์นัก”

 

“แต่หลังการต่อสู้ครั้งนี้ เราจะตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน”

 

“แม้เขาจะใช้สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเป็นกับดัก แต่มันก็ยืนยันการคาดเดาของข้า ฟางหยวนจะเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาเพื่อรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงอย่างแน่นอน!”

 

“ด้วยธรรมชาติที่ระวังตัวของเขา ดูเหมือนเขาจะยังมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาสายอื่นอยู่ในการครอบครอง”

 

“แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาตราบเท่าที่ตำแหน่งของฟางหยวนยังถูกเปิดเผยต่อหน้าข้า”

 

เมื่อฟงจิวเก้อถูกช่วยชีวิต เทพธิดาจื่อเว่ยจึงใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวดูสนามรบอื่น

 

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนได้รับบาดเจ็บและกำลังบินอยู่ในสวรรค์สีดำ

 

สองผู้อมตะวังสวรรค์กำลังไล่ล่ามัน พวกเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

 

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแข็งแกร่ง แต่มันยังไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปดสองคนที่ร่วมมือกัน

 

เมื่อสัมผัสถึงอันตราย อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจึงเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณและบินไปยังสวรรค์สีดำเพื่อสลัดศัตรูเหล่านี้

 

น่าเสียดายที่การกระทำของมันอยู่ในการคาดเดาของพวกเขา

 

“บึม!”

 

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดถูกโจมตี

 

มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่ยังกระพือปีกบินต่อไป

 

เลือดไหลเป็นสายอยู่ในสวรรค์สีดำ

 

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ แต่ท่าไม้ตายของผู้อมตะจากวังสวรรค์ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

 

“ผลลัพธ์ถูกำหนดแล้ว” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าว

 

แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะดิ้นรน แต่มันจะพ่ายแพ้ต่อผู้อมตะจากวังสวรรค์ทั้งสองอย่างแน่นอน

 

หนึ่งในท่าไม้ตายของพวกเขาสามารถไล่ล่าเป้าหมาย นี่ทำให้พวกเขามีช่วงเวลาที่ง่ายดายในการต่อสู้

 

หลังจากทั้งหมดสติปัญญาของสัตว์อสูรจะเหนือกว่ามนุษย์ได้อย่างไร?

 

อย่างไรก็ตามผู้อมตะจากวังสวรรค์ต้องการจับเป็นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระวังไม่ให้มันตาย นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการต่อสู้

 

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตระหนักถึงสถานการณ์สิ้นหวัง แต่มันยังไม่ยอมแพ้ มันยังกระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

จากสวรรค์สีดำไปถึงสวรรค์สีขาว

 

กำแพงพลังงานไม่ใช่อุปสรรคของมัน

 

แต่สำหรับผู้อมตะจากวังสวรรค์ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

ผู้อมตะจากวังสวรรค์ไม่สามารถผ่านกำแพงพลังงานได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาเตรียมพร้อมมาแล้ว เทพธิดาจื่อเว่ยให้พวกเขายืมคฤหาสน์วิญญาณอมตะมาใช้ในภารกิจนี้

 

“เจ้าอยู่ที่นี่และปิดเส้นทางของมัน ข้าจะไล่ล่ามัน” ผู้อมตะทั้งสองร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์

 

“แม้จะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นบ้าง แต่ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุมของข้า ไม่ว่ามนุษย์ สัตว์ หรือมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ไม่มีสิ่งใดที่สามารถหลบหนีจากข้า!” ในวังสวรรค์ ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายขึ้น

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset