Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1566 เผ่าเมิ้งค้นหาความจริง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1566 เผ่าเมิ้งค้นหาความจริง

 

ผู้อมตะสองคนบินอยู่บนท้องฟ้า พวกเขามีรูปร่างสูงใหญ่ ทั้งสองคือผู้อมตะเผ่า เมิ่ง เมิ้งจื่อไจ๋ และเมิ้งเจา

 

เป็นดังที่ฟางหยวนคาดเดา ทันทีที่เขาปรากฏตัว เมิ้งตู๋ก็ส่งข้อความกลับไปที่เผ่าเมิ้งเรียบร้อยแล้ว

 

แต่เมื่อเมิ้งตู๋ใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ปิดผนึกพื้นที่ เขาก็ไม่สามารถส่งข้อความออกไปได้อีก

 

ด้วยข้อความสําคัญที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการบุกรุกทุ่งใบมีดร่วงโรย เผ่าเมิงจะไม่สนใจมันได้อย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงส่งผู้อมตะระดับเจ็ดเมิงจือใจและผู้อมตะระดับหกเมิ้งเจาออกมาทันที

 

“ท่านลุง ท่านคิดว่าผู้ใดกล้าบุกรุกเผ่าเม็งของเรา? ฮ่าฮ่า ข้าคิดว่าน่าจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ไม่เคยติดต่อกับโลกภายนอก” เมิ้งเจากล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

เมิ้งจื่อไจ๋เป็นคนแข็งกระด้างแต่ดวงตาของเขายังเผยให้เห็นถึงความผ่อนคลาย “การคาดเดาของเจ้ามีเหตุผล แต่เจ้าต้องวางแผนสําหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้เสมอ ปัจจุบันถ้ําสวรรค์นิรันดรปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนและกําลังรวบรวมสมาชิกตระกูลฮวงจิน ปีศาจอมตะเซี่ยหูหายตัวไปจักรพรรดิสวรรค์ไปซูกลายเป็นฝ่ายธรรมะ ตอนนี้ฝ่ายธรรมะของภาคเหนือก้าวขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุด แต่แท้จริงแล้วยังมีบางคนที่ต่อต้านเรื่องนี้ คนผู้นี้ต้องเป็นคนบ้าหรือไม่ก็มีภูมิหลังบางอย่าง นั่นเป็นเหตุผลที่เผ่าส่งพวกเราออกมาเป็นกําลังเสริมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด”

 

“ท่านลุงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว แต่…” เมิ้งเจาหยุดก่อนหัวเราะ “คนผู้นี้ช่างโชคร้ายนัก เขาเข้า มาในทุ่งใบมีดร่วงโรยที่มีท่านเติ้งตู้ปกป้องอยู่ ท่านเติ้งตู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกระบี่และเป็นถึงปรมาจารย์เอกที่ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกท่ามกลางผู้อมตะระดับเจ็ดของเผ่า!”

 

“เขาอาจไม่ได้เป็นเพียงกิ่งปรมาจารย์เอกอีกต่อไป” เมิ้งจื่อไจ๋ถอนหายใจ

 

ดวงตาของเติ้งเจาส่องประกายขึ้น “ท่านลุงหมายความว่า…”

 

เมิ้งจื่อไจ๋ยิ้ม “เขาเป็นรุ่นพี่ที่ข้าชื่นชมมากที่สุดในชีวิต ไม่มีผู้ใดในเผ่าสามารถแข่งขันกับเขาบนเส้นทางแห่งกระบี่เขาฝึกฝนอยู่ในทุ่งใบมีดร่วงโรยมานานหลายปี ด้วยพรสวรรค์ของเขา เขาควรจะก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เอกเรียบร้อยแล้ว”

 

“ปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งกระ!! สมกับเป็นท่านเมิ้งตู๋!” เมิ้งเจากล่าวด้วยความตื่นเต้น

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถูกต้อง” เมิ้งจื่อไจ๋หัวเราะ เมิ้งตู๋เป็นคนที่เมิ้งจื่อไจ๋ยกย่องและเฝ้ามองมาต ลอดดังนั้นเมื่อเลิ้งตู้ส่งข้อความกลับไปที่เผ่า เมิ้งจื่อไจ๋จึงเสนอตัวออกมาเป็นกําลังเสริมให้กับเมิ้งตู๋ ในความเป็นจริงเขามั่นใจในตัวเมิ้งตู๋เป็นอย่างมาก เขาเพียงต้องการมาพบปะสหายเก่าและแนะนหลานชายของเขาเม็งเจาให้เมิ้งตู๋รู้จักเท่านั้น

 

เมิ้งเจาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเมิ้งจื่อไจ๋ขณะที่เมิ้งตู๋และเมิ้งจื่อไจ๋เป็นฝ่ายเดียวกัน นี่เป็นการรวมกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองภายในเผ่าเมิ้ง

 

เมิ้งเจารู้ถึงความสําคัญของการเดินทางครั้งนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก

 

“ทุ่งใบมีดร่วงโรยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ อีกไม่นานเราจะได้พบพี่เติ้งแล้ว เห้อ…ข้าไม่ได้พบเขา มาสองสามปีแล้วหากเขากลายเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งกระบี่ มันจะช่วยฝ่ายของเราได้มาก” เมิ้งจื่อไจ๋คิดในใจ

 

แต่ในเวลานี้ร่างกายของเขากลับสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดเผือด ขณะที่ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด

 

“ท่านลุง? เกิดสิ่งใดขึ้น?” เมิ้งเจาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและรู้สึกสงสัย เขาไม่เคยเห็นการแสดงออกเช่นนี้จากเมิ้งจื่อไจ๋มาก่อน

 

แต่เมิ้งเจายังเห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเมิ้งจื่อไจ๋มากขึ้น

 

เมิ้งจื้อไจลดความเร็วลงก่อนจะหยุดลอยอยู่กลางอากาศราวกับรูปปั้น

 

สีหน้าของเขาซีดขาว นัยต์ตาแดงก่ําขณะที่น้ําตาเริ่มไหลออกมา

 

หัวใจของเมิ้งเจาสั่นไหวมากขึ้น มีบางสิ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่เขาไม่กล้าถามต่อ เขาทําได้เพียงหยุดรอและเผชิญหน้ากับลมหนาวเท่านั้น

 

เมิ้งจื่อไจ๋มันงงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ท่าทางของเขาจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาดูน่ากลัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

 

เมิ้งจื่อไจ๋คํารามเสียงดังราวกับเสียงฟ้าร้อง จากนั้นเขาก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง

 

เมิ้งเจาเร่งติดตามไปหลังจากสะดุ้งตกใจ

 

แต่ความเร็วของเขาจะสามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเจ็ดได้อย่างไร?

 

ในไม่ช้าเขาก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

 

เมิ้งเจารู้สึกงุนงงมาก “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

เขามีความรู้สึกไม่ดีอยู่ในใจ “เดี๋ยว! ทิศทางที่ท่านลุงมุ่งไปคือทุ่งใบมีดร่วงโรย ท่านเติ้งตู้อยู่ในสถานการณ์อันตรายงั้นหรือ?”

 

ร่างกายของเมิ้งเจาสั่นสะท้านขึ้นกับความคิดนี้

 

หากเป็นเช่นนั้นจริง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นฝันร้ายสําหรับเขาและเป็นข่าวร้ายสําหรับเผ่าเมิ้งเช่นกัน

 

หากเมิ้งตู๋ที่มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดเสียชีวิต มันจะเป็นเรื่องร้ายแรงมาก

 

เมิ้งเจารีบไปที่ทุ่งใบมีดร่วงโรยด้วยพละกําลังทั้งหมด

 

“นี่…เกิดสิ่งใดขึ้น!?” เมิ้งเจาตกตะลึง ก่อนบรรลุถึงทุ่งใบมีดร่วงโรย เขาสัมผัสได้ถึงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่พลุ่งพล่านอยู่ในอากาศ

 

ทุ่งใบมีดร่วงโรยถูกทําลายไปอย่างสมบูรณ์ มันเต็มไปด้วยหลุมและรอยแยก

 

ในไม่ช้าเกิ้งเจาก็เห็นเฉิงจื่อไจ้คุกเข่าอยู่บนพื้นราวกับรูปปั้น

 

เมิ้งเจาบินลงไปอย่างระมัดระวัง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่หนาแน่นแทงเข้าไปในชั้นผิวหนังทําให้เขารู้สึกเจ็บปวด

 

เขาเดินไปด้านข้างเมิ้งจื่อไจ๋และพบว่าอีกฝ่ายกําลังหลั่งน้ําตา

 

เมิ้งเจาเห็นเพียงเจิ้งจือใจแต่ไม่เห็นเมิ้งตู๋ การคาดเดาในใจของเขาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ นั่นทําให้เขาแสดงออกด้วยความหวาดกลัว

 

เมิ้งจือใจค่อยๆมองไปที่เมิ้งเจาและกล่าวด้วยน้ําเสียงแหบแห้ง

 

“พี่เมิ้งตู๋ เสียชีวิตในสนามรบ!”

 

ร่างกายของเมิ้งเจาสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงแม้เขาจะคาดเดาไว้แล้วก็ตาม

 

เมิ้งตู๋เสียชีวิตในสนามรบจริงๆงั้นหรือ?

 

ด้วยพลังการต่อสู้ของเขา ผู้ใดจะสามารถฆ่าเขา?

 

เมิ้งเจาเปิดปากกล่าวด้วยความยากลําบาก “ท่านลุง ท่านเติ้งตู้แข็งแกร่งมาก เหตุใดเขาถึงถูกฆ่าอย่างง่ายดายเช่นนี้? บางทีเขาอาจยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาเพียงย้ายสถานที่ต่อสู้ไปที่อื่นเท่านั้น”

 

งชื่อไจกลับส่ายศีรษะ “ก่อนที่เราจะมาถึง เผ่าส่งข้อความมาบอกข้าว่าโคมไฟวิญญาณของเมิ้งตู๋้ดับลงแล้ว แต่ข้ายังมีความหวัง กระทั่งมาถึงที่นี่…”

 

เขากล่าวพร้อมกับน้ําตาที่ไหลนอง

 

บุรุษจะไม่หลั่งน้ําตาโดยง่าย เว้นเพียงจะเป็นเรื่องที่บีบคั้นหัวใจจริงๆเท่านั้น

 

เฉิงจื่อไจกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงที่อ่อนแรง “ข้ารู้ว่าเขามีท่าไม้ตายอมตะที่เรียกว่าสละกระบี่ มันเป็นวิธีการระเบิดตัวเอง มันจะทําลายมิติช่องว่างของเขา วิญญาณอมตะ และทรัพยากรงหมดเพื่อปลดปล่อยพลังอํานาจที่น่าสะพรึงกลัวออกมา แต่นั่นก็หมายความว่าเขาต้องตายอย่าง แน่นอน”

 

“หากเป็นเช่นนั้น…” เมิ้งเจารีบกวาดตามองสนามรบและยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้น

 

เมิ้งตู๋ตายแล้ว!

 

ผู้อมตะที่ทรงพลังเสียชีวิตไปแล้วจริงๆ เขาถูกบังคับให้ระเบิดตัวเองในระยะเวลาเพียงสั้นๆ

 

ศัตรูเป็นผู้ใดกันแน่!?

 

เหตุการณ์และความทรงจําทุกประเภทปะทุขึ้นในใจของเมิ้งจื่อไจ๋

 

เขาไม่เคยคาดหวังถึงสถานการณ์ที่เมิ้งตู๋จะเสียชีวิต

 

เมิ้งจื่อไจ๋ร้องไห้อยู่ชั่วครู่ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

 

ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นไร้ความรู้สึกขณะกล่าวกับเม็งเจา “เจ้าควรกลับไป เผ่าเมิ้งของเราจะไม่ยอมให้เมิ้งตู๋ตายอย่างไร้ความหมาย แต่ศัตรูผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป เมิ้งตู้ส่งข้อความทันทีเมื่อศัตรูปรากฏตัวขณะที่พวกเราออกเดินทางมาอย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดพักแต่ในระยะเวลา สั้นๆ เมิ้งตู๋กลับไม่สามารถป้องกันตนเองและถูกบังคับให้ระเบิดตัวเอง”

 

“ข้ารู้จักนิสัยของเขาเป็นอย่างดี เขาต้องการลากศัตรูไปพร้อมกับเขา แต่ดูจากรูปการณ์ ไม่มีร่องรอยการตายของศัตรูนี่หมายความว่าศัตรูแข็งแกร่งมาก กระทั่งการระเบิดตัวเองของเมิ้งตู๋ก็ไม่สามารถฆ่าเขา!”

 

“ข้าจะออกไล่ล่าศัตรู ข้าจะจับคนร้ายแม้ต้องแลกด้วยชีวิต! เรื่องนี้เกินความสามารถของเจ้า เจ้าควรกลับไปที่เผ่าและฝึกฝนต่อไป อย่าให้ข่าวนี้รั่วไหล

 

เมิ้งเจาพยักหน้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านลุงโปรดระวังตัวด้วย”

 

ความตายของเมิ้งตู๋ทําให้เผ่าเมิ้งสูญเสียผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถ นี่ไม่ใช่การสูญเสียเล็กน้อยสําหรับพวกเขา ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็มีปัญหากับศัตรูที่ทรงพลังขณะที่เป้าหมายของ ฝ่ายตรงข้ามยังไม่แน่ชัด เผ่าเมิ้งต้องปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเพื่อรักษาเสถียรภาพ

 

สําหรับเมิ้งเจา การบ่มเพาะของเขาต่ําเกินไป สถานะของเขาก็ไม่สูง สิ่งนี้เห็นได้จากวิธีที่เผ่าเมิงไม่ได้แจ้งข่าวการเสียชีวิตของเมิ้งตู๋ให้เขาทราบ

“อย่ากังวล ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองกําลังมาพร้อมกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ลานสืบสวน” เมิ่งจื่อไจตบไหล่เมิ้งเจา

 

เมิ้งเจาพยักหน้าก่อนจะจากไป

 

ด้วยคฤหาสน์วิญญาณอมตะลานสืบสวน พวกเขาไม่ต้องกลัวแม้พวกเขาจะเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด

 

เมิ้งเจาไม่ต้องรอนานก่อนที่เขาจะเห็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะลานสืบสวนปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

 

ต่อมาลานสืบสวนก็หยุดลง ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งเดินออกมาและพยักหน้าให้ เมิ้งจื่อไจ๋ด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึมก่อนจะเริ่มตรวจสอบสนามรบ

 

แต่ฟางหยวนจะทิ้งเบาะแสไว้งั้นหรือ?

 

หลังจากผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งเสร็จสิ้นการตรวจสอบ สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม

 

เมิ้งจื้อไจกล่าว “ศัตรูผู้นี้เก็บกวาดร่องรอยได้อย่างสมบูรณ์ ข้าไม่พบสิ่งใดเลย”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งพยักหน้า “อย่ากังวล เรามีลานสืบสวนอยู่ที่นี่!”

 

ลานสืบสวนเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่มีความสามารถพิเศษในการรวบรวมข้อมูล ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะของมันทันที

 

พวกเขาพบเบาะแสบางอย่าง

 

“เขาไปทางนั้น ตามไป!” ผู้อมตะทั้งสองของเผ่าเมิ้งเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ลานสืบสวนและออกไล่ล่าฟางหยวนด้วยความโกรธและความเกลียดชัง

 

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset