Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 529 ผลลัพธ์ที่น่าสนใจมักเกิดจากอุบัติเหตุ

สวนสาธารณะไฮเทคจินหลิง

เมื่อสามหรือห้าปีก่อน มันยังคงมีพื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่ต้องพัฒนาอีกมาก แต่ในตอนนี้ มันได้รับการพัฒนาและปรับปรุงแล้ว

ภายใต้การสนับสนุนของนโยบายรัฐบาลและการครอบครองขององค์กรที่มีเทคโนโลยีสูงจำนวนมากโดยอาศัยการสนับสนุนทรัพยากรและความสามารถของสถาบันในละแวกใกล้เคียง พื้นที่แห่งนี้ก็ได้ก่อให้เกิดระบบนิเวศการพัฒนาองค์กรตามรูปแบบการผลิต การศึกษาและการวิจัย

แม้ว่าความตั้งใจเดิมของสวนอุตสาหกรรมแห่งนี้เป็นเพียงเพื่อรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าเป้าหมายนี้ไม่เพียงแต่จะบรรลุผลสำเร็จไปแล้วเท่านั้น มันยังนำมาซึ่งมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มหาศาลอีกด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ลิเทียม

ตามรายงานการวิจัยอุตสาหกรรมล่าสุด ทั้งวัสดุลิเทียมแอโนดแบบพอลิไดเมทิลซิโลเซนและวัสดุแคโทดแบตเตอรี่ลิเทียมกำมะถัน HCS-2 ที่ถูกผลิตขึ้นมานั้นได้ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ร้อยละสามสิบสองจุดเจ็ดและร้อยละสี่สิบเจ็ดตามลำดับ อีกทั้ง พวกมันก็เกือบจะเสาหลักของเศรษฐกิจอีกด้วย

นอกจากนี้ แม่เหล็กตัวนำยิ่งยวด SG-1ที่ซึ่งมีจำหน่ายทั่วโลกก็เป็นหนึ่งในนั้น

ในตอนแรก เหล่านักวิจัยก็ได้วางแผนที่จะให้ผู้นำของคณะกรรมการมาควบคุมพื้นที่ แต่ทว่า มันก็อาจจะต้องใช้เวลามากเกินไปหากต้องการให้ทุกสิ่งทุกอย่างลุล่วง

แน่นอน สาเหตุที่การพัฒนาในระดับนี้สำเร็จได้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องเพียงกับการสนับสนุนด้านนโยบายของรัฐบาล

เหตุผลประการหนึ่งก็คือบริษัทต่างๆที่นำโดยสถาบันวัสดุจงซานได้คว้าโอกาสในครั้งนั้น และพวกเขาก็พบกับกระแสแห่งชัยชนะของตลาดแบตเตอรี่ลิเทียม แต่ในทางกลับกัน มันก็แยกไม่ออกว่านี่ใช่ความพยายามส่วนตัวหรือไม่

แน่นอน ปัจจัยที่สำคัญที่สุดอาจไม่สามารถแยกออกจากเทคโนโลยีของสถาบันการศึกษาขั้นสูงจินหลิงได้

สถานประกอบการในสวนสาธารณะไฮเทคทั้งหมดเป็นเหมือนกับสถาบันการวิจัยที่ถูก “ล้อมกรอบ” ทั้งนี้ มูลค่าผลผลิตของเทคโนโลยีที่มากกว่าร้อยละหกสิบที่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิจัยจะได้รับการปรับปรุงและแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อตลาดมีการขยายตัวไปมากกว่านี้

ถึงอย่างไร ชุมชนของเหล่าวิชาการในด้านอุตสาหกรรมก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด

มันถือเป็นเรื่องที่คาดเดายากสำหรับสถาบันวิจัยอื่นๆ ที่อยู่ในประเทศ

และสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละสี่สิบ มันก็จะมีสถาบันวิจัยเพียงไม่กี่แห่งที่มีผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะดังกล่าว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่การกลับมาของผู้ได้รับรางวัลโนเบลอย่างลู่โจว ที่นี่ก็ได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจของเหล่านักวิจัยนับไม่ถ้วน

ไม่ว่านักวิจัยในแต่ละสถาบันจะมีมุมมองต่อผลงานของพวกเขาอย่างไร แต่อย่างน้อย สำหรับคนนอกแล้ว ส่วนใหญ่การได้ทำวิจัยกับผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลถือเป็นสิ่งที่ทรงพลังไม่น้อย

ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งรางวัลโนเบลและห้องทดลองของผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล ทั้งหมดนี้จะกลายเป็นเรื่องปรกติธรรมดาได้หรือไม่?

ไม่ต้องพูดถึงหัวข้อวิจัยระดับรางวัลโนเบลเลยด้วยซ้ำ

แท้จริงแล้ว มันก็คือความจริง

ภายใต้แสงประกายของสถาบันที่อยู่ใกล้หุบเขา ความหวังในการควบคุมนิวเคลียร์ฟิวชันกำลังดึงดูดความสนใจของคนทั้งโลก ไม่เพียงแต่เครื่องจักร STAR เท่านั้นที่สามารถจำลองพลังงานได้ แต่สถาบันการศึกษาขั้นสูงจินหลิงเองก็ยังเป็นสถาบันที่ทั่วทั้งโลกให้ความสนใจอีกด้วย

หากในช่วงต้น ทางสถาบันสามารถดึงดูดนักวิจัยที่ไม่มีห้องทดลองเป็นของตัวเองได้ เหล่านักวิชาการทั้งหลายไม่ว่าจะโด่งดังหรือไม่โด่งดังก็จะรู้สึกสนใจในสถาบันแห่งนี้เป็นแน่

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ากว่าสี่สิบล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังเป็นโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของชาติอีกด้วย ทว่า ภูมิหลังในส่วนนี้ยังคงห่างไกลจากการเทียบเคียงกับสถาบันวิจัยภายในประเทศอีกมาก

แน่นอน เรื่องราวทั้งหมดนี้คงจะฟังดูน่าสนใจไม่น้อย อีกทั้ง ความสำเร็จที่กำลังจะมาถึงก็ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด มันคงไม่ต่างอะไรกับการได้อยู่บนสรวงสวรรค์

ทั้งนี้ สถาบันแห่งนี้ก็ไม่ได้มีระบบราชการหรือเอกสารที่เป็นตัวบ่งชี้ในการประเมินค่า… สิ่งเหล่านั้นถือได้ว่าเป็นคุณสมบัติหลักของสถาบันวิจัยอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ เหล่านักวิจัยที่ทำวิจัยที่นี่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการวิจัยของตนเองเท่านั้น

ถึงอย่างไร ความกดดันในการทำงานของเหล่าวิจัยที่นี่นั้นมีมากกว่าสถาบันวิจัยอื่น

ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเหล่านักวิจัยไม่มีการพัฒนาตัวเอง มันก็คงจะเป็นเรื่องยากหากพวกเขาต้องการที่จะตามลู่โจวให้ทัน

ในตอนนี้ นักวิชาการโฮวจินลี่ ก็ต้องประเมินความสามารถของตนเองให้ได้

เขาต้องใช้โอกาสทั้งหมดที่มี

และนอกเหนือจากนี้ การแข่งขันของที่นี่ก็ดุเดือดไม่แพ้กัน

การทำงานทั้งวันทั้งคืนถือเป็นเรื่องธรรมดา เหล่านักวิจัยส่วนใหญ่จะใช้เวลาส่วนมากอยู่ในห้องทดลองเท่านั้น

ส่วนสถาบันคณิตศาสตร์และฟิสิกส์…

นักวิชาการโฮวจินลี่ ยังคงไม่เคยไปที่นั่น มันไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมกับเขาเท่าไหร่

แน่นอน โฮวจินลี่ เองก็รู้สึกพอใจที่ได้ทำงานที่นี่แล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพแวดล้อมการวิจัยหรือเงินเดือน ทั้งหมดก็ล้วนอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศจีน

และถ้าพูดถึงเพื่อนร่วมงาน มันก็คงจะเป็นอะไรที่น่าเบื่อไม่น้อย

ถ้าคุณได้ลองกระโดดเข้าไปยังโลกแห่งวิชาการแล้ว คุณก็ต้องไปให้สุด

ยิ่งไปกว่านั้น ในการทำวิจัย เหล่านักวิจัยก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของตนเองอีกด้วย

นอกจากนี้ เรื่องเงินก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าหยิบยกขึ้นมาพูดเท่าไหร่นัก

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นักวิชาการโฮวจินลี่ ก็มักจะปลอบใจตัวเองเสมอ

เมื่อใดก็ตามที่เหล่านักวิจัยสามารถสร้างผลงานใหม่ๆ ได้ สถานการณ์ของพวกเขาก็จะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ถึงอย่างไร โลกแห่งอุดมคตินั้นมักจะสวยงามอยู่เสมอ แต่ความจริงนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

ผ่านไปครึ่งปีแล้ว ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย

แม้ว่าจะมีการค้นพบที่น่าสนใจมากมาย แต่มันก็ยังห่างไกลจากความโดดเด่น

จนถึงตอนนี้ เขาเองก็ทำได้แค่สำรวจวิธีการสังเคราะห์วัสดุต่างๆ อยู่ในห้องปฏิบัติการต่อไป

ถ้าเขาไปทำงานอยู่ที่สถาบันวิจัยอื่น ตอนนี้ เขาก็คงรู้สึกกังวลแล้วว่าตัวเองจะผ่านการประเมินนักวิชาการในช่วงปลายปีไปได้อย่างไร

แต่โชคดีที่ศาสตราจารย์หลู่ไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดในเรื่องของเอกสารขนาดนั้น ตราบเท่าที่เขายังคงเขียนรายงานการทดลองประจำเดือนส่ง เขาก็ยังเป็นนักวิชาการต่อไปได้

อย่างน้อย เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการทดลองที่ถูกยกเลิกไป

“นี่คือข้อมูลที่นายต้องการ รูปเอคือการเลี้ยวเบนของรังสีเอกซ์ ส่วนรูปบีคือการทดลองอิเล็กตรอนแบบทรานสมิสชัน ยังไงก็เถอะ ฉันได้เตรียมแผนภาพจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแล้วก็จากเครื่องเอกซเรย์ดิฟแฟรกโตมิเตอร์เอาไว้ให้นายแล้ว”

โฮวจินลี่ พลันหยิบภาพเหล่านั้นขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง

ยูจุนดาพลันยืนกอดอกอยู่ข้างโต๊ะทดลองและถอนหายใจออกมา “มันไม่ใช่แค่กากคาร์บอน นายยังต้องศึกษาเพิ่มอีก”

ดูเหมือนว่าการเสียเวลาไปครึ่งปีจะทำให้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

เขาพลันรู้สึกเสียใจอยู่บ้างกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

“แต่ว่ากากคาร์บอน…”

“งั้นนายมีแนวคิดอะไรที่มันดีกว่านี้ไหมล่ะ?” ยูจุนดาพลันยักไหล่ “ฉันแค่รู้สึกว่าตอนนี้พวกเรากำลังเสียเวลาเปล่า”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นจากเพื่อนของตนเอง โฮวจินลี่ ก็เงียบไปชั่วครู่

ไม่ใช่ว่าไม่อยากเถียง แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา

การทดลองนี้ไม่ช่วยอะไรเลย

ไม่ว่าจะกระจายงานไปให้คนอื่นจัดการหรือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

โฮวจินลี่ พลันถอนหายใจและมองดูข้อมูลบนมือ เขาเริ่มรู้สึกท้อใจกับการเขียนรายงานการทดลองในครั้งต่อไปแล้ว

ข้อมูลที่อยู่ตรงหน้านี้สามารถเอาไปใช้ในการวิจัยเกี่ยวกับนาโนคาร์บอนได้

แม้ว่าโดยปกติแล้วมันจะถูกเอาไปใช้ในโรงงานผลิตลูกบอลก็เถอะ

มันไม่ใช่งานวิจัยที่ทำให้เขารู้สึกสนใจเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่า…

โฮวจินลี่ กล่าวคำพูดออกมาระหว่างที่กำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง

“งั้นเราลองใช้เซรามิกส์แทนไหมล่ะ?”

ยูจุนดาดูจะตะลึงไปเล็กน้อย

“ฉันว่าไม่”

จากนั้น ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนและแปลกไป

“นายคงไม่คิดว่า…”

โฮวจินลี่ พยักหน้า

“ลองดูก็ไม่เสียหาย เราเสียเวลาไปตั้งครึ่งปีแล้วนะ”

ทันทีที่พูดเช่นนั้นออกมา ท่าทีของเขาก็จริงจังมากขึ้น

ในตอนนี้ ทั้งคู่ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องเวลาอีกต่อไปแล้ว

…………………………………………

Scholar’s Advanced Technological System

Scholar’s Advanced Technological System

The Overachiever's Black Tech System, 学霸的黑科技系统
Score 6.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Scholar’s Advanced Technological Systemหลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล “ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?” “ไม่ได้” “เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?” “ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset