Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita – ตอนที่ 10: มานอนด้วยกันซะดีๆ!!

“ไหงนายถึงได้ยืนกรานว่าจะนอนคนเดียวล่ะคะ ยูยะคุง!!”

หลังจากที่ฮิโตสึบะซังเข้าไปอาบน้ำ มันก็เข้าสู่ช่วงเวลาเข้านอนพอดี

และผมก็ได้ประสบพบเจอกับปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

หา? แล้วผมทำอะไรตอนที่ฮิโตสึบะซังกำลังอาบน้ำอยูน่ะหรอ?

ก็นะ…..ก็นั่งพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่น ดูหนัง แล้วหลังจากนั้นจากตรงห้องน้ำก็มีเสียง…

“ยูยะคุง…..จะไม่มาแอบดูหน่อยหรอคะ….ประตูไม่ได้ล็อคกลอนไว้นะคะ….”

อย่าทำตัวเหมือนดาราตลกที่ชอบใส่เสื้อกั๊กสีชมพูที่ชอบพูดว่า “ห้องชั้นว่างนะ มีใครอยากจะเข้ามารึเปล่า?”

(เป็นมุขของดาราชาวยุ่นซึ่งตรงส่วนนี้แอดว่าเขาอาจจะหมายถึงดาราที่ชื่อ โทชิอากิ คาสึงะ ที่มีเสื้อกั๊กสีชมพูเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ซึ่งแน่นอนว่ามุขค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ถ้าไม่ค่อนได้สุงสิงรายการวาไรตี้ของญี่ปุ่นหรือตามพวกดาราอาจจะไม่ get )

โดยเฉพาะการเล่นมุขอย่างเป็นกันเองราวกับเป็นเรื่องปกติ ซึ่งโดยปกติมันก็จะมีคนตบมุขต่อท้ายว่า “ไม่มีใครเขาอยากจะเข้าไปหรอกโว้ย!” แต่ว่าสำหรับกรณีของผม มันกลับให้ความรู้สึกที่ตรงกันความมากกว่าแฮะ….

ผมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะสลัดความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะกระโจนเข้าไป

แล้วผมก็คิดถึงปัญหาเรื่องห้องนอนรวม ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้แค่เฉพาะตอนที่นั่งเล่นอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แต่คิดไม่ตกมาตั้งแต่ที่แช่ตัวลงในอ่างอาบน้ำแล้วล่ะ

ปัญหานี้ทำเอาผมหัวหมุนเลยทีเดียว ตอนนี้ผมเป็นเหมือนกับนักปราชญ์ที่ตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดโลกใบนี้จึงมิอาจปราศจากความขัดแย้งได้นั่นแหละ……

ดังนั้นเมื่อเวลานั้นมาถึง แทนที่จะเลือกที่จะไปเสียเวลาโต้เถียงอย่างไร้เหตุผล

ผมตัดสินใจที่จะประกาศออกไปอย่างชัดเจนว่าผมจะขอนอนบนโซฟาที่อยู่ในห้องนั่งเล่นเองก็แล้วกัน!!

“ไม่ได้ค่ะยูยะคุง!! ไม่เห็นจะต้องเป็นกังวลอะไรเลยนี่คะ ทำไมนายถึงได้อยากจะไปนอนตรงโซฟาทั้งๆที่พวกเรามีเตียงนอนที่ใหญ่พอสำหรับคนสองคนคะ? นี่นายกำลังเสนอให้เราแยกทางกันตั้งแต่วันแรกที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเลยอย่างนั้นเหรอคะ?! ฮือ….ชั้นจะร้องไห้จริงๆแล้วนะคะ….”

และตอนนี้เองผมกับฮิโตสึบะซังก็กำลังนั่งกันคนละฝั่งของเตียง

ฮิโตสึบะซังที่พึ่งอาบน้ำเสร็จมาหมาดๆนั้นดูดีมากขึ้นเป็น 2 เท่าจากตอนปกติเลยทีเดียว!

ผมรู้สึกได้ว่าเธอขืนผมเข้าไปใกล้เธอมากไปกว่านี้ ผมอาจจะตายด้วยเสน่ห์ของฮิโตสึบะซังเป็นแน่แท้

ผมสัมผัสได้ถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น…..

“ถ้าทำได้ ผมก็อยากจะนอนไอ้เตียงดีๆเตียงนี้อยู่หรอกนะครับ แต่เธอรู้ไหม? ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีที่จะให้ชายหญิงที่ไม่ได้คบกันจู่ๆก็มานอนบนเตียงเดียวกันแบบนี้น่ะ ต่อให้เธอจะโอเคกับเรื่องนี้สักแค่ไหน แต่ผมก็ไม่โอเคครับ”

“แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ? …… อ๋อ ชั้นเข้าใจล่ะ ! นายกังวลว่านายจะเข้ามาจู่โจมชั้นใช่ไหมคะ?”

ไหงเธอถึงได้ทำหน้าตามีความสุขตอนที่พูดว่าเธออาจจะเธอผมจู่โจมกันล่ะเนี่ย?

แล้วจะว่าไปทำไมเธอถึงได้เข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆกันเล่า?!

ผมกระสับกระส่ายจนเผลอตกเตียง เจ็บชะมัดเลยแฮะ……

“ยะ-ยูยะคุง! เป็นอะไรไหมคะ?!”

“มะ-ไม่เป็นไร ผมสบายดี ขอแค่อยู่ห่างๆผมก็พอ…..กลิ่นตัวของเธอมัน ห อ ม มากซะจนผมแทบบ้าแล้วเนี่ย!!”

กลิ่น ห อ ม สดชื่นของซิตรัสจากตัวของฮิโตสึบะซังมันทำจมูกผมรู้สึกจั๊กจี้

นี่เธอรู้หรือรึเปล่า? ว่าผมชอบกลิ่นนี้มากๆเลยน่ะ งานนี้คงต้องยอมรับเธอจริงๆว่าเธอเก่งพอๆกับนักยุทธศาสตร์จอมวางแผนอย่างจูกัดเหลียงเลย

(TL NOTE : จูกัดเหลียงก็คืออีกชื่อนึงของขงเบ้ง จาก สามก๊กนั่นแหละ ผู้ที่ได้รับสมญานามว่าปราชญ์เปรื่อง จอมวางแผนที่สุด)

กลิ่นหอมๆของแชมพูและครีมอาบน้ำของเธอผสมผสานกันอย่างลงตัว

ถ้าหากว่าผมยอมพ่ายแพ้ตรงนี้ล่ะก็ ผมคงต้องโผเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงเธอเป็นแน่!

“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่คะ? จะเป็นยังไงถ้ายูยะคุงเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงชั้นเหมือนกับลูกหมาตัวน้อยๆแบบนั้นน่ะเหรอ? อืม….ถึงชั้นจะอายอยู่หน่อยๆ แต่ชั้นก็จะคอยลูบไล้แล้วก็คอยตามใจนายเองก็แล้วกันนะคะ ยูยะคุง”

“นี่เธอเป็นเอสเปอร์รึยังไงกันเนี่ย?”

(TL NOTE : ผู้มีพลังจิตอ่านใจ)

“ชั้นน่ะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวยูยะคุงนั่นแหละค่ะ! แต่ก็นะ……ชั้นล้อเล่นค่ะ ในเมื่อมันมันง่ายจะตายไปเพราะใบหน้าของนายมันบอกออกมาเองทุกๆอย่างเลยนี่คะ”

เอาจริงดิ? นี่การแสดงออกของผมมันชัดเจนขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?

น่าอายชะมัดเลย….ที่จะให้ฮิโตสึบะซังรู้ว่าตัวผมนั้นต้องอดทนอดกลั้นความต้องการของตัวเองที่อยากจะพุ่งเข้าไปน้วย ไปกอดเธอมากแค่ไหนน่ะ!

