Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 879 ฉบับพิเศษ

ไม่มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นในช่วงคริสต์มาส สิ่งเดียวที่ทำให้ลู่โจวมีความสุขนอกจากเตาผิงอันใหม่คืออีเมลตอบกลับจากวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปี

ในอีเมลตอบกลับนั้น ศาสตราจารย์ซาห์น บรรณาธิการใหญ่ของวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีบอกเขาอย่างสุภาพว่าธีสิสทั้งสองฉบับที่เขาส่งไป อันได้แก่การพิสูจน์สมมุติฐานเสมือนของรีมันน์และวิธีการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกได้ถูกตีพิมพ์เรียบร้อยแล้ว

เป็นไปตามที่เขาวางแผนไว้ในตอนแรก ธีสิสทั้งสองฉบับซึ่งมีความยาวรวมทั้งหมด 51 หน้า จะถูกตีพิมพ์ในวารสารฉบับพิเศษ

ในเมื่อศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์เปลี่ยนใจ และธีสิสทั้งสองฉบับก็ได้รับการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการแล้ว arXiv ฉบับพิมพ์ล่วงหน้าจึงเริ่มมีแต่เรื่องทฤษฎีจำนวนเชิงวิเคราะห์และการวิจัยเชิงวิเคราะห์ที่ซับซ้อนเต็มไปหมด

ทุกคนอยากให้ธีสิสของตัวเองได้รับการตรวจทานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

พวกเขาอยากตีพิมพ์ธีสิสของพวกเขาก่อนที่จะมีใครคิดผลลัพธ์ที่ดีกว่าในงานของตัวเองขึ้นมาได้

เพราะเมื่อมีบทสรุปที่มีน้ำหนักมากปรากฏออกมาถูกพิชญพิจารณ์และตีพิมพ์ บทสรุปที่มีน้ำหนักน้อยกว่าก็จะไม่สามารถนำไปตีพิมพ์ได้อีกต่อไป

ดังนั้นแล้วเพื่อที่จะได้เป็นคนแรกที่ได้ตีพิมพ์ นักศึกษาปริญญาเอกและนักวิชาการจำนวนมากจึงส่งธีสิสของพวกเขาไปยังวารสารที่ค่อนข้างห่วย ในทางกลับกัน ทางสำนักพิมพ์ก็เพิ่มทางเลือก ‘การตรวจทานที่รวดเร็ว’ มาให้ ซึ่งหมายความว่าเงินที่ใช้จ่ายในการตรวจทานธีสิสก็จะมากขึ้นไปด้วย

ด้วยเหตุนี้วารสารเหล่านี้จึงมักจะถูกเว็บไซต์แมทโอเวอร์โฟลวเหยียด คนที่มีชื่อเสียงในวงการคณิตศาสตร์บางคนถึงกับออกมาพูดในที่สาธารณะเลยว่า วารสารพวกนี้ไม่มีคุณภาพใดๆ ทั้งสิ้น

ในขณะที่คนครึ่งวงการคณิตศาสตร์กำลังยุ่งอยู่กับการส่งธีสิสไปตีพิมพ์ มหาวิทยาลัยจินหลิงก็ได้แขวนป้ายสีแดงขนาดใหญ่ไว้ที่หน้าทางเข้า เป็นป้ายที่มีไว้ฉลองการตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีฉบับพิเศษของศาสตราจารย์ลู่ และยังฉลองให้การที่ศาสตราจารย์ลู่แก้ปริศนาระดับโลกอีกข้อได้ด้วย

ในตอนนี้เมื่อสมมุติฐานเสมือนของรีมันน์ได้ถูกแก้แล้ว ค่าของเอปซีลอนก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ด้วย

ผู้คนต่างสงสัยว่าวงการคณิตศาสตร์ต้องใช้เวลาเท่าไรในการแก้สมมุติฐานของรีมันน์?

พวกเขาเริ่มเดากันว่ามันคงจะแก้ได้ในช่วงชีวิตของพวกเขา

ณ ภาคคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยจินหลิง

ออฟฟิศที่สุดทางเดิน

หลังจากเคาะสามครั้งแล้ว คณบดีฉินก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในออฟฟิศ

“ลู่โจว ขอแสดงความยินดีด้วยนะ! ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ว่ามีคนที่สามารถตีพิมพ์ธีสิสได้ถึงสองฉบับในวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีฉบับพิเศษน่ะ! ผมเกรงว่าคุณจะเป็นศาสตราจารย์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับเกียรตินี้”

ลู่โจวไม่ได้ตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย

ได้ตีพิมพ์ธีสิสสองฉบับในฉบับพิเศษแล้วมันวิเศษอะไรขนาดนั้น…

ไม่เห็นมีอะไรน่าภูมิใจเลย

พอลู่โจวเห็นคณบดีฉินนั่งลงโซฟา เขาก็วางปากกาในมือลงแล้วถอนหายใจ เขามองไปทางคณบดีฉินแล้วพูดว่า “ขอบคุณครับ…ว่าแต่ พวกเราคุยเรื่องอื่นกันได้ไหม? เรื่องป้ายของผมที่หน้ามหาวิทยาลัยน่ะครับ ถ้าคุณไม่รู้จะเอาอะไรไปแขวนไว้ตรงนั้นแล้ว ผมเอาพื้นที่ตรงนั้นไปขายเป็นพื้นที่โฆษณาได้ไหม?”

คณบดีฉินแทบจะพ่นน้ำชาออกมาจากปาก

เขากระแอมแล้ววางถ้วยชาลง จากนั้นก็ใช้ตาอันเบิกกว้างของเขาจ้องไปทางลู่โจว

“ไม่เอาน่า! แค่นี้คุณก็รวยจะตายแล้วเนี่ย!”

รายได้จากศาสตราจารย์ทุกคนในมหาวิทยาลัยจินหลิงรวมกันยังไม่เท่ารายได้ของลู่โจวคนเดียวเลย

ไม่ต้องนับทุกอย่างหรอก แค่หุ้นจากอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เพียงอย่างเดียวก็เพิ่มขึ้นสิบเท่าในตอนที่ลู่โจวซื้อมันไปแล้ว

ยังไม่นับว่าเมื่อคนคนหนึ่งอยู่ในระดับเดียวกับลู่โจวแล้ว เงินก็เป็นแค่ตัวเลข

ลู่โจวแสดงท่าทียอมแพ้แล้วบอกว่า “ผมก็แค่พูดเฉยๆ คิดว่าพวกเราควรจะอยู่เงียบๆ มากกว่านี้ ธีสิสในวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปี…มันไม่จำเป็นต้องเอาไปป่าวประกาศขนาดนี้นะครับ”

คณบดีฉินส่ายหัวแล้วบอกว่า “ทำไมคุณพูดอย่างนั้นล่ะ วิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีเป็นวารสารคณิตศาสตร์ 1 ใน 4 ที่ใหญ่ที่สุดเลยนะ มาตรฐานเขาเข้มกว่าไซเอินซ์กับเนเจอร์เสียอีก ลืมเรื่องฉบับพิเศษไปได้เลย ถ้าคณะคณิตศาสตร์ของเราได้ตีพิมพ์ธีสิสสักฉบับในวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปี ผมก็เอาไปอวดแล้ว”

คณบดีฉินยิ้มแล้วพูดต่อ “ไม่ว่าอย่างไรคุณก็เป็นแบบอย่างให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยจินหลิงจำนวนนับไม่ถ้วนนะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญมาก! ถ้าคุณอายก็แกล้งทำเป็นเหมือนมันไม่มีป้ายตรงนั้นแล้วกัน มันไม่สร้างปัญหาให้คุณอยู่แล้ว”

ลู่โจวส่ายหัวแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ

เขาอายจริงๆ อายจนแทบจะอยากแทรกแผ่นดินหนีด้วยซ้ำ

คณบดีฉินอาจจะคิดว่าลู่โจวไม่มีปัญหากับการที่มีหน้าตัวเองติดไปทั่วมหาวิทยาลัย จึงทำให้ตัวคณบดีฉินชอบโอ้อวดกิตติศัพท์ของลู่โจวเล็กๆ เสียเหลือเกิน

คณบดีฉินเอ่ย “จะว่าไปแล้วงานวิจัยของคุณเรื่องสมมุติฐานรีมันน์ไปถึงไหนแล้วล่ะ? ถ้าบอกไม่ได้ ก็ทำเป็นเหมือนผมไม่ได้ถามแล้วกัน”

“ผมไม่มีอะไรให้ปิดบังนะ ก็แค่ยังให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้เฉยๆ น่ะครับ” ลู่โจวคิดอยู่พักหนึ่งก็พูดต่อ “ที่พอบอกได้ก็คือ มันน่าจะแก้ได้ในสามปีครับ”

เวลาสามปียังนานไปหน่อยเลย

ลู่โจวรู้สึกว่าตัวเองน่าจะแก้ได้ในเวลาสักหนึ่งปีไม่ก็สอง

แต่ถ้าพูดอย่างนั้นก็จะฟังดูเหมือนเขาอวดตัวเองมากไป เขาก็เลยพูดเผื่อๆ ว่าเป็นสามปีแทน

แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การอ้างว่าจะแก้สมมุติฐานรีมันน์ได้ภายในสามปี ก็ยังถือเป็นการโอ้อวดอยู่ดี…

“ภายในสามปีสินะ เข้าใจแล้วล่ะ ผมหวังว่าตอนนั้นผมจะยังอยู่นะ” คณบดีฉินพูดติดตลก จากนั้นเขาก็เปลี่ยนประเด็นที่คุยในทันที “จะว่าไปแล้ว คุณได้รับบัตรเชิญไป ICM ปีหน้าใช่ไหม? คุณจะไปบรรยายที่นั่นไหมล่ะ?”

“ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลยครับ” ลู่โจวตอบ “ถ้าผมไป ก็อาจจะเป็นการรายงานเรื่องสมมุติฐานของรีมันน์”

รายงาน ICM ยาว 45 ถึง 60 นาที ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับธีสิสก็ได้ มันอาจจะเป็นการนำเสนอว่านักวิชาการคนนั้นทำอะไรอยู่ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา

ไม่ว่านักวิชาการคนนั้นจะได้ตีพิมพ์ธีสิสหรือไม่ ทุกคนก็สามารถพูดอะไรก็ได้ในการรายงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมวงการได้

ผู้ได้รับเหรียญฟิลด์จะได้รับเชิญทุกครั้ง และนักวิชาการบางคนที่ได้สร้างสรรค์ผลงานในระดับดีเยี่ยมในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาก็จะได้รับเชิญให้ไปรายงานด้วย

หากพูดง่ายๆ แล้วก็คือมันเป็นการประชุมที่สบายๆ ไม่มีอะไรมาก

เป็นการประชุมที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักวิชาการที่โฟกัสในการเล่นประเด็นใหญ่ หรือพวกคนที่ไม่ค่อยตีพิมพ์ธีสิสบ่อยนัก

แต่ลู่โจวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าเขาจะไปหรือไม่ไปดี

เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรในเวลาอีกครึ่งปีที่จะถึงนี้

คณบดีฉินยิ้มแล้วถามว่า “จะว่าไปแล้วในงาน ICM ที่มหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จะมีการโหวตสถานที่จัดงาน ICM ครั้งถัดไปด้วยใช่ไหมล่ะ?”

ลู่โจวพูดว่า “ก็ใช่นะครับ…ทำไมเหรอ?”

“เปล่าหรอก แค่ถามเฉยๆ …” คณบดีฉินยิ้มแล้วพูดต่อ “คุณคิดอย่างไรเรื่องการรายงานที่พวกเราจัดขึ้นครั้งที่แล้วที่จินหลิง? เพื่อนของคุณได้ให้ผลตอบรับอะไรมาบ้างไหม?”

“ผลตอบรับก็ดีมากเลยนะครับ…” ลู่โจวปิดสมุดบันทึกของตัวเองแล้วเดินออกจากกระดาษร่างแบบบนโต๊ะ เขาถอนหายใจแล้วบอกกับคณบดีฉินว่า “มีอะไรก็บอกผมตรงๆ เลยเถอะ”

“ฮ่าฮ่า ก็ว่าแล้วว่าคุณต้องสังเกต” คณบดีฉินเกาหัวแล้วพูดว่า “เรื่องมันเป็นอย่างนี้ สภาเมืองกับผมได้คุยกันแล้ว พวกเราคิดว่า คณิตศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญมากกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ถึงแม้จะเป็นศาสตร์ในวิทยาศาสตร์ที่แสนจะเบสิก แต่มันก็ไม่ควรถูกละเลย ในการที่จะสร้างมหาวิทยาลัย…”

ลู่โจว “อะแฮ่ม!”

คณบดีฉินเลิกพูดอ้อมค้อมแล้วเข้าตรงประเด็น “คุณจะแบบ ช่วยถาม ว่า ICM ครั้งหน้าจะจัดในจินหลิงให้หน่อยได้ไหม?”

มหาวิทยาลัยจินหลิงไม่ได้ดีเท่ามหาวิทยาลัยออโรร่าหรือมหาวิทยาลัยเหยียนเลย ถึงแม้การกลับมาของลู่โจวและการสร้างสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงจะช่วยประเด็นนี้ได้ พวกเขาก็ยังไล่ตามทันแค่มหาวิทยาลัยไคเท่านั้น

ถึงแม้จะมีศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยจินหลิงหลายคนที่มีคอนเนกชันกับวงการคณิตศาสตร์ของต่างประเทศ แต่คนที่มีอิทธิพลมากพอที่จะส่งผลกับการประชุม ICM ได้ก็มีแค่ตัวลู่โจวคนเดียวเท่านั้น

หลังจากที่การรายงานครั้งที่แล้วเสร็จสิ้นไป ลู่โจวก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจะเริ่มขึ้น แต่เขาก็ไม่คิดว่าคณบดีฉินจะดำเนินการตามแผนจริงๆ

“นั่นยากนิดหน่อยนะครับ ผมเองก็ไม่ใช่สมาชิกของพวกบอร์ด ICM ด้วย แถมไม่ได้เป็นเพื่อนกับพวกเขาอีกต่างหาก…”

คณบดีฉินตบเข่าตัวเอง เขาถอนหายใจพลางพูดว่า “เฮ้อ ผมก็จะเกษียณในอีกไม่กี่ปีนี้แล้ว ผมก็แค่อยากช่วยมหาวิทยาลัยที่ผมทำงานมาตลอดหลายปีนี้ ในอีกหลายสิบปีข้างหน้าก็จะไม่มีใครจำผมได้อีกแล้ว แต่พวกเขาจะจำงานประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติปี 2026 ที่จัดที่จินหลิงได้ แค่นั้นแหละที่ผมอยากได้ คุณช่วยผมได้ไหม? อย่างน้อยก็ลองสักหน่อย…”

“ถ้าคุณต้องการแค่นั้นแล้วล่ะก็…” ลู่โจวยิ้มแล้วถอนหายใจไปพร้อมๆ กัน เขาตอบว่า “ผมสัญญาอะไรไม่ได้หรอกนะ ผมจะ…ลองช่วยดูแล้วกันนะครับ”

คณบดีฉินรู้สึกดีใจมาก เขาลุกขึ้นยืนมาจับมือกับลู่โจว

“ขอบคุณมากเลยนะ!”

……………………………

Scholar’s Advanced Technological System

Scholar’s Advanced Technological System

The Overachiever's Black Tech System, 学霸的黑科技系统
Score 6.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Scholar’s Advanced Technological Systemหลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล “ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?” “ไม่ได้” “เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?” “ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset