S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน ตอนที่ 15 ฆาตกรหมายเลข 15 1.3.5

ฆาตกรหมายเลข 15 1.3.5
สำนักพิมพ์โรส

15
1.3.5

หลังจากที่ออกมาจากหอพักนักศึกษาปริญญาโท ไป๋อวี้ถังและจั่นเจาตัดสินใจกลับไปยังสถานที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง แล้วเดินไปทางอาคารคณะจิตวิทยา
“เสียวจั่น!”
ได้ยินเสียงคนเรียกจากทางด้านหลัง จั่นเจากับไป๋อวี้ถังหันกลับไปมองพร้อมกัน
เห็นคนที่ตะโกนเรียกเขาเป็นชายวัยกลางคน อายุประมาณ 40 ปี สวมแว่นตา และใส่ชุดกาวน์สีขาว เขารีบวิ่งตามเข้ามาหา
“คุณหมอสวี?” จั่นเจาจําได้ว่าเขาคือสวีถิง นายแพทย์ประจํามหาวิทยาลัย C
สวีถิงวิ่งเข้ามาถึงตรงหน้า มองพิจารณาไป๋อวี้ถังที่อยู่ข้าง ๆ จั่นเจาครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “เขาเองเหรอ”
จั่นเจายิ้มอย่างกระอักกระอ่วน เขารู้ดีว่าคุณหมอสวีคนนี้ชอบเรื่องซุบซิบนินทา แต่ว่าในตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะมาคิดเรื่องแบบนี้
สวีถิงเองก็ไม่ได้สังเกตถึงสีหน้าที่ผิดปกติไปของจั่นเจา จึงยิ้มแล้วพูดต่อ “เมื่อครู่ดอกเตอร์จางพยุงท่านสวี่มาที่ห้องพยาบาล ท่านสวี่โกรธจัดกระหืดกระหอบ สั่นไปทั้งตัว! พวกหมอนึกว่าเขาจะไม่รอดเสียแล้ว”
“ศาสตราจารย์สวี่ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?!” จั่นเจาถามอย่างร้อนใจ
“ไม่เป็นอะไรแล้ว! ดีขึ้นแล้วละ เขาเหงื่อออกไปทั้งตัว ผมทำงานอยู่ที่นี่มา 20 ปี ไม่เคยเห็นท่านโกรธถึงขนาดนี้มาก่อนเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋อวี้ถังก็ขยิบตาให้จั่นเจาอย่างร่าเริง บ่งบอกว่า “ตาแก่นั่นยังไม่ตาย ดวงแข็งจริงๆ!”
จั่นเจาถลึงตาใส่เขา
สวีถิงยังอยากจะพูดคุยต่ออีก แต่ทั้งสองกลับหมดความอดทนที่จะรับฟังแล้ว จึงหาข้ออ้างว่าพวกเขายังมีงานต้องทำ จั่นเจากับไป๋อวี้ถังหันหลังกลับและรีบเร่งเดินจากไปทันที
เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงยังชั้นล่างของอาคารคณะจิตวิทยา
จั่นเจาเงยหน้าขึ้นมองไปยังชั้นบนสุดก็เห็นแสงแดดจ้าจนเกือบมองไม่เห็นรั้วกั้นด้านนอก
“เสี่ยวไป๋ นายนี่มันประหลาดเกินไปแล้ว? แบบนี้ก็ยังมองเห็นได้ด้วยเหรอ”
ไป๋อวี้ถังพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “แปลกตรงไหนเหรอ ความสามารถในการมองเห็นวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวของฉันน่ะเป็นอันดับหนึ่งในกองทัพอากาศ อย่าว่าแต่รั้วกั้นเลย แม้แต่กระสุนปืนใหญ่ที่วิ่งเข้ามาฉันยังมองเห๊นได้อย่างชัดเจน!”
จั่นเจามองเขา เห็นเจ้าหนูขาวคนนี้กำลังภาคภูมิใจจนหางชี้ขึ้นมา
จั่นเจายืมกล้องส่องทางไกลจากในมือเจ้าหน้าที่ตํารวจคนหนึ่ง แล้วส่องดูข้างบนอย่างถี่ถ้วน
ผ่านไปไม่นานจั่นเจาก็ลดกล้องส่องทางไกลลง ก่อนจะขมวดคิ้ว “มีบางอย่างผิดปกติ!”
“ทำไมเหรอ พบอะไรงั้นเหรอ” ไป๋อวี้ถังคว้ากล้องส่องทางไกลมาส่องดูเช่นกัน
“นายสังเกตไหมว่าทิศทางของรั้วกั้นมันไม่ค่อยถูกต้อง” จั่นเจาถามไป๋อวี้ถัง
ไป๋อวี้ถังเก็บกล้องส่องทางไกลลง มองไปทางจั่นเจา “ที่นายพูดมาถูกต้องทุกประการ! ถ้าหลี่เฟยฝานพลัดตกลงมาเพราะรั้วกั้นที่ผุพังนั่น รั้วกั้นก็ควรต้องพลิกออกด้านนอก ถึงแม้หลี่เฟยฝานจะคว้ารั้วกั้นเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะตกลงมา มันก็ต้องพลิกออกด้านนอกก่อนที่จะหักลงมา แต่ว่าตรงนี้…”
“ถูกต้อง!” จั่นเจาวิเคราะห์ต่อ “รั้วกั้นตรงนี้เหมือนหักลงไปตรง ๆ ไม่มีการเอนออกมาทางด้านนอกเลย!”
“เจ้าแมว ฉันคิดอะไรออกบางอย่าง!” ไป๋อวี้ถังโพล่งออกมา
จั่นเจาพูดเช่นกัน “บังเอิญจัง? ฉันก็คิดอะไรออกเหมือนกัน!”
ทั้งสองมองตาแล้วยิ้มให้อย่างรู้กัน จากนั้นจึงเดินเข้าไปภายในอาคาร ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ไปที่ระเบียงดาดฟ้า แต่ขึ้นไปที่ชั้นก่อนถึงดาดฟ้าชั้นหนึ่งนั่นก็คือชั้นที่ 13 ชั้นบนสุดของอาคารคณะจิตวิทยา
เนื่องจากอาคารคณะจิตวิทยาของมหาวิทยาลัย C เป็นอาคารที่เพิ่งสร้างเสร็จ ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกชั้นที่ได้รับการตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้วอย่างเช่นชั้นที่ 12 และ 13 ซึ่งยังทิ้งว่างไว้ มีกองวัสดุอุปกรณ์กองอยู่จำนวนหนึ่ง แม้แต่ประตูก็ยังไม่ได้รับการติดตั้ง
ทั้งสองเดินไปตามทางเดินของตึก ตรวจดูห้องเรียนทีละห้อง เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องเรียนห้องที่ 5 ก็มองเห็นรั้วกั้นที่หักห้อยลงไปอยู่ด้านนอกหน้าต่าง
จั่นเจาดึงไป๋อวี้ถังที่กำลังจะตรงดิ่งเข้าไป ก่อนจะชี้ไปยังป้ายหมายเลขาไป ห้อง 13–5
ไป๋อวี้ถังอุทานด้วยความตกใจ “135?”
จั่นเจาพยักหน้า! ดูเหมือนมาถูกที่แล้ว!
ทั้งสองค่อย ๆ เดินเลียบผนังห้องเข้าไปอย่างระมัดระวัง บนพื้นห้องรกรุงรัง ฝุ่นจับหนาเตอะ ทว่าเหมือนจะเคยถูกเช็ดทำความสะอาดอย่างจงใจแม้จะไม่มีรอยเท้า แต่เห็นชัดเจนว่าเคยมีคนเข้ามา
ทั้งสองเดินมาถึงหน้าต่าง เห็นรั้วกั้นอยู่ห่างจากขอบหน้าต่างไม่ถึงหนึ่งเมตร ไป๋อวี้ถังถอดเสื้อคลุมกันลมออกแล้วยื่นให้จั่นเจา ก่อนจะหันหลังกลับทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก จั่นเจาดึงเขาไว้แล้วถามว่า “นายจะทำอะไร นี่ชั้น 13 นะ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!”
ไป๋อวี้ถังหัวเราะแล้วปัดจมูกของเขา “เจ้าแมวโง่! ฉันไม่ได้กลัวความสูงเสียหน่อย!”
จั่นเจาท่าทางลำบากใจ “ไม่งั้นก็เรียกคนขึ้นมา ตระเตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยเสียก่อน …”
ไป๋อวี้ถังหัวเราะแล้วปลดกระดุมคอเสื้อและข้อมือ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วจิ้มคางจั่นเจาเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง!” ว่าแล้วก็เดินออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งไปทางดาดฟ้า จั่นเจาได้แต่ตะโกนตามหลังไป “ระวังตัวนะ!” ก่อนที่เขาจะลับหายไป ทำได้เพียงกอดเสื้อผ้ารอคอยอยู่ที่บานหน้าต่างอย่างร้อนใจ
ใช้เวลาเพียงไม่นานไป๋อวี้ถังก็ปีนรั้วกั้นลงมาถึงยังหน้าขอบหน้าต่าง จั่นเจามองดูด้วยความหวาดหวั่น ขณะที่กำลังจะเข้าไปดึงตัวเขา ก็ได้ยินเสียงไป๋อวี้ถังร้องตะโกน “เจ้าแมว หลบไปด้านข้างก่อน”
จั่นเจาถอยฉากออกไปด้านข้างด้วยสัญชาตญาณ ไป๋อวี้ถังเหวี่ยงตัวกลางอากาศไม่กี่ครั้งก่อนจะกระโดดเข้ามาจากนอกหน้าต่างลงสู่พื้นอย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จากนั้นจึงปัดฝุ่นในมือออก
จั่นเจาโมโห “นายจะมาทำเป็นเท่ตลอดเวลาอย่างนี้ไม่ได้นะ?”
ไป๋อวี้ถังยักไหล่ “ปกติฉันก็เท่อยู่แล้ว!”
“นาย…” จั่นเจาที่โกรธจนพูดต่อไม่ไหว ได้แต่ทำแก้มป่องถลึงตาใส่ ในใจของเขารู้ดี ไป๋อวี้ถังกลัวว่าจะทำลายเบาะแสที่อาจทิ้งไว้บนหน้าต่าง จึงได้กระทำการอันเสี่ยงอันตราย แม้จะรู้ว่าเขาไม่เคยกลัวตายเวลาสืบคดี แต่เมื่อได้เห็นกับตาก็ยังกลัวจนหัวใจแทบจะหลุดออกมา
ไป๋อวี้ถังปัดฝุ่นเสร็จก็พูดว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็สามารถอธิบายได้แล้วว่าประตูระเบียงดาดฟ้าถูกล็อกจากด้านนอกได้อย่างไร แต่ฉันยังมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจ”
หลังจากสวมเสื้อคลุมกันลมและจัดปกเสื้อเรียบร้อยแล้ว เขาก็พูดต่อว่า “ถ้าหากว่าคนร้ายนั้นผลักหลี่เฟยฝานลงไปก่อนจะปีนรั้วกั้นเข้ามา เวลามันกระชั้นชิดเกินไปที่จะทำได้โดยไม่มีพยานรู้เห็น!”
จั่นเจาพยักหน้า “ถูกต้อง พวกเราวิ่งออกจากอาคารทันที และมองไม่เห็นคนอื่นเลย! อีกอย่าง ต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้มันเสี่ยงเกินไปนอกเสียจากว่า…”
“นอกเสียจากว่าอะไร” ไป๋อวี้ถังมองจั่นเจาอย่างงุนงง
จั่นเจามองไปยังรั้วกั้นด้านนอกหน้าต่าง “นอกเสียจากว่า หลี่เฟยฝานไม่ได้ตกลงมาจากดาดฟ้า”
ไป๋อวี้ถังชะงักไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจได้ในบัดดล “ใช่แล้ว! เราถูกรั้วกั้นทำให้เข้าใจผิดไป! ว่าเขาถูกจับโยนลงมาจากตรงนี้! คนร้ายอาจจะเข้ามาจัดการกับรั้วกั้นตั้งแต่คืนวาน เพื่อสร้างสถานการณ์ว่าหลี่เฟยฝานล็อกประตูเอง!”
จั่นเจาพยักหน้า “คนทั่วไปจะไม่เงยหน้าขึ้นมองไปที่ด้านบน! ถึงแม้จะมอง แต่ก็เห็นไม่ชัดเจน!”
ไป๋อวี้ถังตรวจสอบบริเวณรอบ ๆ “นั่นหมายความว่า ตรงนี้นี่สิถึงจะเป็นจุดเกิดเหตุจุดแรกต่างหาก! แต่คนร้ายนั่นก็ช่างใจกล้าจริง ๆ เขาโยนหลี่เฟยฝานลงจากอาคารแล้วค่อยออกมาตรงนี้ ซึ่งอาจจะถูกพบหรือถูกสงสัยได้ง่าย…อีกอย่าง ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากขนาดนี้ด้วย”
จั่นเจานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าก็แสดงความหนักใจออกมา
“เจ้าแมว คิดอะไรออกเหรอ” ไป๋อวี้ถังเห็นเขามีท่าทางแบบนี้ก็รู้ได้ ทันทีว่าเขาพบอะไรบางอย่าง
“…ถ้าหากพิจารณาจากด้านจิตใจของคนร้าย เขาทำเช่นนี้ย่อมต้องมีเป้าหมาย เพียงแต่มันยิ่งปิดก็ยิ่งฉาวโฉ่!”
“หมายความว่ายังไง” ไป๋อวี้ถังรอฟังการวิเคราะห์อย่างมืออาชีพของจั่นเจาอย่างสนอกสนใจ
“คนร้ายใช้ความพยายามทำให้เรื่องยุ่งยาก นั่น็เพื่อปกปิดสถานที่ก่อเหตุ! และจุดประสงค์ในการอำพรางสถานที่ก่อเหตุก็ไม่มีอย่างอื่น นอกเสียจากต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ!”
“ถูกต้อง!” ไป๋อวี้ถังพยักหน้า
“ที่บอกว่าพิสูจน์ว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุนั้น ความจริงก็คือการกำจัดความน่าจะเป็นที่ตัวเองจะปรากฏตัวอยู่ในที่เกิดเหตุในช่วงเวลาเดียวกับที่คนร้ายก่อเหตุ” จั่นเจาพูดต่อ “ถ้าหากคิดตามตรรกะของคนร้าย แบ่งช่วง
เวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วง ๆ ดังนั้นเรื่องทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ช่วงเวลา! นั่นคือ ‘หลี่เฟยฝานเข้ามาในอาคาร ถูกคนร้ายฆ่า ถูกพบว่าตกตึก และคนร้ายหนีไป!’ ”
“ใช่แล้ว!” ไป๋อวี้ถังลูบคางฟังอย่างตั้งใจ
“เหตุการณ์สองลำดับแรก คือ หลังจากที่เดินเข้ามาภายในอาคารก็ถูกฆาตกรรม นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถบิดเบือนได้!” จั่นเจาพูดต่ออย่างใจเย็น “แต่อีกสองลำดับหลังนั้น นั่นคือการตกจากอาคารและคนร้ายหนีออกไป นี่ต่างหากคือสิ่งที่บิดเบือนได้!”
จั่นเจาพูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดลงชั่วครู่ให้ไป๋อวี้ถังได้ทำความเข้าใจกับข้อมูลเหล่านี้ ความสามารถในการทำความเข้าใจอันยอดเยี่ยมทำให้ไป๋อวี้ถังเข้าใจความหมายของจั่นเจาในทันที “ฉันเข้าใจแล้ว นายหมายความว่า คนร้ายออกจากที่เกิดเหตุก่อนที่หลี่เฟยฝานจะตกลงมา ส่วนการฆาตกรรมและตกจากอาคาร คนทั่วไปจะคิดว่าเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้ดำเนินการในเวลาเดียวกันเลย! คนร้ายแค่ออกจากที่นี่ก่อนที่หลี่เฟยฝานจะตกลงมา และให้ทุกคนเห็นเขาในสถานที่อื่น จากนั้นค่อยทำให้หลี่เฟยฝานตกลงมาจากอาคาร! นั่นก็เพียงพอที่จะเป็นหลักฐานว่าเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ และตัดเขาออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัย!”
จั่นเจาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ไป๋อวี้ถังช่างเฉลียวฉลาดจริง ๆ ไม่เพียงแต่เข้าใจในสิ่งที่เขาคิด แต่ยังต่อยอดความคิดของเขาได้อีกด้วย
“แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวเลข 135 ก็ได้กลายเป็นกุญแจสำคัญ!” จั่นเจาพูดต่อ “กลุ่มตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นถึงสถานที่เกิดเหตุที่แท้จริง และทำให้จุดประสงค์ของคนร้ายถูกเปิดเผย! นั่นหมายความว่า กลุ่มตัวเลขนี้หลี่เฟยฝานเป็นคนเขียนมันออกมาเองอย่างแน่นอน”
ไป๋อวี้ถังนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน “หรือพูดได้อีกอย่างว่า หลังจากที่คนร้ายหนีออกไป หลี่เฟยฝานยังไม่ตาย แต่เขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือทิ้งข้อมูลเหล่านี้เอาไว้!”
จั่นเจามองดูรั้วกั้นที่ขอบหน้าต่างและด้านนอกก่อนจะโพล่งออกมา “ตอนที่นายกระโดดเข้ามาเมื่อกี้ ฉันนึกอะไรออกได้เรื่องหนึ่ง”
ไป๋อวี้ถังมองตามสายตาของจั่นเจาออกไป “นายกำลังบอกว่า …ระหว่างขอบหน้าต่างกับรั้วกั้นมันสามารถวางคนหนึ่งคนได้พอดีงั้นเหรอ”
จั่นเจาพูดอย่างขมขื่น “บางที…หลี่เฟยฝานอาจจะเพียงแค่หมดสติไปชั่วครู่ ก่อนจะถูกจับวางลงบนนั้น”
ไป๋อวี้ถังตบไหล่ของจั่นเจาเป็นการปลอบใจ ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดว่า “แค่รอให้เขาตื่น ขยับร่างกายเพียงนิดเดียว ก็จะตกลงไปอย่างแน่นอน และในช่วงเวลาที่เขากำลังจะตกลงไป จึงได้ทิ้งข้อมูลนี้เอาไว้ให้พวกเรา”
“โหดร้ายเกินไปแล้ว เขาเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง ใครกันที่ต้องการทำร้ายเขา”
เมื่อเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดรวดร้าวของจั่นเจา ไป๋อวี้ถังก็ดึงเขาเข้ามาซบลงกับบ่าของตนเอง แล้วพูดช้า ๆ “เจ้าแมว คนเพียงคนเดียวไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้หรอก!”
จั่นเจาตัวสั่น “สองคนงั้นเหรอ”
ไป๋อวี้ถังลูบผมของเขาอย่างแผ่วเบา “นายคิดออกแล้วใช่ไหม หลังจากที่หลี่เฟยฝานเข้าไปในอาคาร จนกระทั่งก่อนที่เขาจะตกลง ก็มีคนที่ออกมาจากอาคารพร้อมกัน อีกสองคน…”
“ศาสตราจารย์สวี่กับดอกเตอร์จาง…” จั่นเจาพูดด้วยความสับสน “ในทางทฤษฎีมันถูกต้อง…เพียงแต่ว่า”
“เจ้าแมว!” ไป๋อวี้ถังประคองใบหน้าของจั่นเจาขึ้น จ้องมองที่ดวงตาของเขาก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “นายยังจำสิ่งที่คุณหมอสวีพูดไว้เมื่อกี้ได้ไหม”
จั่นเจาเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง แล้วจึงพูดอย่างไม่มีทางเลี่ยง “เขาบอกว่า ศาสตราจารย์สวี่มีเหงื่อออกทั่วร่างกาย…”
ไป๋อวี้ถังพยักหน้า “อาการของโรคหัวใจก็ทำให้มีเหงื่อออกทั่วร่างกาย จริงไหม…ถ้าดูจากลักษณะการออกแรง สำหรับคนสูงอายุแล้ว มันย่อมมากเกินไปแน่นอนจึงทำให้เขาหอบไม่หยุดและสั่นไปทั้งตัว…และคนที่อําพรางสถานที่เกิดเหตุก็น่าจะเป็นดอกเตอร์จาง พวกเขาสองคนเป็นคนฆ่า หลี่เฟยฝาน”

S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน

S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน

S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน, SCI 谜案集
Score 8.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2005 Native Language: Chinese
อ่าน S.C.I. ทีมพิฆาตทรชน เรื่องย่อ S.C.I. : หน่วยสืบสวนคดีอาชญากรรมพิเศษคือทีมที่รวมเจ้าหน้าที่ระดับหัวกะทิจากแต่ละแผนกในกรมตำรวจมารวมกันเพื่อปิดคดีที่ยังไม่คลี่คลาย เมื่ออธิบดีกรมตำรวจสั่งตั้งหน่วยสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมพิเศษและโยกย้ายเจ้าหน้าที่ระดับหัวกะทิจากแต่ละแผนกในกรมตำรวจมารวมกัน ทำให้ไป๋อวี้ถังผู้มีความกล้าหาญทั้งยังมีทักษะเชี่ยวชาญ แต่มีนิสัยแปลกประหลาดไม่เหมือนคนอื่น ต้องมาทำงานร่วมจั่นเจา ดอกเตอร์ด้านอาชญาวิทยาที่มีชื่อเสียงในนานาประเทศ ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นค่อนข้างลึกซึ้ง จนเรียกได้ว่าทั้งสองไม่ถูกชะตากันมาตั้งแต่ออกจากท้องแม่แล้ว! ในสายตาของไป๋อวี้ถัง จั่นเจาไม่ได้สุภาพเรียบร้อยอย่างที่ใครๆ พูด เขาเป็นแค่แมวเจ้าเล่ห์ไร้สัจจะตัวหนึ่ง! ในสายตาของจั่นเจา ไป๋อวี้ถังนั้น ช่างห่างไกลจากภาพลักษณ์ภายนอกอันสง่างามมากความสามารถ เขาก็เป็นแค่หนูขาวน่ารังเกียจตัวหนึ่ง!"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset