Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita – ตอนที่ 16: เรื่องที่ยูยะคุงชอบ….

ขณะที่ผมกำลังผ่อนคลายหลังจากที่ทำพาสต้าและล้างจานอะไรเสร็จจนหมดทุกอย่างแล้ว

จู่ๆฮิโตสึบะซังก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้แล้วก็ถามขึ้นมา

 

“จะว่าไปแล้วยูยะคุงยังเล่นเกมแฟนตาซีเกมนั้นอยู่รึเปล่าคะ? ยังเล่นตัวเนื้อเรื่องยังไม่จบใช่ไหมคะ?”

 

ก็เป็นความจริงที่ผมเพิ่งจะเล่นเนื้อเรื่องมาได้ครึ่งทางตามที่ฮิโตสึบะซังพูดมา

ก็เวลา 1 ถึง 2 ชั่วโมงก่อนนอนมันคือเวลาที่เพอร์เฟ็คที่สุดสำหรับผมในการที่จะเล่นเกมนี้ล่ะนะ

 

“แต่อยู่กับเธอที่นี่ผมเล่นเกมไม่ได้หรอก มันคงจะน่าเบื่อเกินไปสำหรับเธอใช่ไหมล่ะ 

ที่สุดท้ายแล้วมันก็มีแค่ผมคนเดียวที่สนุกไปกับเกมน่ะ”

 

คงจะดีถ้าเป็นเกมที่เราทั้งคู่สามารถสนุกไปด้วยกันได้ อาทิ เกมมัลติเพลย์เยอร์หรือพวกเกม co-op อะไรทำนองนั้นน่ะ

ยังไงซะเกมที่ว่ามันเป็นเกม RPG แบบที่เล่นได้คนเดียวถ้าเธอบังเอิญได้ดูตั้งแต่ตอนต้นด้วยล่ะก็พวกเราทั้งคู่ก็อาจจะสนุกไปกับเนื้อเรื่องด้วยกันได้ แต่ผมดันเล่นจนผ่านมาครึ่งทางแล้วนี่สิทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะมาสนุกกับผมขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นเกมอยู่

 

“อืมมม ก็จริงนะคะแต่นายเองก็ไม่ต้องยอมอดทนไม่เล่นเพราะว่าชั้นก็ได้นะคะ ถ้าหากว่านายอยากจะเล่นก็แค่เล่าเนื้อเรื่องที่เล่นผ่านมาแล้วหรือจะอะไรสักอย่างให้ชั้นฟังก็ได้ค่ะ แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็จะสามารถสนุกไปพร้อมๆกันได้แล้วค่ะ”

 

ก็จัดว่าพูดได้มีเหตุมีผลและช่างเป็นข้อเสนอที่ดีเลยทีเดียว

สำหรับผมแล้วผมดีใจมากๆเลยที่ได้ยินแบบนั้นเพราะว่าเธอพยายามสุดๆเพื่อที่จะสนุกไปกับสิ่งที่ผมชอบไปด้วยกัน

ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งเลยเวลาที่จะต้องแชร์งานอดิเรกกับใครสักคนหนึ่งเพราะมันจะทำให้คุณมีความสุขแถมยังให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่นของกันและกันในขณะที่กำลังทำเรื่องเดียวกันไปพร้อมๆกัน

แต่มันก็มีอีกเหตุผลที่ผมอยากจะบอกปฏิเสธก็คือมันเป็นเรื่องที่ผิดไหมนะที่ผมพยายามจะซ่อนรสนิยมทางเพศจากผู้หญิงน่ะ?

ผมมีตัวละครเพื่อนสมัยเด็กที่มีหน้าอกดินระเบิดที่เป็นสมาชิกในปาร์ตี้อยู่และผมก็รักเธอสุดๆ

ต่อให้ศัตรูมันจะเก่งสักแค่ไหนผมก็จะพยายามที่จะเลือกเธอมาเล่นให้ได้

เธอก็เป็นสิ่งที่ผมเรียกว่าตัวอวยล่ะนะ แต่ว่าไอ้ความจริงข้อนี้นี่ล่ะที่มันน่าอายเกินไปถ้าเกิดว่ามีผู้หญิงรู้เข้า นับประสาอะไรกับเพื่อนผู้ชายของผมเอง 

ไม่สิ มันไม่ใช่แค่ความอับอายแค่นั้นแต่มันอาจจะถึงขั้นได้รับความเสียหายทางจิตใจจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอีกแล้ว

แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดๆว่าจะหาข้อแก้ตัวยังไงดีเพราะการพูดอะไรทำนองนี้ออกไปมันจะเป็นการเปิดเผยเรื่องความสนใจทางเพศของผมไปซะเปล่าๆ

แล้วฮิโตสึบะซังก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ใส่ผมอย่างจัง

 

“ยูยะคุง…..ชอบผู้หญิงที่…..หน้าอกใหญ่อย่างนางเอกที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กในเกมนั่นเหรอคะ?”

“หะ….หา? นี่เธอกำลังพูดถึงอะไรอยู่งั้นเหรอ?”

“ก็นะ เพราะชั้นคิดว่าตัวเองก็ไม่น้อยหน้าเธอเหมือนกันค่ะ! ก็เลยมั่นใจ!”

 

ฮิโตสึบะซังหันใบหน้ามาทางผม

ไอ้เจ้าผลไม้ทั้งสองลูกนั่นห้อยติดกันโดยที่ตรงเนินผิวเรียบเนียนนั้นสัมผัสกันดูอันตรายสุดๆ

อีกอย่างเธอยังใส่ชุดเดรสผ้าถักลายนูนที่ขนาดพอดีเข้ากับรูปร่างของเธอเป๊ะๆ

ซึ่งนั่นมันก็ช่วยเพิ่มความงดงามของเธอให้ดุดันยิ่งกว่าตอนปกติ

และการทำท่าทางที่เอนมาทางด้านหน้าพร้อมกันกับหน้าอกของเธอที่มาอยู่ตรงโต๊ะทำให้สายตาผมเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้วเช่นกัน

 

 

“นี่……..ยูยะคุง……ชั้นน่ะ…….ไม่มีเสน่ห์เหรอคะ? ชั้นเคยถูกโหวตให้เป็นสาว ม.ปลาย ที่น่ารักที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะคะ”

“ไม่ใช่….นั่น…..นั่นก็…”

“งั้นเหรอคะ……..นายไม่ได้คิดกับชั้นอย่างนั้นเลยสินะคะ……รู้สึกเสียใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาซะแล้วสิ…..”

 

ฮิโตสึบะซังก็ร้องไห้ออกมาโดยเธอเอามือข้างนึงไปปิดหน้าปิดตาทำท่าร้องไห้

แต่มันก็ชัดเจนว่าเธอแค่แสร้งทำเป็นร้องไห้เฉยๆโดยสรุปจากการที่เธอเหลือบมามองผมผ่านช่องว่างของนิ้วของเธอ

เอาเถอะ ไอ้เราเองก็โดนมาหลายทีแล้วทั้งเมื่อวานนี้และก็เมื่อเช้านี้ก็ด้วย 

งั้นมาลองสวนกลับบ้างดีกว่า

 

“หา? ฮิโตสึบะซัง…..เธอบอกว่าเธอไม่มีเสน่ห์อย่างนั้นเหรอ? จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ เธออาจจะไม่รู้นะแต่จริงๆแล้วผมก็เป็นคนนึงที่ชื่นชมเธอนะ ผมเคยคิดว่าเธอคงจะเป็นแค่ผู้หญิงที่มีความอุตสาหะคนนึงแต่กลับกลายเป็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่คุยสนุกแถมนิสัยเองก็น่ารักมากๆด้วยและไอ้เจ้าวิธีการที่เธอเข้ามายั่วผมทุกครั้งที่มีโอกาสแล้วหน้าของเธอก็ดันเปลี่ยนเป็นสีแดงเองซะเองก็น่ารักเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตอนที่ผู้หญิงอย่างเธอบอกกับผมว่าจะทำอะไรกับเธอก็ได้ตามใจชอบน่ะ ถ้าเป็นตอนปกติผมเองก็คงจะไม่อาจทนต่อแรงกระตุ้นของตัวเองได้หรอกนะครับ!”

 

ผมเอนตัวไปที่ด้านหน้าพร้อมกับตบโต๊ะอย่างแรง

ไหล่ของฮิโตสึบะซังก็สั่นเทิ้มด้วยความกลัวแต่ในขณะที่ผมมองเห็นถึงความรู้สึกกลัวในแววตาของเธอ

ภายในแววตาคู่นั้นมันแฝงความคาดหวังปนอยู่ด้วยรึเปล่านะ?

หรือผมแค่คิดไปเองคนเดียวกัน?

 

“เห็นไหมล่ะ ผู้ชายทุกคนล้วนเป็นหมาป่ากันทั้งนั้นแหละ ถ้าเกิดว่าเธอหยอกแรงเกินไปผมจะ………จู่โจมเธอจริงๆเข้าสักวันนะ รู้ไหม? เธอต้องการแบบนั้นจริงๆเหรอ?”

 

ทั้งเสียงและมือของผมก็สั่นเมื่อพูดอย่างนั้นออกไป

ไอ้การแสดงท่าทางแข็งกร้าวแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมเคยทำมาก่อนเลยแต่ผมก็ได้แต่หวังว่าสิ่งนี้จะทำให้ฮิโตสึบะซังรู้สึกดีขึ้นสักหน่อยนึงก็ยังดี

อันที่จริงเธอดูเย้ายวนเกินไปต่างหากล่ะ

เพราะงั้นช่วยอย่าพูดอะไรโดยไม่ยั้งคิดเพื่อที่จะได้ทำให้ผมประหม่าทีเถอะ

แต่นี่มันก็เป็นการเดินเกมที่แย่มากเพราะมันดันย้อนกลับใส่ตัวผมเอง

เพราะว่าฮิโตสึบะซังก็เข้ามาจับใบหน้าของผมด้วยมือของเธออย่างอ่อนโยนแล้วก็เอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ

อะไรเนี่ย? เดี๋ยว!? เธอจะใกล้เกินไปแล้วนะ!! ปลายจมูกของเธอมันเข้ามาโดนผมแล้วนะ!!

ทั้งความสวยงาม,ความนุ่มนวลและริมฝีปากที่สีพีชก็มาอยู่ตรงเบื้องหน้าของผม!

 

“ชั้นน่ะนะ…..ยูยะคุง……….ชั้นคิดจริงๆว่าถ้าเป็นนายล่ะก็….ได้นะ……..”

“ฮิ-ฮิโตสึบะซัง…….แต่นั่นมัน….”

“ชั้นรู้แล้ว……..ชั้นเข้าใจอยู่แล้วล่ะ แต่ยังไง……….ชั้นจะไม่ยอมถอยกลับแน่ๆ พอถึงตอนที่นายตกหลุมรักชั้นเข้าจริงๆจังๆแล้วน่ะ”

 

ฮิโตสึบะซังแลบลิ้นที่ดูเฉียบคมเลียปากของตัวเองราวกับนักล่า

ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดังสะนั่น

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอคือเพื่อนร่วมห้องของผมเพราะว่าตอนนี้เธอนั้นมีเสน่ห์มากล้นจนผมถึงกับต้องกลืนน้ำลายเพราะกลัวว่าตัวเองจะต้องยอมจำนนไปทั้งแบบนี้

 

“เพราะฉะนั้นอย่างแรกเลย ทำไมพวกเราไม่มาลองลดระยะห่างระหว่างพวกเราให้สั้นลงดูล่ะคะ? แน่นอนว่าชั้นไม่ได้หมายถึงระยะห่างของตัวพวกเราในตอนนี้ แต่ชั้นหมายถึงระยะห่างระหว่างหัวใจของพวกเราค่ะ”

 

ถึงจุดนี้ฮิโตสึบะก็ยอมปล่อยผมไปสักทีแล้วผมก็หลุดพูดอะไรโง่ๆออกไปว่า ‘อ๊ะ’ 

ก็รู้สึกเสียใจอยู่หน่อยๆล่ะนะ แล้วฮิโตสึบะซังก็พูดต่อ

 

“นายไม่คิดบ้างเหรอคะว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่ชั้นเป็นคนเรียกนายด้วยชื่อเล่นว่า ‘ยูยะคุง’ อยู่ฝ่ายเดียวเลยน่ะ? ชั้นเองก็อยากให้นายเรียกชั้นว่า ‘คาเอเดะ’ แทน ‘ฮิโตสึบะซัง’ ค่ะ………ไม่ได้เหรอคะ?……”

 

การแสดงออกที่มีเสน่ห์มากล้นของเธอก็เปลี่ยนไป

ตอนนี้เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาที่ซึมๆและเปียกชื้นราวกับหมาชิวาว่าที่อยู่ตามโฆษณาและถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาวแต่ตอนนี้หน้าผากของผมกลับเริ่มมีเหงื่อไหล

ผมกลืนน้ำลายลงไปอีกหนึ่งอึกและช่วงเวลาแห่งความเงียบงันก็ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องนั่งเล่น

แต่ไอ้เกมจ้องตาที่จู่ๆมันก็เริ่มขึ้นอย่างกระทันหัน ไม่นานมันก็จบลง

ใช่ เพราะมันไม่มีทางที่ผมจะชนะเกมนี้ได้เลย………..

 

“เข้าใจแล้วครับ เข้าใจแล้ว ผมแพ้แล้วครับคาเอเดะ”

 

มันน่าอายจริงๆนะเนี่ย

ผมรู้สึกว่าหน้าของตัวเองมันคงจะแดงจนถึงขั้นจะพ่นลมหายใจออกมาเป็นไฟสีแดงเลย

แต่ใบหน้าของคาเอเดะเองก็แสดงความน่าประทับใจไม่แพ้กันเพราะแก้มของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนกับมะเขือเทศที่ถึงช่วงเวลาเก็บเกี่ยวพอดี

 

“ดีใจจังเลยค่ะ……..ขอบคุณมากเลยนะคะยูยะคุง!”

 

รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเธอพร้อมกับแก้มแดงๆราวกับพระอาทิตย์ตกดินนั้น

ดูเหมือนกับนางฟ้ามาโปรดและทั้งหมดที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้ก็คือก้มหน้าก้มตาเขินต่อไป…..

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita

Comment

Options

not work with dark mode
Reset