ไม่! ผมจะไม่ยอมศิโรราบพ่ายแพ้ต่อความต้องการของตัวเองง่ายๆแค่นี้หรอก!

ไม่ยอมอย่างเด็ดขาดด!!

“ชั้นเข้าใจแล้วค่ะ………. ชั้นน่ะอยากจะคล้อยหลับไปในขณะที่นอนกอดนายอยู่ แต่ดูเหมือนว่างานนี้ชั้นคงจะต้องยอมแพ้สินะคะ……แต่ว่า!! ชั้นยังต้องการให้ยูยะคุงนอนบนเตียงเดียวกันกับชั้นอยู่ดีนะคะ! ถ้าเกิดว่านายไปนอนบนโซฟาเย็นๆในห้องนั่งแบบนั้นโดยที่ไม่มีฟูกนอนล่ะก็ เดี๋ยวนายก็ได้ไข้ขึ้นกันพอดีค่ะ โอ๊ะ! เว้นเสียแต่ว่า นายต้องการให้ชั้นคอยพยาบาลนายระหว่างตอนที่นายป่วย นั่นก็เป็นอีกเรื่องนึงสินะคะ! อื้มๆ ชั้นว่าแบบนั้นเองก็ไม่เลวเหมือนกันนะคะ”

ฮิโตสึบะ คาเอเดะ เริ่มล่องลอยไปในภวังค์จินตนาการถึงช่วงเวลาฝันหวานหยาดเยิ้มของเธอเอง

ทีแรกที่เธอทำหน้าเคร่งขรึมแต่ก็ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อยเหมือนกับตอนที่เธอยื่นมือเข้ามาช่วยผมเรื่องหนี้สินของพ่อของผม ปากของเธอก็เผยรอยยิ้มหวานกรุ้มกริ่มจนแก้มปริ ผมล่ะสงสัยจริงๆว่ามันเป็นเรื่องราวพิสดารแบบไหน ที่หญิงสาวคนนี้กำลังจินตนาการเพ้อฝันอยู่ในหัวของเธอจนทำให้เธอหลับตาลงและแสดงท่าทางแบบนั้นกันนะ?

“เฮะๆ….เฮะๆ…ยูยะคุง นายเหงื่อไหลแล้วนะคะ……เดี๋ยวชั้นจะเช็ดเหงื่อให้นะคะ……..เพราะงั้นช่วยทำตัวเป็นเด็กดีแล้วก็ถอดเสื้อผ้าของนายออก…..อ๊า! …..เฮะๆ เฮะๆ……”

“ผมจะไม่แก้ผ้าหรอกนะ! และจะไม่ยอมให้เธอมานัวเนียผมในจินตนาการของเธอเองด้วย!!”

ผมตะโกนและเอามือสับหัวเธอเบาๆเพื่อนำเธอกลับมาสู่ความเป็นจริง

ขณะที่เธอหมกมุ่นอยู่กับโลกแฟนตาซีของเธอมากจนเกินไป

อ๊ะ……. ขอล่ะอย่าทำเสียงน่ารักๆ ตอนที่โดนผมตีแบบนั้นสิ!

“งื้อ……ชั้นกำลังมีช่วงเวลาดีๆกับนายอยู่เลยแท้ๆ……..ไหงนายถึงได้ทำกันได้ลงคอล่ะคะ? โหดร้าย! ยูยะคุงต้องมานอนด้วยกันเป็นการลงโทษเลยนะคะ!! ชั้นไม่ยกโทษให้นายแน่ถ้านายไม่มานอนด้วยน่ะ!!”

“จ้า จ้า จ้า…….นอนด้วยกันก็ได้….แต่ผมจะขอรักษาระยะห่างให้มากที่สุดก็แล้วกันนะ ผมไม่ใช่พวกนอนดิ้นหรือไม่ชอบเอามือไปกอดอะไร เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องเป็นกังวลไป แต่ที่ทำแบบนี้เพราะว่าผมไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับผมต่างหากล่ะ…”

“แต่ว่าชั้นเองก็เป็นพวกนอนไม่ค่อยหลับและก็ชอบนอนกอดคนอื่นด้วยน่ะสิ เพราะงั้นถ้าเผลอไปน้วยยูยะคุงตอนที่ชั้นคล้อยหลับไปแล้ว ก็ยกโทษให้เค้าด้วยนะตัวเอง!”

“ถ้าเธอทำแบบนั้นจริงๆ ผมจะแยกตัวเราออกจากกันอย่างไร้ความปราณีให้เองครับ”

“คำโกหกที่แสนหวานของยูยะคุงเนี่ย จริงๆแล้วนายก็แค่ไม่อยากผลักชั้นลงจากเตียงใช่ไหมล่ะคะ? ชั้นล่ะชอบตรงนั้นของนายจริงๆ”

ผมเบือนหน้าหนีเมื่อเธอยิ้มให้ผม ขณะที่กำลังพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้แก้มของผมร้อนผ่าว

ไหงเธอถึงพูดคำว่า “ชอบ” ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยแบบนั้นได้ล่ะ?

“นอกจากครอบครัวของชั้นแล้ว ชั้นพูดคำว่า “ชอบ” กับยูยะคุงคนเดียวเท่านั้นค่ะ สำหรับชั้น มันไม่ใช่คำพูดลมๆแล้งๆ ฉะนั้นช่วยอย่าตีความมันแบบผิดๆด้วยนะคะ”

ดูเหมือนว่าการแสดงออกของผมมันจะถูกมองออกง่ายอย่างที่เธอว่าจริงๆนั่นแหละ

คำพูดของเธอทำให้แก้มของผมร้อนผ่าวยิ่งขึ้นไปอีก ผมไม่อยากให้เธอเห็นหน้าของผมอีกต่อไปก็เลยคลานเข้าไปในผ้าห่มอย่างหมดท่า

มันก็มีอยู่บางครั้งที่ลูกผู้ชายมันก็ต้องใช้ยุทธวิธีถอยหลังกลับไปตั้งหลักกันบ้างล่ะนะ………

“งั้นยูยะคุง เชิญนอนก่อนได้เลยนะคะ ชั้นจะขอไปเป่าผมให้แห้งก่อน ถ้างั้นก็ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

“ราตรีสวัสดิ์………”

จากนั้นพอปิดไฟในห้องนอน ฮิโตสึบะซังก็เดินออกไป

ผมพยายามข่มตาหลับและดำดิ่งสู่ห้วงนิทราอย่างสิ้นหวัง แต่กลับรู้สึกประหม่าเกินไปที่จะทำแบบนั้น เสียงที่แผ่วเบาของไดร์เป่าผมมันฟังดูดังมากๆและพอเสียงเครื่องไดร์หยุด

ฮิโตสึบะซังก็เดินกลับมาและค่อยๆปีนขึ้นมาบนเตียงอย่าง ระมัดระวังไม่ให้ส่งเสียงดัง

แต่เธอกลับไม่พูดอะไรเลยสักคำเดียว……..

เธอเริ่มหายใจอย่างแผ่วเบาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราทันที

“ขอล่ะให้ชั้นได้พักทีเถอะ…….แล้วอีแบบนี้ชั้นจะห้ามตัวเองได้ยังไงกันเล่า…..”

ผมมิอาจที่จะสงบสติลงมากพอที่จะคล้อยหลับไปได้ ก็ในเมื่อมีเด็กสาวที่น่ารักที่สุดในญี่ปุ่นมานอนอยู่ข้างๆผมแบบนี้

และเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าในที่สุดผมก็ยอมจำนนกับการนอนไม่หลับนี้

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Comment

Options

not work with dark mode
Reset