Sevens – ตอนที่ 16 เต็มพิกัด

เต็มพิกัด

 

ด้านหน้าของเหมืองร้าง มีซากปรักหักพังของหมู่บ้านที่น่าจะร้างมานานไม่แพ้กันอยู่

 

ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่ก็จริง แต่กลับปรากฎร่องรอยว่ามีคนอยู่มาก่อน

 

“ที่นี่คือรังโจรสินะ”

 

โนแวมที่อยู่ข้างผมยกไม้เท้าขึ้นมา และระวังรอบๆ

 

อาจจะเพราะจำนวนคนของเรามีมากกว่าโจรหลายเท่า ทำให้กลุ่มนักผจญภัยหละหลวมพอสมควร

 

“ท่านไรเอล พวกเขาดูไม่ตั้งใจกันเลยนะคะ”

 

“ใช่ มันแย่ แต่ครั้งนี้มันจะเป็นข้อได้เปรียบของเรา”

 

เหล่านักผจญภัยที่ไม่ได้เตรียมตัว

 

มีบางคนเอาแต่หาวไม่หยุด บางคนก็ยิ้มแล้วคุยกันว่าจะเอาเงินรางวัลไปทำอะไรดี

 

พอเห็นแบบนั้น ผมก็กลับมาคิดดูว่าควรจะให้ 2 เหรียญเงินกับพวกเขาจริงๆ เหรอเนี่ย

 

ตอนที่ผมทำงานอย่างหนักยังได้ไม่ถึง 10 เหรียญทองแดงใหญ่ด้วยซ้ำ

 

มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

 

เทียบกับงานธรรมดาพวกนั้น ทำให้ผมเข้าใจเลยว่าเงินรางวัล 2 เหรียญเงินนี่มันพิเศษแค่ไหน

 

แต่ผมต้องแยกเหตุผลออกจากอารมณ์

 

[ถ้าเป็นข้า จะไม่นำไอ้เจ้าพวกนี้ไปต่อสู้ที่ไหนเด็ดขาดเลย…แต่ครั้งนี้ ความเหลวไหลของพวกเขาคือส่วนสำคัญของแผน]

 

พวกโจรจะออกมาตอนไหนกันนะ

 

พวกมันต้องเตรียมดักไว้อยู่แล้วล่ะ

 

กว่าเราจะมาถึงจุดหมายก็ใช้เวลาทั้งวัน และวางแผนจะโจมตีเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นในวันถัดไป

 

ผมมองไปรอบๆ

 

“…โนแวม อย่าอยู่คนเดียวนะ จริงสิ…เรียกคุณอาเรียมาสู้ด้วยกัน หรือไปกับนักผจญภัยหญิงรอบๆ ก็ได้”

 

โนแวมส่ายหน้าให้ผม

 

“ไม่เอาค่ะ ข้าจะอยู่ข้างๆ ท่านไรเอล ข้าช่วยรักษาได้นะคะ”

 

ดูแล้วเธอคงไม่คิดจะอยู่ห่างผม

 

บรรพบุรุษก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน

 

[ไรเอล อย่าห่างเธอ มันจะไม่ดีถ้าเธอถูกจบเป็นตัวประกัน เพราะพวกโจรคงรู้แล้วว่าโนแวมคือคนสำคัญของเจ้า

แล้วก็อย่าไว้ใจคนที่อยู่รอบๆ เป็นอันขาด…]

 

รุ่นที่ห้ากล่าว

 

พวกเรารีบมาที่เหมืองแล้วก็จริง แต่กลับมีไส้ศึกอยู่ด้วยนี่สิ

 

แน่นอนว่าเป็นเหล่าบรรพบุรุษที่รู้ตัว

 

[พวกเขาไม่โง่ และหัวหน้าพวกมันต้องเตรียมรับมือไว้แล้วแน่นอน…เจ้ารู้รึเปล่าว่าพวกข้าต้องเจอปัญหาพวกนี้มากแค่ไหน? ]

 

รุ่นที่ห้าทำเสียงต่ำ

 

บรรพบุรุษของผมทุกคน…ไม่สิ เจ้าเมืองทุกคนเลยต่างหากที่เกลียดโจร

 

พวกมันเป็นภัยของประชาชน และพอโจรออกปล้นดินแดนอื่น ภัยที่คนอื่นได้รับจากพวกมันก็จะมากตามไปด้วย

 

“ท่านไรเอล เตรียมการตามคำสั่งแล้วค่ะ”

 

ผมพยักหน้าให้โนแวม

 

“มาทำตามแผนกันเถอะ ให้ทุกคนพักให้พร้อมสำหรับพรุ่งนี้… อ่า แล้วก็เรียกคุณล็อคเวิดมาด้วยสิ เธอคงไม่พอใจแน่ถ้ามัน ‘จบไปก่อน’ น่ะ”

 

โนแวมพยักหน้า

 

“งั้นก็ไปกันเถอะ”

 

ผมนำโนแวมไปหาคุณล็อคเวิด

 

ตามที่บรรพบุรุษบอกไว้ ผมจะไม่ปล่อยให้โนแวมอยู่คนเดียว

.

.

.

ด้านในเหมือง

 

“หัวหน้า! มาแล้ว! พวกเขากำลังตั้งแคมป์อย่างชิวๆ อยู่”

 

ชาายร่างใหญ่ยิ้มกว้างให้กับรายงานของลูกสมุน

 

เขากำอัญมณีสีแดงแน่นแล้วหยิบขวานข้างกายขึ้นมา

 

มันคือหนึ่งในสินสงครามที่เขาได้มา อาวุธของขุนนาง

 

เขาถือขวานยักษ์ด้วยมือขวา และเช็คอัญมณีที่พันผ้าไว้ในมือซ้ายจนมั่นใจว่ามันจะไม่หลุดมือ

 

“พวกมันมาเสิร์ฟให้ถึงที่ขนาดนี้ พวกเราที่ผ่านสงครามมาหลายครั้ง จะสอนให้พวกมันรู้เองว่าสนามรบของจริงมันเป็นยังไงใช่มั้ย?”

 

เขาพูดด้วรอยยิ้ม โจรคนอื่นพอได้ยินก็หยิบอาวุธของตัวเองขึ้นมา

 

ส่วนพวกที่เข้าไปเป็นไส้ศึกของนักผจญภัยก็กลับมารายงานแล้วเช่นกัน

 

รวมแล้ว 27 คน

 

“เอาละโว้ย! พวกราจะบุกออกไปตอนกลางคืนนี่แหละ! ”

 

แต่ลูกน้องคนหนึ่งที่บังเอิญมองลงไปที่พื้นกลับส่งเสียงตกใจออกมาก่อน

 

“ห-หัวหน้า! ”

 

“อะไรวะ!? ”

 

จู่ๆ ควันก็พวยพุ่งเข้ามาในที่ๆ พวกเขาอยู่กัน

.

.

.

[โอ้ ควันพวกนั้นย้อนทะลักออกมาแล้ว]

 

ผมเอาท่อนไม้กิ่งไม้ที่ขนมาด้วยตอนกลางวันมาสุมไฟ

 

ไม้ดิบพวกนี้ยังมีใบไม้ติดอยู่เลย และแน่นอนว่าไม้ดิบมันสร้างควันได้มาก

 

แถมยังทำให้ระคายเคืองตาอีกต่างหาก

 

“โนแวม เวทมนต์ของเธอโอเครึเปล่า? ”

 

“ค่ะ ยังไหวอยู่”

 

ล็อคเวิดที่อยู่ข้างโนแวมเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น

 

“ม-หมายความว่าไงเนี่ย? คุณไม่ได้บอกหรือว่าพวกเราจะบุกกับตอนเช้าน่ะ? ”

 

ผมส่ายหัวไปมา

 

“แบบนั้นมันโจ่งแจ้งไป พวกศัตรูที่รู้ตัวอยู่แล้วก็จะบุกมาก่อนน่ะสิ ไหนจะพวกไส้ศึกที่หายไปแล้ว…”

 

พวกโจรที่ซ่อนอยู่ในเดลลีนถูกพบโดยบรรพบุรุษ…จากรุ่นที่สามเป็นส่วนใหญ่ล่ะ

 

มันเป็นหลักฐานได้อย่างดีว่าพวกมันยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอื่นอยู่อีก

 

พอไปสืบดู ผมก็ตกใจนิดหน่อยเมื่อรู้ตัวคนพวกนั้น แต่…

 

“ไส้ศึก? เจ้าไปรู้มาจากไหนน่ะ!? ถ้ารู้แล้ว ทำไมไม่จับพวกมัน ไม่ก็…”

 

[…ถ้าเจ้าจะจับพวกมันก็ต้องรวบให้หมดทีเดียว ถ้าปล่อยให้เหลือไว้จนเกิดปัญหาก็ต้องมาโกรธตัวเองทีหลังแน่

มันเป็นเหตุผลที่ไรเอลต้องแกล้งโง่ และแจกเงินอย่างไร้ประโยชน์แบบนั้น อ๊ะ นี่ไม่ใช่เวลามาอธิบายแล้ว ไรเอล! ]

 

ผมบอกคุณล็อคเวิดไปว่าไม่มีเวลามาอธิบาย และชักดาบออกมา

 

[เอาล่ะ ข้าช่วยเรื่องสกิลได้ ใช้สกิลของป๊า…รุ่นที่ห้ากับร่วมกับของข้าสิ ไรเอล]

 

พอรุ่นที่หกบอกแบบนั้น ผมก้ใช้สกิล

 

ด้วยการเพิ่มความสามารถของผม 20% ชั่วคราวจาก [เต็มพิกัด] ผมก็สามารถจัดการกับพวกโจรได้แล้ว

 

สกิลของรุ่นที่ห้าคือ [แผนที่]

 

และสกิลของรุ่นที่หกที่เขาบอกให้ผมใช้คู่กันก็คือ [ค้นหา]

 

สกิลแผนที่สามารถทำให้ผมสำรวจพื้นที่รอบๆ ตัวได้

 

มันทำให้ผมเข้าใจโครงสร้างของเหมืองราวกับอยู่บนฝ่ามือ

 

ส่วนสกิลค้นหา…คือสกิลที่ทำให้ผมรู้ตำแหน่งของศัตรูและกับดักได้

 

ทั้งคู่ล้วนเป็นทักษะที่พิเศษ และมีประโยชน์

 

แต่การใช้พวกมันก็สิ้นเปลืองพลังเวทอย่างมหาศาล ทำให้ผมใช้ได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

 

ผมยืนยันสถานการณ์รอบๆ

 

ผมหากับดักในเหมืองไม่พบ และเจอแค่พวกโจรที่วิ่งพล่านไปมา

 

“ตามคาด พวกเขามีทางหนีอยู่…รบกวนซะแล้วสิ คุณส่งข้อความไปหาคุณเซลฟี่ให้ทีได้มั้ย?”

 

 

 

คนที่ผมขอร้องคือนักผจญภัยที่เชี่ยวชาญในการหาเงินจากเป้าหมายที่เป็นมนุษย์…นักล่าค่าหัวล่ะ

 

“ข้อมูลแม่นยำมาก…เจ้ามีสกิลงั้นรึ? ”

 

นักผจญภัยคนนั้นช็อกกับข้อมูลของพวกโจรที่ผมบอก

 

ผมยิ้ม

 

“นั่นสิ ข้าเองก็สงสัยเหมือนกัน”

 

พอเขาได้ยินก็ขอโทษ และจากไปทันที

 

การที่เขาสวมชุดคลุมสีดำ ทำให้เวลาเขาวิ่งจากไปราวกลับจะกลืนไปกับความมืดมิด

 

“เขาไม่ธรรมดาเลย นี่คุณจ้างคนเก่งๆ มาด้วยสินะ? ฉันค่อยโล่งใจหน่อย”

 

“ข้าไม่ได้จ้างหรอก เขาแค่มาช่วยเอง คิดว่านะ”

 

“เอ๋? ”

 

คุณล็อคเวิดไม่เข้าใจ และขณะที่เธอกำลังเหม่อ โนแวมก็ยกคทาขึ้นมาขัดจังหวะเรา และเริ่มร่ายเวทมนต์

 

นักผจญภัยคนอื่นๆ ก็เตรียมอาวุธพร้อมสำหรับรับมือศัตรูที่กำลังมา

 

“เร็วแฮะ…พวกมันหกคนกำลังมาทางข้างหน้าแล้ว”

 

คนรอบๆ ประหลาดใจกับสิ่งที่ผมบอก แต่ก็เปลี่ยนการแสดงออกเป็นจริงจังอย่างรวดเร็ว

 

[เจ้าใช้คล่องไม่เบา ถึงจะรั้งไว้นานไม่ได้ แต่ก็เปิดเฉพาะตอนที่จำเป็นเพื่อลดการใช้พลังเวทแทน

ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าคือคนที่เพิ่งจะเรียนไปเมื่อครู่]

 

รุ่นที่ห้าชมผม

 

เพราะการใช้สกิลเต็มพิกัดทำให้ผมผ่านเงื่อนไขในการใช้สกิลของบรรพบุรุษคนอื่น

 

ยกเว้นสกิลของรุ่นที่สาม และรุ่นที่เจ็ดที่ยังใช่ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นสกิลของบรรพบุรุษคนอื่นในช่วงระยะสั้น ผมก็ใช้ได้ทั้งหมด

 

“รุ่นที่หนึ่งสุดยอด”

 

พอผมกระซิบก็ได้ยินเสียงของรุ่นที่หนึ่งตอบกลับมา

 

[ในที่จุดเอ็งก็เข้าใจสักที ไอ้หนู! ]

 

[เฮ้ย เจ้าสัญญาไว้ว่าจะยอมเงียบไม่ใช่หรือไง? ไรเอล…มองไปข้างหน้า]

 

ขณะรุ่นที่ห้ากลับมารับช่วงต่อ ผมก็ตั้งดาบ

 

คุณล็อคเวิดที่หายเหม่อแล้วก็หยิบอาวุธขึ้นมาเช่นกัน ซึ่งอาวุธของเธอก็คือหอกที่ไม่เหมาะกับผู้หญิงเอาซะเลย

 

“กระสุนลม! ”

 

โนแวมปล่อยเวทมนต์ไปทางโจรที่โผล่ออกมาจากควันจนกระเด็นไป

 

เธอสะกัดพวกที่พุ่งออกมา

 

ส่วนผมก็จับโจรคนนึงที่เล็งมาทางเราได้ด้วย

 

“ก-แก เจ้าสารเลว! ”

 

โจรที่พุ่งมาทางผมตะโกนพร้อมดาบสั้นในมือ มันเป็นมีดโค้งที่ใบค่อนข้างกว้าง และมีคมด้านเดียว

 

ถ้าผมรับมัน ดาบบางๆ ของผมต้องหักแหง

 

‘ถ้า’ รับมันน่ะนะ…

 

“ช้ามาก”

 

ผมฟันไปที่ใบดาบของเขาจากด้านข้าง และเตะเข้าที่ท้อง ครั้งนี้ผมยังฆ่าเขาไม่ได้

 

เพราะผมได้สัญญาเอาไว้

 

ผมมองไปรอบๆ พวกโจรถูกปราบลงอย่างง่ายดาย

 

หนึ่งในโจรที่ปลอมตัวเป็นนักผจญภัยมองคนที่จับเขาไว้

 

“ก-แกเป็นใครกัน! ข้าไม่เคยเห็นเจ้าอยู่ในขบวนที่มาเลยนี่! ”

 

โจรยังคงโดนมัดต่อไปเงียบๆ  

 

พอมัดเสร็จ เขาก็ทำให้โจรเงียบด้วยการต่อยไปหนึ่งหมัดถ้วน

 

“พวกเขามีฝีมือ และเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ เราคิดถูกที่ฝากคุณเซลฟี่นะ”

 

“ใช่ค่ะ ท่านไรเอล”

 

พอเราจัดการกับพวกที่ออกมาเสร็จ ผมก็ใช้สกิลอีกครั้ง  

สำหรับผมในตอนนี้การใช้สกิลในเวลาที่ต้องการ จะดีกว่าการใช้มันทีเดียวในระยะเวลาสั้นๆ

 

“…เต็มพิกัด”

 

ผมยืนยันรอบๆ อีกครั้ง

 

บนแผนที่ของสกิล กลุ่มโจรที่เคลื่อนที่อยุ่ในเหมืองนั้น….

 

พวกเขายังมีทางหนีนอกจากทางเข้าออกหลักอยู่ด้วย พวกเขาหันหลังกลับและวิ่งไปทางออกพวกนั้น

 

แต่ที่นั่น ผมส่งพวกคุณเซลฟี่ไปดักไว้แล้ว

 

ผมใช้สกิลเช็คว่าสิ่งต่างๆ เป็นไปตามแผนรึเปล่า แต่เสียงของรุ่นที่ห้าก็ดังออกมาจากอัญมณี

 

[อย่าประมาทจงกว่าจะจบ หากเริ่มหย่อนยานเมื่อไหร่ปัญหาก็จะตามมา เจ้าจะผ่อนคลายได้ก็ต่อเมื่อกลับไปทมี่เมืองแล้วเท่านั้นนะ]

 

ผมกลืนน้ำลายและตั้งสติ

 

[ใช่แล้ว จะใช้สกิลอย่างประหยัดก็ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าต้องเห็นให้ครอบคลุมมากที่สุด

ที่จริงเจ้าต้องคอยดูพวกมันไว้ตลอดเวลา แต่มันจะสูญเปล่าถ้าเจ้าล้มลงไปก่อนล่ะนะ]

 

ผมแตะอัญมณีเพื่อบอกว่าผมเข้าใจแล้ว

 

หลังจากที่รู้ว่าทางเข้าออกถูกนักผจญภัยล้อมไว้ การเคลื่อนไหวของพวกโจรก็ไม่เป็นทิศเป็นทาง

 

แต่พอเป็นหนึ่งสัญญาณชีวิตในนั้นหายไป พวกมันก็กลับมาเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว

 

[เชือดไก่ให้ลิงดูสินะ ลำบากแล้ว ศัตรูตอนนี้คงถูกความกลัวตายเข้าครอบงำจนขึ้นสมอง  

ไรเอล จากนี้ถ้าจับพวกมันไม่ได้ก็ฆ่าทิ้งทันทีซะ พวกมันเป็นศัตรูที่ประมาทไม่ได้]

 

ผมแตะอัญมณีอีกครั้ง

 

รุ่นที่ห้ามีประสบการณ์มากมายในการสู้กับศัตรูแบบนี้

 

เขาพาตระกูลไต่เต้าขึ้นเป็นวิสเคานต์ และขึ้นนำหัวเมืองต่างๆ ในอาณาเขต

 

เขาต้องตอบรับคำขอ และส่งทหารไปนับครั้งไม่ถ้วน

 

และด้วยความที่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเมืองลูกต่างๆ จึงไม่ชัดเจน และโดนดูแคลน

…มันเป็นยุคที่ศัตรูมากมายเข้าท้าทายตระกูลวอลท์

 

แน่นอนว่าเหตุผลมาจากความอิจฉาของขุนนางคนอื่นต่อตำแหน่งของรุ่นที่ห้า

 

ทำให้พวกเขาสร้างเรื่องร้ายมากมายบนดินแดนของตระกูลวอลท์

 

และคนที่กำราบพวกเขาทั้งหมดลงได้ ก็คือรุ่นที่ห้า

 

[น่าเสียดาย ถ้าไม่ต้องใช้เหมืองนี้แล้ว มันจะง่ายกว่าถ้าเราพังทิ้งให้ถล่มใส่พวกมัน หรือไม่ก็ปิดทางเข้าออกไปเลย]

 

ผมเมินคำพูดอันตรายของรุ่นที่ห้าไป และสัมผัสได้ถึงพวกโจรบางส่วนท่มุ่งมาทางนี้

 

ที่พวกเขาไม่ไปหาคุณเซลฟี่แล้วคงเพราะเพิ่งแพ้จากทางนั้นมานั่นแหละ

 

จากสัญญาณของพวกเขาที่หายไปห้าจุด

 

ผมปลดสกิล และรอการมาถึงของพวกเขา นักผจญภัยคนอื่นที่เห็นผมเตรียมตัวก็ยกอาวุธขึ้นมาด้วยเช่นกัน

 

ปฎิกิริยานี้…พวกเขาคงรู้ว่าผมสามารถสัมผัสถึงศัตรูที่จะเข้ามาได้ และเชื่อว่ามันคือสกิลของผม

 

[เหมือนเจ้าจะถูกประเมินไว้สูงนะ เอาเถอะ ทักษะของพวกเราก็เป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนอิจฉาอยู่แล้ว ใช้พวกมันให้ดีล่ะ ไรเอล]

 

‘แน่นอนครับ’

 

ผมตอบในใจ และพวกโจรก็พุ่งแหวกออกมาจากควันด้วยสายตาที่สิ้นหวัง

 

ในหมู่พวกมัน มีชายร่างยักษ์ที่ถือขวานอยู่ด้วย

 

[นั่นต้องเป็นหัวหน้ากองโจรแน่นอน…ไรเอล]

 

ผมมุ่งไปทางเขาตามคำของรุ่นที่ห้า โดยที่โจรที่สิ้นหวังคนอื่นก็เข้าประจันหน้ากับนักผจญภัยเช่นกัน

 

พวกเขาคงยังมาช่วยผมไม่ได้ล่ะ

 

“ท่านไรเอลคะ! ”

 

โนแวมยกคทาขึ้นมาร่ายเวท

 

แต่ผมห้ามเธอไว้ก่อน

 

“ข้าจัดการเอง! ”

 

ชายร่างใหญ่ขมวดคิ้วให้ผม และยกขวานในมือขึ้น

 

ขวานที่ปกติแล้วต้องถือสองมือ กลับถูกเขายกขึ้นอย่างง่ายดายด้วยมือเพียงข้างเดียว

 

ถ้าไม่นับความแข็งแรงนั้น แค่การทักษะการควงอาวุธของเขาก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีได้แล้ว

 

“ไอ้เด็กบ้า อย่ามาอวดดีนะโว้ย! ”

 

ผมกระโดดถอยหลังเพื่อหลบขวานที่เหวี่ยงมาในมุมกว้าง และล่อเขาเข้ามาระหว่างต้นไม้ที่ทำให้เคลื่อนไหวลำบากขึ้น

 

แต่…

 

“อ่อนนัก! ข้ามีเจ้านี่มาด้วย! ”

 

ขณะยื่นหมัดซ้ายมาที่ผม แสงสีแดงลอดออกมาระหว่างนิ้วของเขา

 

“อัญมณี? ”

 

ชายร่างใหญ่ตอบกลับมาอย่างภาคภูมิ

 

“ถูกต้อง! ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นของชั้นยอดที่มีหลายสกิลด้วย! เจ้าจะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ! แล้วก็…”

 

ขวานที่ผมหลบได้ฟันต่อไปที่ต้นไม้ด้านหลัง ปกติแล้วมันควรจะติดอยู่ตรงนั้น แต่ต้นไม้กลับถูกฝ่าเป็นสองซีกโดยแรงฟันไม่ชะลอลงเลย

 

เขาฝ่าต้นไม้ได้ด้วยการฟันฉับเดียว

 

“มันเพิ่มพลังอาวุธให้ข้า! แถมอัญมณียังสอนวิธีใช้สกิลด้วย! มันเยี่ยมที่สุด! ”

 

การเพิ่มพลังอาวุธนั่นไม่ได้ช่วยให้เขาถือขวานหนักๆ ด้วยมือเดียวได้

 

เขาอาจจะมีสกิลอื่นที่เป็นตัวปัญหาอีก

 

“ไหนจะเพิ่มพลังให้กล้ามเนื้อของข้า! แล้วก็จากระยะนี้…”

 

[เฮ้ย! โดดไปด้านข้าง! ]

 

ถึงจะไม่ได้อยู่ในวงสวิงขวานของหัวหน้าโจร แต่ผมก็กระโดดไปตามที่รุ่นที่หนึ่งบอกทันที

 

คลื่นกระแทกออกมาจากขวานที่เขาฟันลงไป ต้นไม้หลายต้นแหวกเป็นทางให้กับพลังนั้น

 

“ชิ เจ้าเซ้นส์ดีไม่เลว มันเป็นสกิลที่ปล่อยคลื่นกระแทกได้ แต่…อันต่อไปนี่สิที่โคตรเจ๋ง”

 

ชายร่างใหญ่ฉีกยิ้ม แล้วเขาก็หายไปจากทัศนวิสัยของผมทันที

 

ผมได้ยินเสียงจากด้านบนเลยกระโดดหลบ แต่แรงกระแทกที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผมเสียการทรงตัวและลงไปกลิ้งกับพื้น

 

ก่อนจะล้มลงผมเห็นพื้นตรงที่ผมเคยอยู่ถูกคว้านออกไป ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์คนนึงจะทำได้เลย

 

ผมใช้แรงเฉื่อยเพื่อผลักให้ตัวเองพลิกกลับมายืนอีกครั้ง แต่หัวหน้าโจรก็เข้ามาประชิดซะแล้ว

 

“สกิลสุดเถื่อนอันต่อไปเรียกว่า เชือด มันจะเพิ่มพลังและความเร็วให้กับข้าถึง 5 เท่า! ”

 

ขวานของเขาฟันลงมาที่ผม

 

การโจมตีที่เสริมด้วยสกิลพุ่งมาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง

 

ผมได้ยินเสียงจากรอบข้าง

 

“ท่านไรเอล! ”

 

“ไรเอล! ”

 

โนแวม และคุณล็อคเวิดตะโกนเรียกผม

 

ในเสี้ยววินาทีนั้น ใบหน้าของรุ่นที่หนึ่งก็ผุดขึ้นมา ภาพที่เขากอดอกอยู่บนเก้าอี้ในห้องประชุม ทั้งดูป่าเถื่อนและน่าเกรงขามไปพร้อมๆ กัน

 

รุ่นที่หนึ่งยิ้ม

 

[เจ้ารออะไรอยู่…อัดมันสิฟะ ไรเอล!]

 

 

ติดเกมคับ เกนชินคับ สนุกมากคับ บัย

 

 

Sevens

Sevens

อ่านนิยาย เรื่องSevens เดิมไรเอลเป็นลูกชายคนโตที่ต้องรับช่วงต่อของตระกูล แต่พอเขาอายุได้ 10 ปี พ่อแม่ก็เริ่มไม่สนใจเขา แล้วหันไปเห่อน้องสาวของเขาแทน จนวันนึงในตอนที่เขาอายุครบ 15 ปี น้องสาวของเขาก็ท้าประลองเพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอด และเขาก็ได้พ่ายแพ้ หลังจากที่ฟื้นตัว เขาก็ได้รับสืบทอด พลังone for all- เอ้ย อัญมณีที่มีความทรงจำของบรรพบุรุษทั้ง 7 คน และเริ่มออกผจญภัยไปกับเพื่อนสมัยเด็ก

Comment

Options

not work with dark mode
Reset