Sevens – ตอนที่ 9 นักผจญภัยไม่ควรไปผจญภัย

นักผจญภัย ไม่ควรไป ผจญภัย

 

นักผจญภัย ไม่ควรไป ผจญภัย

 

ประโยคดังกล่าวดูขัดแย้งและถูกต้องในตัวมันเองไปพร้อมๆ กัน

 

ในความเป็นจริง การทำงานที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน สิ่งสำคัญคือมาตรการที่ลดความอันตรายของมันลง

 

สำหรับอาชีพแบบนี้ การเดิมพันไปกับความไม่แน่นอนถือเป็นข้อห้าม

 

ผมเริ่มต้นเป็นนักผจญภัยอย่างมั่นคง

 

มั่นคงจนผมเกลียดมันเลยล่ะ

 

“ข-ข้าทำเสร็จแล้วครับ”

 

1 สัปดาห์หลังจากที่ผมเริ่มเป็นนักผจญภัย และเป็นสัปดาห์ที่ผมทำตามคำแนะนำของคุณเซลฟี่

 

จนตอนนี้ ผมก็ยังคงทำงานแปลกๆ อยู่ในเขตเมืองเดลลีน

 

เนื่องจากโนแวมเป็นห่วง และพยายามเข้ามาช่วยงาน ผมจึงขอให้คุณเซลฟี่หาคำร้องอื่นให้เธอ

 

งานที่ใครๆ ก็ทำได้ อย่างานบนโต๊ะที่ปลอดภัย

 

โนแวมโตขึ้นมาในครอบครัวเก่าแก่ แต่เพราะเธอค่อนข้างมีระเบียบวินัยเคร่งครัด จึงอ่านออกเขียนได้อย่างไม่มีปัญหา

 

เธอทั้งคิดเลขได้ และคุ้นเคยกับเอกสาร

 

เมื่อผมออกมาทำงาน เธอก็ได้คำร้องจำพวกงานเลขา

 

ปัจจุบันผมกำลังซ่อมกำแพงรอบๆ เมืองอยู่

 

ผมแบกก้อนอิฐโดยไม่ใช้เวทมนต์

 

ถึงการใช้เวทมนต์จะทำให้งานง่ายขึ้น แต่เพราะอัญมณีที่ผมมีอยู่ทำให้ต้องคิดถึงขีดจำกัดของพลังเวทด้วย

 

‘แล้วพวกเขาก็บอกด้วยว่าการใช้เวทมนต์ทำงานมันไม่ดี…เราก็เข้าใจเหตุผลนะ’

 

ที่บรรพบุรุษห้ามไม่ให้ใช้เวทมนต์ทำงาน เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังมีเหตุผลอื่นอีกด้วย

 

แน่นอนว่าไม่เกี่ยวกับตัวผมน่ะ

 

“ไง อย่างที่ข้าว่ามั้ย? ด้วยสิ่งนี้การประเมินงานของเจ้าจะต้องสูงกว่าระดับ B แน่”

 

“ฮะ ฮะ งั้นเหรอครับ? ”

 

พอเป็นแรงงาน ผมก็ได้ฝึกร่างกายไปพร้อมกันด้วย

 

จนตอนนี้ รวมกับเรื่องล้างท่อระบายน้ำคุณเซลฟี่ก็ยังประเมินผมไว้ต่ำ

 

แต่ 1 สัปดาห์ที่ผ่ามา ทำให้ผมรู้สึกเข้าใจความหมายของการรับคำร้องในเมืองแล้ว

 

“อาจจะเร็วไปหน่อย แต่พรุ่งนี้ไปพักซะ แล้วข้าจะพาเจ้าออกไปล่ามอนสเตอร์ในวันถัดไป”

 

“น-ในที่สุด? ”

 

พอได้ยินแบบนั้น ผมก็โล่งใจทั้งๆ ที่หมดแรงอยู่ ผมใช้เวลามากมายไปกับงานพวกนี้ จนไม่อาจบอกได้ว่ารุ่นที่หนึ่งจะพูดอะไรกับผมบ้าง

 

ไหนจะความไม่พอใจที่สะสมของรุ่นที่หก และเจ็ดอีก

 

“เตรียมตัวให้พร้อมตามที่ข้าบอกนะ เข้าใจมั้ย? ถ้าวันนี้ยังเตรียมไม่เสร็จก็ไปทำวันพรุ่งนี้พร้อมกับพักไปด้วย แล้วก็อย่าลืมออกกำลังกายเบาๆ ด้วยล่ะ”

 

“เข้าใจแล้วครับ”

 

“เชื่อฟังดีจริงๆ แล้วก็พวกเจ้าใช้อาวุธดาบ กับคทาสินะ? ”

 

คุณเซลฟี่ถามยืนยัน ผมพยักหน้า

 

เธอลูบคางคิดกับตัวเองแล้วพยักหน้าสองสามครั้ง

 

“ไรเอล เจ้าควรจะหาอาวุธสำรองติดตัวไว้ด้วย จะเป็นดาบอีกเล่มหรือมีดก็ได้ เอาจริงๆ ข้าอยากให้เจ้าเปลี่ยนอาวุธมากกว่า แต่ข้าจะไม่บังคับเจ้าหรอกนะ”

 

ดาบ(sabre)ที่ผมชอบเรียกว่าซาเบิ้ล(sable)นั้นมีจุดเด่นในการฟัน และแทง

 

หากใช้เทียบกับดาบทั่วไป ด้วยใบดาบที่บางกว่ามันจึงงอหรือหักได้ง่าย

 

ถ้าเป็นดาบปกติ ถึงจะหักไปแล้วแต่ก็ยังใช้เป็นอาวุธฟาดต่อได้ ถึงจะใช้ฟาดอยู่แล้วก็เถอะ

 

แล้วถ้ามองจากระยะดาบของผมที่สั้นมาก สู้ไปใช้หอกจะดีกว่า

 

“คุณหมายถึงหอกอะไรพวกนั้นหรือครับ? ข้าก็พอใช้ได้อยู่บ้างนะ”

 

“ไม่ใช่ ข้าหมายถึงโล่ต่างหาก ถึงข้าจะเข้าไปช่วยถ้าเห็นว่าอันตรายก็เถอะ แต่ข้าตั้งใจจะให้พวกเจ้าสองคนลุยกันเองมากกว่า”

 

ในบริเวณรอบๆ เมืองจะมีนักผจญภัยอยู่จึงค่อนข้างปลอดภัย ไหนจะมีทหารที่คอยปราบปรามมอนสเตอร์ที่อันตรายเป็นประจำ

 

แถมบางครั้งพวกเขายังมีทีมลาดตระเวนตอนกลางคืนอีกด้วย

 

เพราะฉะนั้น บริเวณรอบเมืองจึงมีแต่มอนสเตอร์เล็กๆ และหามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งได้ยาก แต่ใช่ว่าจะไม่มีล่ะนะ

 

“โล่…ข้าใช้ได้นะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีเลย ข้าควรหาซื้อแบบถูกๆ มาซักอันมั้ยครับ?  

 

”เจ้าเป็นพวกที่ไม่ได้ชอบใช้อาวุธไหนเป็นพิเศษสินะ? มันก็ดีที่จะซื้ออันสำรองไว้ แต่จงคิดให้หนักถึงอาวุธที่เจ้าต้องการจริงๆ

ไม่ต้องซื้อแพงก็ได้ เพราะมีบางสถานการณ์ที่มันอาจไร้ประโยชน์น่ะ”

 

มีนักผจญภัยไม่น้อยที่เรียนการใช้อาวุธหลายแบบ แล้วเปลี่ยนมันไปตามสถานการณ์

 

ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน สไตล์แบบนั้นก็เป็นที่ต้องการเสมอ

 

แต่ก็มีบ้างที่บอกว่าการใช้อาวุธเพียงอย่างเดียว แล้วฝึกฝนมันไปถึงที่สุดคือเส้นทางของนักผจญภัยชั้นยอด

 

สุดแล้วแต่คนล่ะนะ

 

“…ถ้าข้าเก็บดาบไป แล้วใช้มีดกับโล่เล็กแทนล่ะ? ”

 

เมื่อผมพูดก็ได้ยินเสียงจากอัญมณี

 

เป็นรุ่นที่สอง

 

[ไรเอล ข้าคิดว่าเจ้าควรเปลี่ยนอุปกรณ์ไปตามคำร้องนะ]

 

แต่รุ่นที่สามไม่เห็นด้วย

 

[ข้าว่าเจ้าเอาดาบสำรองไว้ด้วยดีกว่า เจ้าจะได้ใช้มันหลังอาวุธที่ไม่คุ้นมือพังไปแล้วไง]

 

ในที่สุด รุ่นที่หนึ่งก็..

 

[สำคัญขนาดนั้นเชียว แค่มอนฯ ตัวเล็กๆ ใช้มือเปล่าก็เหลือแหล่แล้วนี่? ]

 

‘อย่างน้อยก็คิดก่อนพูดทีเถอะครับ…”

 

ผมไม่คิดที่จะมาพลาดตรงนี้หรอก

 

“ข้าจะปล่อยให้เจ้าคิดเรื่องอุปกรณ์เอาเองละกัน ไม่ต้องคิดมาก มันเป็นแค่พื้นที่รอบเมืองเท่านั้น

การเริ่มต้นด้วยอาวุธที่คุ้นเคยจะดีกว่านะ”

 

หลังจากนั้น หัวหน้าไซต์ก่อสร้างก็มายืนยันคำร้องของผม แล้วพวกเราก็ได้รับใบประเมินผลงาน ก่อนที่ผม และคุณเซลฟี่จะกลับไปที่กิลด์

 

ถึงผมจะมีเหงื่อชุ่มแต่ก็ไม่มีคราบเลือดอะไร คุณเซลฟี่จึงบอกว่าผมไม่ต้องอาบน้ำก็ได้

 

“ไปหาสาวของเจ้าเร็วๆ เถอะ”

 

“เอ่อ…ครับ”

.

.

.

พวกเราขึ้นไปบนชั้นสองของกิลด์แล้วยื่นเอกสารให้คุณฮาวกิ้น

 

เช่นเคย แถวของเขามีคนน้อยทำให้ถึงคิวค่อนข้างเร็ว

 

เทียบกันแล้ว แถวของสาวสวยย่อมยาวกว่าล่ะนะ

 

“นังนั่นยังเป็นที่นิยมเหมือนเคย แล้วคิดว่ามันจะไม่เป็นปัญหาเอาเหรอ บอส? ”

 

คุณฮาวกิ้นตอบคำถามของคุณเซลฟี่ทั้งๆ ที่กำลังดูเอกสารอยู่

 

“เมื่อก่อน พวกเราก็เคยเอาเธอออกจากตำแหน่งนี้แล้ว แต่ก็มีนักผจญภัยจำนวนมากที่ร้องเรียนเพื่อให้เธอกลับมา พวกเราจึงต้องยอมน่ะ”

 

อย่างที่คิด กิลด์นักผจญภัยของเดลลีนเป็นที่นิยมจริงๆ  

 

“ไม่ใช่ว่าที่เธอได้มาทำงานนี้เพราะเธอไม่มีความสามารถทำงานที่ยากกว่านี้หรอกนะ?

ข้าได้ยินมาว่าพ่อของนางเป็นผู้บริหารกิลด์เบื้องบนด้วยนี่”

 

“ข้าตอบไม่ได้หรอก”

 

ระหว่างที่กำลังคุยกับคุณเซลฟี่ คุณฮาวกิ้นก็ยื่นเงินรางวัลมาให้ผม

 

เขาส่งใบประเมินผลงานในวันนี้คืนมาให้ผม

 

หัวหน้าไซต์ก่อสร้างบอกว่าผมมีความรับผิดชอบต่องาน [ดี] และผลโดยรวมคือ [B] ถามที่คุณเซลฟี่เคยบอก

 

แน่นอนว่าถ้าผลประเมินได้ [A] ผู้ที่มายื่นคำร้องก็ต้องเพิ่มรางวัลให้ต่างหากด้วย

ทำให้ผลการประเมินแรงค์ [A] ค่อนข้างหายากล่ะ

 

ทำให้งานธรรมดาแบบนี้ [B] คือผลประเมินสูงสุด

 

“รวมกับวันนี้ ทำให้คำร้องทั้งหมดที่คุณเคยทำมาแล้วคือ 12 คำร้องครับ โดยทั้งหมดล้วนได้การประเมินไม่ [C] ก็ [B] เสมอ โปรดรักษามาตรฐานนี้ไว้นะครับ”

 

คุณฮาวกิ้นพูดพร้อมกับยิ้ม ผมรับรางวัลมา

 

8 เหรียญทองแดงใหญ่

 

ถ้านับเวลา 1 วันเต็มๆ มันถือว่าน้อยมาก หลังจากทำงานมาเช้าจรดค่ำคนธรรมดาจะหาเงินได้มากกว่า 10 เหรียญทองแดง

 

“ขอบคุณมากครับ”

 

ผมเอาเงินใส่ในกระเป๋า

 

เพราะคุณเซลฟี่เป้นที่ปรึกษา เธอจึงไม่ได้รับเงินด้วย แต่ก็ได้เหรียญทอง 4 เหรียญมาก่อนแล้ว

 

หลังจากเธอเป็นที่ปรึษาให้เราเสร็จ ก็จะได้รับอีก 4 เหรียญ และขึ้นอยู่กับว่าพวกเราจะเป็นนักผจญภัยที่ดีได้แค่ไหน  

เธอก็อาจจะได้โบนัสอีก 1 เหรียญ และอีกเหรียญที่เหลือก็คงเป็นค่าบริการของทางกิลด์ล่ะ

 

“ถึงเวลาแล้วที่จะให้พวกเขาออกไปนอกเมือง  

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเขาก็ควรจะดูแลตัวเองได้เพราะเรียนรู้ผ่านการทำงานพวกนั้นแล้วล่ะ”

 

คุณฮาวกิ้นพอได้ยินที่คุณเซลฟี่พูดก็เสียดายเล็กน้อย

 

“ช่างเร็วจริงๆ ”

 

“พวกเขาจ่ายเงินให้ข้าแล้ว ถ้าไม่ไปเร็วๆ นี้มันจะไม่คุ้มค่าจ้างเอาน่ะสิ มีปัญหารึเปล่า? ”

 

“ไม่มีปัญหา คุณโนแวมเธอทั้งขยันรวดเร็วนอบน้อม ได้งานกระทั่งจากคนใหญ่คนโต และผลประเมินของเธอก็ดีอีกด้วยครับ”

 

โนแวมคงได้ถูกประเมินไว้สูง

 

เดิมทีเพราะลายมือเธอสวย คุณฮาวกิ้นจึงให้เธอไปทำงานเป็นอาลักษณ์

 

ในห้องแยกที่เธอไม่ต้องเจอผู้คน คอยเขียนจดหมาย และส่งไปตามที่ถูกขอมา

 

แม้จะไม่เห็นหน้า แต่เธอก็ได้รับความนิยมจากเสียง และการวางตัวไม่น้อยทีเดียว

 

“ถ้าเป็นตามที่บอสบอก ต่อให้เธอไม่ได้เป็นนักผจญภัยก็เป็นพนักงานกิลด์ได้สบาย ถ้าเธอบาดเจ็บเจ้าก็พาเธอมาทำงานที่ซะสิ”

 

“อะฮ่าฮ่า ถึงข้าจะดีใจมากที่ถ้าได้เธอมาทำงานด้วย แต่การที่เธอไม่บาดเจ็บจะดีกว่านะ พ่อหนุ่มไรเอลต้องระวังให้ดีนะ”

 

“อ่า ครับ”

 

พองานเอกสารเสร็จ คุณฮาวกิ้นก็หันกลับไปเรียกโนแวม ไม่นานนักเธอก็ออกมาจากทางเข้าพนักงาน

 

“ท่านไรเอลคะ”

 

เธอโบกมือด้วยรอยยิ้ม และผมก็ยกมือขึ้นตอบเธอ

 

[ว้าว~วันนี้หนูโนแวมก็น่ารักเช่นเคย…ทำไมเจ้าไม่คิดชมเธอสักสองสามคำล่ะ ไรเอลเอ๋ย? ]

 

‘รุ่นที่สี่ ได้โปรดเงียบเถอะครับ’

 

คุณเซลฟี่อธิบายกับโนแวมที่เพิ่งมาใหม่

 

“โนแวม พรุ่งนี้พักให้เต็มที่ซะ วันถัดไปข้าจะพาเจ้าไปหาประสบการณ์สู้กับมอนสเตอร์ เจ้าพร้อมมั้ย? ถ้ายัง ข้าจะให้กลับไปทำงาน และฟังบรรยายแบบเดิมนะ”

 

“ค่ะ คุณเซลฟี่”

 

หลังตกลงกันเสร็จ พวกเราก็ลากับคุณเซลฟี่

 

ในฐานะที่ปรึกษาเธอต้งส่งรายงานให้กิลด์เป็นประจำ เป็นงานที่หลายอย่างไม่ง่ายเลย

 

“เราก็กลับกันเถอะ”

 

“ค่ะ ไปซื้อของแล้วกลับกันเถอะค่ะ”

 

“ได้สิ ถ้าเธอจะไปซื้อของ งั้นข้าจะจ่ายให้เอง”

 

“จริงหรือ? วันนี้คุณได้มาเท่าไหร่คะ? “

 

“ตั้งแปดเหรียญทองแดงใหญ่แหนะ! แล้วเจ้าล่ะ? ”

 

“…หกเหรียญทองแดงใหญ่ค่ะ”

 

พวกเราออกจากห้องต้อนรับแล้วคุยกันระหว่างเดินลงบันได

 

ผมที่ไม่ได้คิดอะไรเลย แต่บรรพบุรุษกลับเดาออก…

 

[เธอเป็นเด็กสาวที่ดีจริงๆ …จงใจบอกให้น้อยกว่าเพื่อยกย่องตัวเจ้า เฮ้อ ไรเอล แต่เจ้าไม่คิดจะชมเธอเลยสักคำ…]

 

ผมที่โดนรุ่นที่สี่แทงใจดำ จึงพยายามชมเธอบ้าง

 

“คุณฮาวกิ้นชมเธอไว้เยอะมากเลยนะ เขาบอกว่าเธอทั้งทำงานเร็วแล้วก็นอบน้อม…ข้าดีใจนะ”

 

ผมพยายามเต็มที่แล้ว แต่เหล่าบรรพบุรุษช่างเข็มงวดแท้

 

[ศูนย์คะแนน]

 

[สิบคะแนน]

 

[โธ่~เจ้ามันไม่มีไหวพริบเอาซะเลย สามสิบแต้ม]

 

[ศูนย์]

 

[เอ๋? ข้าด้วยเหรอ?…งั้นสิบคะแนน]

 

[พวกเจ้าเข้มกันจัง อ่า สามสิบคะแนน]

 

[ปู่ขอโทษไรเอล…ยี่สิบคะแนน]

 

‘อย่ามาให้คะแนนผมสิ! ผมรู้ตัวอยู่แล้วว่ามันแย่น่ะ! ’

 

แต่โนแวมกลับดีใจต่อคำชมป่วยๆ ของผม

 

เธอยิ้มและกล่าวขอบคุณผม

 

“ขอบคุณมากเลยค่ะ แต่ข้าว่าท่านไรเอลต้องทำงานข้างนอกหนักกว่ามากแน่ๆ เลย”

 

“เอ่อ อืม…ม-มันไม่ใช่สักหน่อยน่า”

 

พออัญมณีเรียกผมที่ประหม่ากลับมาได้

 

พวกเราก็ไปต่อที่โรงอาบน้ำข้างๆ กิลด์ หลังล้างตัวเสร็จพวกเราจึงไปซื้อของต่อ

 

…ในวันถัดมา พอผมไปถามคุณฮาวกิ้นว่าที่จริงเธอได้เงินเท่าไหร่ เขาก็ตอบว่า 9 เหรียญทองแดงใหญ่ล่ะ

.

.

.

วันหยุดครั้งแรก

 

พอมาถึงเดลลีน ผมก็หมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับงาน และฝึกฝนร่างกาย ผมแทบไม่มีเวลาว่างเลย

 

แต่พวกเราทั้งสองคนก็มีสิ่งที่ต้องทำในเวลาพักนี้อยู่

 

คือการไปติดต่อนายหน้า

 

“เป็นยังไงบ้างครับ? ห้องเช่านี่เป็นที่นิยมของนักผจญภัยเลยนะ มี 3 ห้อง และห้องน้ำห้องอาบในตัว”

 

เซลหนุ่มตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ กำลังแนะนำที่พักให้พวกเรา

 

ตัวผมเองอยากเลือกอันไหนก็ได้เร็วๆ แต่โนแวมกลับดูอย่างระมัดระวัง

 

“ราคาประมาณเท่าไหร่หรือคะ? ”

 

“มาดูกันครับ…ค่าดาวน์แรกหกเหรียญเงิน และค่าเช่าสิบห้าเหรียญทองแดงใหญ่ต่อเดือน ข้าคิดว่าเป็นราคาที่เหมาะสมนะครับ คุณผู้หญิง ”

 

“…คุณเอาที่อื่นให้เราดูอีกได้ไหมคะ? “

 

‘เอ๋? เธอจะดูต่ออีกเหรอ? ‘

 

นี่เป็นที่ที่ 4 แล้ว แต่โนแวมยังคงดูห้องพักอื่นต่อไป  

 

พวกเราต้องการห้องที่ใกล้กับกิลด์ ซึ่งเป็นบริเวณที่คนปกติไม่ค่อยมาอยู่กัน ทำให้มีตัวเลือกที่พักสำหรับนักผจญภัยมากมาย

 

“ที่นี่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อเลย ท่านหญิง ดาวน์แค่หนึ่งเหรียญเงิน และเพียงห้าเหรียญทองแดงใหญ่ต่อเดือนเท่านั้น! ”

 

เมื่อพนักงานแนะนำที่นี่  ผมคิดว่ามันถูกและตรงตามความต้องการของเรา ถึงจะแคบหน่อยก็ไม่เป็นไรเพราะมีแค่ผมกับโนแวม 2 คนเท่านั้นเอง

 

แต่โนแวมกลับยิ่งดูไม่พอใจเมื่อเธอเห็นทั่วทั้งห้อง

 

เสียงจากอัญมณีก็บอกแบบเดียวกัน

 

[ข้าว่าเจ้าอย่าเอาที่นี่เลย]

 

เป็นเสียงของรุ่นที่สอง พักหลังมานี้เหมือนพวกเขาจะไม่สนใจกฎแล้ว ถ้าคิดเพื่อตัวเอง ผมว่าพวกเขาควรจะพูดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้  

แต่นอกจากรุ่นที่ห้า พวกเขาก็พูดกันค่อนข้างตามใจแล้วล่ะนะ

 

ผมถามเบาๆ

 

“ทำไมล่ะครับ? ”

 

[แค่สังหรณ์น่ะ แต่ที่นี่มันมีลางร้ายอยู่ เอาจริงๆ ที่ก่อนหน้ายังดีกว่าเลย ดูสิ ผนังมันถูกเปลี่ยนใช่มั้ยน่ะ… ตรงนั้นดูน่าสงสัยสุดๆ เลย]

 

รุ่นที่สามพูดความเห็นตามความรู้สึก

 

“อืม…ข้าว่าที่นี่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ? ”

 

ผมเชื่อลางสังหรณ์ของรุ่นที่สาม และพูดขึ้นมา โนแวมเห็นด้วยกับผม

 

“เห็นด้วยค่ะ คุณช่วยพาพวกเราไปดูที่อื่นต่อได้ไหมคะ? ”

 

“…เข้าใจแล้วครับ ‘ฮะ ฮะ ข้าว่าแล้ว มันยังเห็นชัดอยู่สินะ…’ ”

 

ผมได้ยินเซลพึมพำ และสงสัยนิดหน่อยว่าที่นี่ถูกซ่อนอะไรไว้ แต่คิดอีกที ผมไม่รู้น่าจะดีกว่านะ

.

.

.

สุดท้ายพวกเราก็ไม่ได้ย้ายไปห้องพักใหม่

 

ด้วยการตัดสินใจของโนแวม และความเห็นของบรรพบุรุษ ทำให้พวกเราไม่ได้หัองพัก แต่เป็นบ้านแทน

 

ถึงจะเป็นบ้านเช่า แต่ก็กว้างขวาง

 

อาจจะต้องซ่อมนิดหน่อย แต่ราคาดาวน์ก็แค่ 8 เหรียญเงิน และค่าเช่าเดือนละ 65 เหรียญทองแดงใหญ่

มันเป็นบ้านที่ใหญ่ และถ้าทำเพิ่มอีกหน่อย มันน่าจะเป็นที่ๆ ดีเลยล่ะ

 

บริเวณนี้มีบ้านไม่มากนัก…และไม่น่าจะมีเพิ่มอีก อันที่จริงจำนวนบ้านกำลังลดน้อยลงเลยล่ะ

 

“มันเป็นสัญญาเช่าชั่วคราว แต่ด้วยเวลาสองปีพวกเราน่าจะย้ายออกไปแล้ว มันสมบูรณ์แบบไปเลยใช่ไหมคะ ท่านไรเอล? ”

 

“ก-ก็ใช่…แต่ห้องพักมันอยู่ใกล้กิลด์กว่า และข้าว่ามันก็ใช้พักได้ดีเหมือนกันนะ”

 

พวกเราแทบไม่มีสัมภาระอะไร ทำให้การย้ายเข้าจบอย่างรวดเร็ว

ที่จริงพวกเราจะให้ผู้รับเหมามาทำความสะอาดให้ก็ได้ แต่เพราะมันเป็นบ้านเราแล้ว พวกเราจึงลงมือทำความสะอาดกันเอง

 

บริเวณนี้เป็นที่ที่จะถูกพัฒนาขึ้นใหม่ และบ้านนี้ก็จะถูกรื้อภายใน 2 ปี

 

ทำให้รอบๆ นี้แทบไม่มีอะไรอยู่เลย

 

ถึงจะว่างั้น แต่พอเทียบกับอัตราการเติบโตของเมืองเดลลีนแล้ว เขตที่พักอาศัยแถวนี้ค่อนข้างสันโดษเลยล่ะ

พอการปรับปรุงพื้นที่เสร็จแล้ว ผมสงสัยจังว่าที่นี่จะกลายเป็นสถานที่แบบไหนนะ

 

“ดูเหมือนเพื่อนบ้านของพวกเราก็จะเป็นนักผจญภัยนะคะ พวกเขาคงคิดคล้ายพวกเรา”

 

ใช่แล้ว แถวนี้มีนักผจญภัยอยู่เยอะมาก

 

เพราะอยู่ได้ไม่นาน  ทำให้คุณภาพของบ้านถูกว่าราคาจริง

 

มีทั้งห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ แถมบ้านก็ใหญ่ ผมไม่มีที่ติเลย แต่เหคุผลที่บรรพบุรุษเลือกที่นี่มันช่าง…

 

[ถ้าเป็นที่นี่ ต่อให้พวกเจ้าร้องดังแค่ไหนก็จะไม่รบกวนเพื่อนบ้านไงล่ะ! ]

 

นั่นแหละ

 

สำหรับพวกเขาถือว่าผมกับโนแวมแต่งงานกันเรียบร้อยแล้ว  

สรุปก็คือ พวกเขาเลือกที่นี่เพื่อให้พวกเราได้ทำตัวให้สมกับเป็นคู่ใหม่ปลามันล่ะ

 

‘คิดว่าข้าจะกล้าทำอะไรแบบนั้นได้หรือไง ถ้าพวกคุณยังเฝ้ามองอยู่ตลอดน่ะหา!? ’

 

—-

 

หึ

 

 

 

Sevens

Sevens

อ่านนิยาย เรื่องSevens เดิมไรเอลเป็นลูกชายคนโตที่ต้องรับช่วงต่อของตระกูล แต่พอเขาอายุได้ 10 ปี พ่อแม่ก็เริ่มไม่สนใจเขา แล้วหันไปเห่อน้องสาวของเขาแทน จนวันนึงในตอนที่เขาอายุครบ 15 ปี น้องสาวของเขาก็ท้าประลองเพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอด และเขาก็ได้พ่ายแพ้ หลังจากที่ฟื้นตัว เขาก็ได้รับสืบทอด พลังone for all- เอ้ย อัญมณีที่มีความทรงจำของบรรพบุรุษทั้ง 7 คน และเริ่มออกผจญภัยไปกับเพื่อนสมัยเด็ก

Comment

Options

not work with dark mode
Reset