Shrouding the Heavens อำพรางสวรรค์ – ตอนที่ 15 – ชีวิตและความตาย

“เราดูหมิ่นวิหารต้าเล่ยหยิน ใช่ไหม … พระเจ้าฉันต้องการลงโทษเรา” เสียงของเพื่อนนักเรียนหญิงสั่นสะท้าน หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“มันเป็นไปไม่ได้ ทุกคนในโลกนี้รู้ว่าพุทธองค์ทรงมีเมตตา” โจวยี่กล่าวสอดแทรกขึ้น

“เราไม่สามารถพาเธอไปได้เราต้องทิ้งเธอไว้ที่นี่ ตอนนี้เราต้องรีบกลับไปที่แท่นบูชาห้าสี”

ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตายเช่นนี้ไม่มีใครพยายามดึงดันที่จะพาร่างกายของหญิงสาวไปด้วย

“เอ๊ะ … “

ทันใดนั้นเสียงระฆังที่ไพเราะก็ดังขึ้นบริเวณรอบๆหวังจื่อเหวิน และทั้งตัวของเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองที่งดงามราวกับว่าเขาสวมเสื้อเกราะทองคำหนาเป็นชั้นๆ

สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องไปยังระฆังทองแดงที่อยู่ในมือของหวังจื่อเหวิน

“เกิดอะไรขึ้น?”

หลิวหยุนจื่อถามอย่างประหม่า

“มีบางอย่างโจมตีฉันในตอนนี้ … ”

หวังจื่อเหวินกล่าวเบาๆ ในตอนนี้แสงสีทองปกคลุมร่างกายของเขาไว้ทั้งหมด

“เห็นไหมว่ามันคืออะไร”

ผังป๋อถาม พยายามหาสาเหตุของอันตราย

“ฉันไม่เห็นอะไรเลย ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันน่ากลัวที่ปกคลุมร่างกายของฉัน ทันใดนั้นระฆังระฆังทองแดงก็ปกป้องฉันไว้”

แม้ว่าหวังจื่อเหวินจะถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองแต่เขาก็ยังคงหวาดกลัวอยู่

หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทุกคนที่ได้บางสิ่งที่วัดต้าเล่ยหยินต่างก็หยิบสิ่งที่พวกเขาได้มาออกมาถือไว้ สิ่งเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ธรรมดานี่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพเจ้าอย่างแน่นอน!

ทันใดนั้นระฆังทองแดงก็หยุดสั่นและแสงสว่างที่มันปลดปล่อยออกมาก็หายไป เปลวเพลิงสีทองที่ลุกโชนบนร่างของหวังจื่อเหวินก็หายไปด้วย ซึ่งรวมไปถึงชุดเกราะสีทองของเขา

“ไปกันเถอะ เราต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”

เย่ฟ่านยกตะเกียงทองแดงของเขาขึ้นเหนือศีรษะแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังแท่นบูชาห้าสี

ทุกคนไม่กล้ารอช้าพวกเขารีบวิ่งออกจากซากปรักหักพังทันที

“ม่ายย…”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีก เมื่อใกล้ถึงขอบซากปรักหักพัง นักเรียนชายคนหนึ่งก็ล้มลงกับพื้น มีรูเลือดอยู่ตรงกลางหน้าผากของเขา ยังคงเป็นความตายแบบเดิม !

ในเวลานี้ หลายคนต่างหวาดกลัว เพื่อนร่วมชั้นอีกคนเสียชีวิตแต่ทุกคนไม่สามารถหยุดมันได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอันตรายมาจากไหน

“ไป!”

ทุกคนรู้ว่าอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้อีกแล้วพวกเขาจึงรีบไปที่แท่นบูชาห้าสี ในที่สุดก็รอดพ้นจากความพินาศ แต่ชีวิตของเพื่อนพวกเขาถูกทิ้งอยู่ตรงนั้นตลอดกาล

แต่ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ถอนหายใจออกมา เสียงกรีดร้องติดต่อกันสามครั้งก็ดังขึ้นเกือบพร้อมกัน เพื่อนนักเรียนชายสองคนและเพื่อนนักเรียนหญิงหนึ่งคนล้มลงอย่างหนักกับพื้น

บาดแผลยังคงอยู่ที่หน้าผากของพวกเขา และรูเลือดทั้งสามก็เหมือนกันทุกประการ!

ในช่วงเวลาสั้นๆ มีผู้เสียชีวิต 5 คน ซึ่งทำให้ทุกคนเศร้าโศกและหวาดกลัว บางทีคนต่อไปอาจเป็นของพวกเขาเอง ไม่มีใครรู้ว่าชีวิตของพวกเขาจะจบลงแบบไหน

“วู้…”

เพื่อนร่วมชั้นหญิงคนหนึ่งทรุดตัวร้องไห้และพูดว่า

“ทุกคนที่ตายคือคนที่ไม่ได้หยิบอะไรออกมาจากวัด… “

นี่คือความจริงคนที่เสียชีวิตทั้งหมดล้วนเป็นคนที่ไม่ได้รับอะไรจากวัดเลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถูกปกป้องจากความศักดิ์สิทธิ์ของพุทธองค์

“ช่วยเราด้วย…”

คนที่ไม่ได้ค้นพบอะไรในวัดต่างก็พยายามวิ่งเข้าหาเพื่อนสนิทของพวกเขา

แต่มีคนหลายคนพยายามทำตัวเย็นชา พวกเขาหันหน้าไปมองที่แท่นบูชาห้าสีและรีบวิ่งไปที่นั่นทันที

“ฉันขอร้อง ช่วยด้วย…”

เพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งล้มลุกคลุกคลานตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว

เย่ฟ่านตะโกนเสียงดัง

“สิ่งประดิษฐ์ที่พบในวัดสามารถแบ่งปันกับคนอื่นได้ พวกนายอย่าทำแบบนี้”

ผังป๋อร่วมรุกร่วมถอยกับเย่ฟ่านเสมอดังนั้นเขาจึงตะโกนออกมาเช่นกัน

“ใช่เราสามารถถือสิ่งประดิษฐ์ที่พบในวัดโบราณพร้อมกันได้หลายคน”

หลายคนมองดูพวกเขาด้วยความลังเลและมีบางคนพูดว่า

“ถ้ามันช่วยได้เพียงแค่คนเดียวจะทำยังไง”

เมื่อคำกล่าวนี้ออกมา ก็ทำให้จิตใจของทุกคนสั่นคลอนอีกครั้ง ในขณะที่บางคนก็รีบวิ่งออกไปทันที

“ขอบคุณเย่ฟ่าน…”

เพื่อนร่วมชั้นหญิงที่ร้องไห้คนนั้นวิ่งมาสะดุดที่หน้าเย่ฟ่าน เย่ฟ่านพยายามประคองเธอขึ้นมา แต่ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็หยุดนิ่ง มีรูสีแดงอยู่ที่หน้าผากของเธอจากนั้นเธอก็ล้มลงกับพื้น

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เย่ฟ่านมองดูสภาพการตายของเธอด้วยความตกตะลึง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป เขายื่นมือออกไปพยุงเธอแล้วแต่ไม่ทัน

“พวกมันเป็นตัวอะไรกันแน่?” นี่คือคำถามของทุกคน

ความตายอยู่ใกล้มาก ผู้คนยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก เย่ฟ่านและผังป๋อไม่คิดจะให้ใครตายไปอีก ดังนั้นพวกเขาจึงแบ่งปันแผ่นป้ายทองแดงและตะเกียงทองแดงร่วมกับคนอื่น

“พวกนายคิดจะทำอะไร?” ผังป๋อตะโกนออกมาเมื่อเห็นว่าใครบางคนพยายามจะแย่งชิงตะเกียงของเย่ฟ่าน

“พวกเราพยายามช่วยชีวิตพวกนาย นี่หรือคือสิ่งที่พวกนายตอบแทนเรา!”

เขาแข็งแกร่งและตัวใหญ่ ดังนั้นเมื่อเขาแสดงความโกรธหรอกมาคนที่พยายามจะแย่งชิงตะเกียงของเย่ฟ่านก็หยุดตัวเองไว้ทันที

“เรามาจากที่เดียวกัน เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาสี่ปีแล้ว อย่าทำให้ตัวเองต้องละอายใจหลังจากนี้!” เย่ฟ่านตะโกนเสียงดังทำให้คนที่อยู่รอบๆก้มหน้าลงทันที

“บูม”

ในเวลานี้ ทันใดนั้น สายฟ้าหลายแสนเส้นก็พุ่งเข้าใส่หลิวหยุนจื่อคล้ายๆกับการมาถึงของธอร์เทพเจ้าสายฟ้า!

สายฟ้าปกคลุมร่างกายของเขาอย่างแน่นหนา และไม้เท้าวัชระในมือของเขาก็เปล่งประกายออกมาปกป้องร่างกายของเขาไว้อย่างแน่นหนา

“มันพยายามโจมตีฉัน พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ทันที” เขาพูดแค่นี้และกวาดสายตามองรอบๆ ไม่กี่นาทีต่อมากระแสไฟฟ้าบนร่างกายของหลิวหยุนจื่อก็ค่อยๆดับลง

โชคดีที่หลิวหยุนจื่อถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบเย่ฟ่านแต่เขาก็ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ ดังนั้นเขาจึงอนุญาตให้เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆจับไม้เท้าวัชระของเขาและเดินทางไปแท่นบูชาห้าสีพร้อมกัน

ในเวลานี้ซากมังกรขนาดใหญ่รวมไปถึงโลงศพทองแดงยังคงอยู่ที่นี่

“นั่นคือ……”

เมื่อมาถึงแท่นบูชา ทุกคนต่างก็ตกตะลึง แท่นบูชาห้าสีมีหมอก และมีความสุกใสเล็กน้อยในทุกทิศทาง ทุกคนมีท่าทางประหลาดใจแต่แล้วรอยยิ้มเป็นสุขก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขา

นี่มันเป็นเหตุการณ์แบบเดียวกันที่เกิดขึ้นกับตอนที่พวกเขาอยู่บนภูเขาไท่ซานอย่างไม่ผิดเพี้ยน

ผังป๋อลดเสียงลงและกระซิบข้างหูของเย่ฟ่าน

“ดวงตาของหลิวหยุนจื่อกวาดมองเราสองสามครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ เจ้านั่นเป็นคนเจ้าเล่ห์มาโดยตลอดดังนั้นพวกเราไม่อาจไว้ใจเขาได้”

“ใจเย็นๆ ฉันรู้แล้ว!”

เย่ฟ่านหันหน้าไปมองหลิวหยุนจื่อด้วยรอยยิ้มและไม่พูดอะไรออกมา

ในขณะนี้รอบๆตัวของหลิวหยุนจื่อมีผู้คนมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือคนที่อาศัยตะเกียงของเย่ฟ่านเพื่อมาถึงแท่นบูชาห้าสี

สิ่งนี้ทำให้ผางป๋อไม่พอใจมากและกระซิบเบาๆ

“เจ้านั่นเป็นคนเนรคุณจริงๆ เขาได้รับการช่วยเหลือจากเราแต่กลับไปเป็นลูกน้องของหลิวหยุนจื่อ ไม่น่าช่วยมันเลยจริงๆ”

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง โดมท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอกก็พังทลายแทบจะหมดสิ้น

“วู”

เสียงลมบ้าคลั่งกำลังพัดเข้ามาในทิศทางของพวกเขา

ทุกคนต่างหวาดกลัวและพยายามเข้าใกล้แท่นบูชาห้าสีเพื่อความปลอดภัย

ในเวลานั้นเพื่อนนักเรียนชายที่เย่ฟ่านบอกว่าเป็นคนเนรคุณก็ค่อยๆขยับออกจากหลิวหยุนจื่อ

และทันใดนั้นเขาก็คว้าตะเกียงที่อยู่ในมือของเย่ฟ่านและพยายามจะผลักเย่ฟ่านให้ตกจากแท่นบูชาห้าสี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset