S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน ตอนที่ 11 ฆาตกรหมายเลข 11 ความงงงวย

ฆาตกรหมายเลข 11 ความงงงวย

11
ความงงงวย

หลังจากฟังไป๋อวี้ถังพูดจบ สมาชิกทุกคนต่างก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าจั่นเจาจะเป็นหนึ่งในสมาชิกของ S.C.I. แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในส่วนสำนักงาน บวกกับคดีในครั้งนี้ยังน่าปวดเศียรเวียนเกล้า ถ้าหากว่าองค์กรอะไรนั่นจับตามองจั่นเจาอยู่จริง ๆ ก็ถือว่าอันตรายมาก แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันแปลกมาก เนื่องจากหน่วย S.C.I. เพิ่งเข้ามารับช่วงต่อในคดีนี้ ยังสืบไม่ได้แม้แต่เส้นขน แล้วทําไมคนร้ายถึงได้พุ่งเป้าไปที่จั่นเจา
สีหน้าของทุกคนเคร่งขรึมตรงกันข้ามกับจั่นเจาที่ดูไม่วิตกกังวลอะไรมากนัก เขาถามกงซุนว่า “กงซุน นายยังพูดไม่จบใช่ไหม”
“อ้อ…” กงซุนดึงสติกลับมา เหลือบมองไป๋อวี้ถัง
ไป๋อวี้ถังพยักหน้าให้เขาพูดต่อ
“ฉันยังทําการตรวจสอบตัวเลขที่อยู่ด้านหลังใบหูของอู๋เฮ่าและศพอื่น ๆ ด้วย ในที่สุดก็เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่ ดังนั้นฉันจึงบอกว่าเจ้าหมอนั่นมันโรคจิตขนานแท้!”
ทุกคนฟังมาถึงตรงนี้ ความสนใจก็มารวมกันที่ตัวกงซุนทันที
“ทุกคนคงเคยกินเนื้อหมูใช่ไหม” จู่ ๆ กงซุนก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ไป๋อวี้ถังพยัก “หมายความว่าไง”
กงซุนพูดต่อ “พวกนายเคยสังเกตกันไหมว่า เนื้อหมูที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจะมีตราประทับสีน้ำเงินจะล้างอย่างไรก็ล้างไม่ออก?”
…!…
พอได้ยินที่กงซุนพูด ทุกคนต่างแสดงสีหน้าขยะแขยงออกมา
จั่นเจาขมวดคิ้ว “มันคงจะไม่ใช่…”
“ใช่แล้ว!” กงซุนตอบกลับอย่างจนปัญญา “ฉันได้ตรวจสอบซ้ำอีกรอบแล้ว ผลเหมือนเดิมทุกประการ! เป็นตราประทับที่ใช้กับเนื้อหมูและสีประกอบอาหาร!”
“เจ้าหมอนี่โรคจิตจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะทำกับคนอื่นเหมือนหมูเหรอ” สีหน้าไป๋อวี้ถังดูยุ่งยากใจ
“หัวหน้า?” จู่ ๆ หวังเฉาก็ตะโกนขึ้นมา “หรือว่าฆาตกรจะเป็นคนขายหมู?!”

จางหลงกลืนน้ำลาย “มัน…ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ…”
จั่นเจาส่ายศีรษะ “มันไม่น่าจะเป็นไปได้! จากพฤติกรรมของฆาตกร เขาเป็นคนที่มีอาการย้ำคิดย้ำทำในระดับหนึ่ง ต้องการความสมบูรณ์แบบ มีความละเอียดรอบคอบ และกลัวเชื้อโรค”
ไป๋อวี้ถังพยักหน้า “มีเหตุผล! แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ถือว่าเป็นเบาะแสให้เราเช่นกัน จางหลง พรุ่งนี้นายไปตรวจสอบดูว่าตราประทับสีประกอบอาหารแบบนี้มีขายที่ไหนบ้าง หวังเฉา นายไปตรวจสอบที่ฟาร์ม เลี้ยงหมูและโรงงานเนื้อสัตว์!”
“…หา?” หวังเฉาดูสีหน้าไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร “มันดูไม่ค่อยโสภาเท่าไรนะครับ…”
ไป๋อวี้ถังจ้องเขา “ฉันถึงให้นายไป! ถ้านายสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นคนฆ่าหมู ฉันจะซื้อรถให้นายคันหนึ่ง!”
“จริงเหรอครับ หัวหน้า! พูดคำไหนคำนั้นนะ!” หวังเฉาพูดจบก็วิ่งออกไปอย่างร่าเริง
จั่นเจามีสีหน้าประหลาดใจ “เจ้าหนูขาว? นายพูดจริงเหรอ”
ไป๋อวี้ถังยักไหล่ “ฉันก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเป็นรถยนต์”

หลังการประชุมสิ้นสุดลง ทุกคนพากันทยอยออกไป พอจั่นเจาลุกขึ้นยืนก็ถูกไป๋อวี้ถังคว้าไว้ “ไป!”
“ไปไหน” จั่นเจามองเขาอย่างงงงวย
“ตามมา เดี๋ยวก็รู้เอง”
ทั้งสองก้าวเข้าไปในลิฟต์ ไป๋อวี้ถังกดปุ่มชั้น ‘-2’
จั่นเจาขมวดคิ้ว “ไปสนามยิงปืนทําไม”
ไป๋อวี้ถังไม่ตอบ ถามเพียงว่า “นายพกปืนมาด้วยหรือเปล่า”
“…เปล่า…” จั่นเจาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“อะไรนะ” ไป๋อวี้ถังจ้องเขม็ง “ที่ทางกรมมอบปืนให้นายก็เพื่อให้พกติดตัวไว้!”
จั่นเจากลอกตาใส่เขา “บ่ายวันนี้ฉันมีสอน คงจะพกปืนไปที่ มหาวิทยาลัยด้วยไม่ได้ละมั้ง?”
“ก็เพราะต้องไปมหาวิทยาลัยถึงต้องควรพกปืนน่ะสิ ก็บอกแล้วว่า ไม่ให้นายไปสอน”
“นาย! การสอนคือสิ่งที่ฉันรักนะ!”
“คนที่มาฟังนายสอนเหมือนว่าจะเป็นผู้หญิงทั้งหมดใช่ไหมล่ะ พวกเธอไม่ได้มาเรียนหรอก แค่มานั่งมองนายต่างหาก!” ไป๋อวี้ถังเหล่ตามองเขา
“…ไป๋อวี้ถัง!” จั่นเจาโกรธจัด “นับจากตอนนี้ไปอีกหนึ่งชั่วโมง ฉันจะไม่คุยกับนาย” แล้วเขาก็หันไป

ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นใต 2 ทั้งสองก้าวออกมาจากลิฟต์ จั่นเจาผู้มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ถูกไป๋อวี้ถังลากถูลู่ถูกังเข้ามาในสนามยิงปืน
เมื่อเข้ามายืนตรงช่องยิง สวมที่ครอบหู หยิบปืนขึ้นมา จั่นเจา ก็สาดกระสุนใส่เป้ายิงไปชุดหนึ่ง
ไป๋อวี้ถังที่ยืนอยู่ข้างหลังตกใจมาก เขารู้สึกว่าจั่นเจากําลังคิดว่าเป้ายิงคือเขา
แน่นอนว่าจั่นเจายิงไปโดยจินตนาการว่าเป้ายิงคือไป๋อวี้ถัง เนื่องจากไป๋อวี้ถังพูดกระทบใจดำของเขา
จั่นเจารักการสอน เขาชอบถกปัญหาทางวิชาการกับบรรดานักศึกษาเป็นอย่างมาก แต่ช่วงนี้ไม่รู้ว่านักศึกษาเป็นอะไรกันไปหมด โดยเฉพาะกับนักศึกษาหญิง พวกเธอทําให้จั่นเจาอดนึกถึงสิ่งมีชีวิตที่ร้องโหยหวนในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงไม่ได้ ที่น่าโมโหที่สุดก็คือ เขาพบว่าตอนนี้จำนวนนักศึกษาหญิงในชั้นเรียนของเขามีจํานวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และทั้งหมดก็ไม่ได้มาจากคณะจิตวิทยา ครั้งที่แล้วยังมีคนถามเขาด้วยว่ามีแฟนแล้วหรือยัง…บ้าชะมัด!
ไป๋อวี้ถังกดปุ่ม เป้ายิงเคลื่อนตัวเข้ามาตรงหน้าของพวกเขาทั้งสอง พอเห็นผลก็สูดหายใจลึก…ยิงไปทั้งหมดหกนัด แต่เป้ายิงกลับทะลุเพียงสามรูเท่านั้น…
“เจ้าแมวจั่น!” ไป๋อวี้ถังตะคอกใส่ “ตอนนั้นนายผ่านการทดสอบ ยิงปืนมาได้ยังไงเนี่ย”
จั่นเจาหันหน้าหนี คิดในใจว่า ‘ไม่สนใจนายหนึ่งชั่วโมง!’
ไป๋อวี้ถังย่นจมูกด้วยความโกรธ แล้วตะคอกอีก “ฉันจําได้ว่าเมื่อก่อนเคยฝึกฝนพิเศษให้นายมาแล้ว! แล้วตอนนั้นนายก็ยิงได้แม่นมาก”
‘ดังนั้นฉันถึงได้สอบผ่านยังไงล่ะ’ จั่นเจายังคงคิดต่อในใจ

โกรธ! ไป๋อวี้ถังยื่นมือเข้ามาตรงหน้าจั่นเจาแล้วหมุนนาฬิกาให้ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง “พูด!”
จั่นเจาเหลือบมองหน้าเขาก่อนจะเปิดปากพูดได้ในที่สุด “หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ซ้อมอีกเลย …”
ไป๋อวี้ถังกัดฟันแน่น “นายรู้ไหมว่าคนที่พกปืน แต่ดันยิงไม่แม่นก็เหมือนกับคนที่ขับรถโดยไม่จับพวงมาลัย สามารถทำให้คนอื่นได้รับอันตรายได้?”
จั่นเจารู้ดีว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด จึงพึมพําเสียงเบา “ถึงไม่ได้พกมันไว้ยังไงล่ะ…”
“ฮู้…” ไป๋อวี้ถังสูดลมหายใจลึกก่อนจะส่งเป้ายิงกลับสู่ตำแหน่งเดิม คว้าปืนในมือของจั่นเจาวางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ก้มตัวลงไปหยิบปืนที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าตรงเท้าของเขาแล้วยื่นออกไปให้ “ใช้กระบอกนี้!”
จั่นเจารับปืนมาเมียงมองดูแล้วก็ต้องตกใจ “เรมิงตัน 1911 งั้นเหรอ”
ไป๋อวี้ถังรู้สึกแปลกใจ “ทักษะการยิงปืนก็งั้น ๆ แต่ดันรู้เรื่องปืนดี”
“ไป๋อวี้ถัง นายกําลังแอบครอบครองอาวุธผิดกฎหมายอยู่นะ!” จั่นเจา ชี้หน้าเขาแล้วพูดออกมา
“ฉันมีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนที่ออกโดยรัฐบาล!” ไป๋อวี้ถังชี้แจง “ฉันเป็นตํารวจอาชญากรรม”
จั่นเจาชูปืนขึ้นแล้วถามว่า “ปืนกระบอกนี้ไม่สามารถหาซื้อได้ในประเทศ! ได้มาจากพี่ชายของนายอีกแล้วเหรอ”
ไป๋อวี้ถังเกาศีรษะ “ใช่แล้ว!”
“พี่ชายของนายมีรายได้มากมายแบบนี้ คงไม่ได้ค้าอาวุธเถื่อนหรอกนะ?” จั่นเจากระซิบถาม “หรือว่าพี่ชายนายเป็นคอหนัง เลยอยากเห็น นายเป็นเจมส์ บอนด์ น่ะ”
ไป๋อวี้ถังรู้สึกโมโห “ถือดีๆ!”
จั่นเจาเหน็บเขาไปหลายประโยคจนรู้สึกสบายอกสบายใจขึ้นอย่างมากจึงยอมยกปืนขึ้นมาดี ๆ ก่อนจะเล็งเป้า …
“เดี๋ยวก่อน!” ไป๋อวี้ถังร้องห้าม เดินอ้อมหลังจั่นเจาแล้วจับมือของเขา จากทางด้านหลังเพื่อช่วยเล็งเป้ายิง “สายตามองตรงไปข้างหน้า วางนิ้วบนไกปืน ดวงตาและตำแหน่งกลางเป้ายิงต้องอยู่ระนาบเดียวกัน…”
จากนั้นกระสุนหกลูกก็ถูกยิงเข้าเป้าทั้งหมด
จั่นเจาหันหน้ากลับมาด้วยความดีใจ “ฉันนี่ช่างมีพรสวรรค์จริง ๆ!”
ไป๋อวี้ถังคว้าปืนของเขากลับมาแล้วถอดซองกระสุนออกเพื่อบรรจุ กระสุน “นั่นเป็นเพราะการฝึกสอนที่ถูกต้อง!”
จั่นเจายกปืนฝึกซ้อมขึ้นอีกครั้ง “สายตามอตรงไปข้างหน้า วางนิ้วบนไกปืน ดวงตาและตำแหน่งกลางเป้ายิงต้องอยู่ระนาบเดียวกัน …”
พอยิงออกไป ทะลุสี่นัด อีกสองนัดพลาดเป้า…
“เจ้าหนูขาว!” จั่นเจาพูดด้วยความโกรธ “ฉันเข้าใจแล้ว! นายยิงแม่น ก็เพราะปืนของนายต่างหาก!”
“ยิ่งแม่นหรือไม่แม่นมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับปืนละมั้ง?”
“เกี่ยวแน่นอน! ของนายเบากว่า!”
“นั่นเป็นเพราะว่าพื้นฐานของนายแย่มาก กำลังแขนก็ไม่ดี! เคยบอกให้นายฝึกฝนตั้งนานแล้ว”
“ต้องเกี่ยวแน่นอน!”
“ไม่เกี่ยว!”
“เกี่ยว!”
“ไม่…!…”
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเริ่มเปิดฉากทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระเช่นทุกวันอีกครั้ง ทันใดนั้นไป๋อวี้ถังก็หยุดชะงักลง ดูเหมือนว่าเขาคิดอะไรออกบางอย่าง พึมพําซ้ำไปซ้ำมา “เกี่ยว…ไม่เกี่ยว …”
“นายเป็นอะไรไป” จั่นเจายื่นมือออกไปโบกตรงหน้าเขาเพื่อเรียกสติ เขากลับมา
“เจ้าแมว ฉันคิดอะไรออกบางอย่าง” ไป๋อวี้ถังวางปืนลง ก่อนจะนั่ง ลงบนโต๊ะที่อยู่หน้าตำแหน่งยิงปืน “นายลองคิดดู รถคันนั้นถูกขโมยมา เกือบครึ่งเดือนแล้ว แต่หน่วย S.C.I. เพิ่งถูกจัดตั้งขึ้นและรับโอนคดีนี้ก็เพิ่งจะไม่กี่วันเท่านั้น บางทีรถคันนั้นอาจจะพุ่งเป้ามาที แต่ว่ามันไม่ได้นาย เกี่ยวข้องกับคดีนี้เลย?”
จั่นเจานิ่งไป ไตร่ตรองแล้วพูดออกมาว่า “ใช่…เป็นไปได้เหมือนกัน”
ทันใดนั้นไป๋อวี้ถังก็ถามขึ้นมา “นายมีสอนตอนบ่ายนี้ใช่ไหม”
“อืม”
“ฉันจะไปกับนายด้วย”
“…?…นายจะไปทําไม”
ไป๋อวี้ถังยัดปืนเรมิงตันกระบอกนั้นใส่มือของจั่นเจา “ไปสืบที่มหาวิทยาลัยของนายเสียหน่อย!”

S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน

S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน

S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน, SCI 谜案集
Score 8.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2005 Native Language: Chinese
อ่าน S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน เรื่องย่อ S.C.I. : หน่วยสืบสวนคดีอาชญากรรมพิเศษคือทีมที่รวมเจ้าหน้าที่ระดับหัวกะทิจากแต่ละแผนกในกรมตำรวจมารวมกันเพื่อปิดคดีที่ยังไม่คลี่คลาย เมื่ออธิบดีกรมตำรวจสั่งตั้งหน่วยสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมพิเศษและโยกย้ายเจ้าหน้าที่ระดับหัวกะทิจากแต่ละแผนกในกรมตำรวจมารวมกัน ทำให้ไป๋อวี้ถังผู้มีความกล้าหาญทั้งยังมีทักษะเชี่ยวชาญ แต่มีนิสัยแปลกประหลาดไม่เหมือนคนอื่น ต้องมาทำงานร่วมจั่นเจา ดอกเตอร์ด้านอาชญาวิทยาที่มีชื่อเสียงในนานาประเทศ ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นค่อนข้างลึกซึ้ง จนเรียกได้ว่าทั้งสองไม่ถูกชะตากันมาตั้งแต่ออกจากท้องแม่แล้ว! ในสายตาของไป๋อวี้ถัง จั่นเจาไม่ได้สุภาพเรียบร้อยอย่างที่ใครๆ พูด เขาเป็นแค่แมวเจ้าเล่ห์ไร้สัจจะตัวหนึ่ง! ในสายตาของจั่นเจา ไป๋อวี้ถังนั้น ช่างห่างไกลจากภาพลักษณ์ภายนอกอันสง่างามมากความสามารถ เขาก็เป็นแค่หนูขาวน่ารังเกียจตัวหนึ่ง!"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset