Shrouding the Heavens อำพรางสวรรค์ – ตอนที่ 23 – มุ่งหน้าสู่ดินแดนใหม่ที่แตกต่าง

“บูม”

เมื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณอสูรของบรรพบุรุษจระเข้ วัตถุโบราณทั้งหมดที่พวกเขาครอบครองก็เริ่มลุกเป็นไฟเปล่งประกายแพรวพราว และรวมตัวกันเพื่อป้องกันไม่ให้บรรพบุรุษจระเข้เข้ามา

ในเวลาเดียวกันวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็พุ่งเข้าหาบรรพบุรุษจระเข้ต้องการจะปิดผนึกเขาอยู่ตรงนั้น!

บรรพบุรุษจระเข้หัวเราะเบาๆทันใดนั้นเปลวไฟสีดำก็ระเบิดออกมาจากร่างของเขากระแทกของวิเศษทั้งหมดให้บินกลับหลังไป

“ปู”

วัตถุวิเศษหลายชิ้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ภายใต้เปลวไฟสีดำไม่มีอะไรสามารถต้านทานได้

ของวิเศษ 4 ที่แตกกระจายตกลงไปบนแท่นบูชา 5 สี ในขณะเดียวกันพลังที่กระจายออกสู่ด้านนอกของมันก็ถูกประตูดวงดาวที่อยู่ด้านบนดูดซับเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเอง

ซากมังกรยักษ์ทั้งเก้าตัวสั่นสะท้าน แล้วส่งเสียงคำรามค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า!

บรรพบุรุษของจระเข้รู้สึกประหลาดใจมันหลีกเลี่ยงของวิเศษหลายชิ้นเพราะไม่ต้องการให้ประตูของดวงดาวสามารถใช้งานได้

ในขณะเดียวกันมันก็แสดงร่างที่เป็นจระเข้ของมันออกมาพร้อมกับลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ามือขนาดใหญ่ของมันเคลื่อนเข้าหาโลงศพทองแดงรวมไปถึงซากศพของมังกรทั้งเก้า

ในขณะนี้มีแสงวาบวับไม่สิ้นสุดบนท้องฟ้า งดงามจนผู้คนไม่อาจเผชิญหน้า ไม่มีใครมองเห็นได้ชัดเจน และซากศพของมังกรทั้งเก้าก็ถูกบรรพบุรุษของจระเข้หยุดไว้ชั่วคราว

“แดง”, “แดง” …

ทันใดนั้นวัตถุวิเศษที่อยู่บนแท่นบูชา 5 สีก็เริ่มแตกออก เริ่มจากลูกประคำที่มีลักษณะคล้ายพระธาตุ แผ่นป้ายของวัดต้าเล่ยหยิน แม้กระทั่งตะเกียงทองแดงของเย่ฟ่านก็เกิดความหม่นหมอง

“จระเข้ตัวนั้นมันปิดกั้นประตูไว้พวกเราจะทำยังไงกันดี?” ทุกคนต่างวิตกกังวล

ในระหว่างกระบวนการนี้โลงศพทองแดงไม่เคยขยับไปไหนมีเพียงซากศพของมังกรเหล่านั้นที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

เมื่อเห็นว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเย่ฟ่านก็เดินออกมาด้านนอกพร้อมกับรวบรวมซากศพของจระเข้ตัวเล็กๆเตรียมการเผื่อไว้เป็นเสบียง

เรื่องนี้แม้จะน่าขยะแขยง แต่สุดท้ายแล้วหากสถานการณ์ของทุกคนเลวร้ายถึงขีดสุดไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะต้องใช้มันเป็นอาหารจริงๆก็ได้

แต่ทันใดนั้นประตูดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าก็เกิดการสั่นสะเทือนเบาๆ ผังป๋อที่เดินออกไปรวบรวมขวดน้ำของเพื่อนที่ตายไปแล้วก็รีบตะโกนบอกเย่ฟ่านให้กลับเข้าไปในโลงศพทองแดงอีกครั้ง

โลงศพทองแดงส่งเสียงสั่นสะเทือนและซากมังกรทั้งเก้าตัวก็กวัดแกว่งไปมา ทุกการเคลื่อนไหวของพวกมันจะคุกคามให้บรรพบุรุษจระเข้ถอยหลังกลับทีละก้าว

“บูม”

มีเสียงดังระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า และซากมังกรขนาดใหญ่ทั้งเก้าก็ค่อยๆถูกดูดเข้าไปในประตูแห่งดวงดาว ในขณะที่โลงศพทองแดงก็พลิกคว่ำและถูกลากเข้าไปด้วยเช่นกัน

ตาของบรรพบุรุษจระเข้มีประกายเย็นชา มันกระแทกเข้าใส่โลงศพทองแดงอย่างรุนแรง มันพยายามจะพาตัวเองเข้าไปข้างในและหนีออกจากโลกที่แห้งแล้งแห่งนี้!

แต่ในขณะนี้ภาพแกะสลักของเทพอสูรโบราณซึ่งถูกแกะสลักไว้บนฝาของโลงศพทองแดงก็ส่องแสงออกมาคล้ายกับจะตื่นขึ้น

เมื่อเห็นเช่นนี้บรรพบุรุษจระเข้ได้แต่ถอยหลังกลับและไม่กล้าโจมตีโลงศพทองแดงอีกครั้ง ดูเหมือนว่ารูปภาพของสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนฝาโลงศพจะทำให้มันหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

“แบงแดง”

เกิดเสียงดังสั่นสะเทือนบนท้องฟ้า ซากศพของมังกรทั้งเก้าก็ลากโลงศพทองแดงเคลื่อนตัวผ่านประตูดวงดาวออกจากสถานที่แห่งนี้ภายใต้การจ้องมองของบรรพบุรุษจระเข้

………..

ภายในโลงศพทองแดงมีเสียงร้องให้ดังขึ้นไม่หยุด มันเป็นเรื่องยากที่หลายคนจะไม่รู้สึกสะเทือนใจจากการตายของเพื่อนร่วมชั้นมากมาย

พวกเขาเรียนอยู่ในชั้นเดียวกันมายาวนานถึง 4 ปี สุดท้าย พวกเขาทั้ง 13 คนก็ถูกฆ่าตายที่นี่ แม้แต่ซากศพก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

ในตอนนี้พวกเขารู้สึกปลอดภัยชั่วคราว แต่หลายคนก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ และยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก

ความตายอันน่าสลดใจของเพื่อนร่วมชั้น ภาพของจระเข้ที่น่าสยดสยองปรากฏขึ้นในใจของพวกเขาเป็นครั้งคราว บางทีหากพวกเขารอดชีวิตไปได้พวกเขาคงไม่มีวันลืมเหตุการณ์ในครั้งนี้

ภายในโลงศพทองแดงมืดมิดมองไม่เห็นอะไร เพื่อนร่วมชั้นหญิงบางคนสะอื้นไห้ และเพื่อนร่วมชั้นชายบางคนก็ถอนหายใจ ด้วยความเศร้าโศก

แม้ว่าพวกเขาจะหนีรอดมาได้แล้วแต่หนทางข้างหน้าก็เต็มไปด้วยอันตรายไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก

มังกรทั้งเก้าจะลากโลงศพไปที่ไหน พวกเขายังจะได้เห็นแสงสว่างอีกครั้งหรือไม่ นี่เป็นเส้นทางที่เทพโบราณใช้เดินทางจริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้?

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนดาวอังคารทำให้พวกเขาเหนื่อยจนเผลอหลับไป

หลายคนยังคงวิตกกังวลและหวาดกลัวแม้กระทั่งในความฝัน พวกเขากำของวิเศษที่อยู่ในมือไว้แน่น

นี่เป็นคืนที่ทรมานหลายคนที่นอนหลับต่างก็ถูกปลุกขึ้นมาจากเสียงกรีดร้องจากฝันร้ายของใครบางคน ในระหว่างนี้ยังคงมีคนร้องไห้ไม่หยุด

ที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขาอ่อนแอ แต่เพราะสิ่งที่พวกเขาพบเจอมานั้นน่ากลัวเกินไป เดิมทีสิ่งมีชีวิตพวกนั้นล้วนเป็นเพียงเรื่องเล่าโบราณ

แต่เมื่อพวกเขาเจอมันเข้ากับตัวเองพวกเขาจะลืมฝันร้ายนี้ได้อย่างไร

ตามปกติแล้วพวกเขาใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนเมือง ทันใดนั้นพวกเขาก็พบเจอกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เมื่อปีศาจในตำนานกำลังกินซากศพของเพื่อนพวกเขาพวกเขาจะไม่กลัวได้อย่างไร?

แม้แต่คนที่มีความกล้ามากที่สุดอย่างผังป๋อก็ยังถูกปลุกให้ตื่นเป็นระยะๆจากคนรอบข้าง เย่ฟ่านก็เป็นคนที่หลับยากดังนั้นเมื่อมีเสียงรบกวนอยู่ตลอดเวลาเขาจึงไม่สามารถนอนหลับลง

การเดินทางผ่านไปห้าหรือหกชั่วโมง คนส่วนใหญ่ตื่นขึ้นแล้วภายใต้การเดินทางอันยาวนานในที่สุดทุกคนก็สงบลงเล็กน้อย ในเวลานี้พวกเขากำลังตั้งตารอว่าโลงศพทองแดงจะไปหยุดที่ไหนเมื่อไหร่

โลงศพทองแดงมีความเสถียรมาก ไม่มีการสั่นสะเทือนใดๆมันเคลื่อนผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวว่ามันอาจจะเดินทางไปอีกหลายปี
23 – มุ่งหน้าสู่ดินแดนใหม่ที่แตกต่าง

“บูม”

เมื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณอสูรของบรรพบุรุษจระเข้ วัตถุโบราณทั้งหมดที่พวกเขาครอบครองก็เริ่มลุกเป็นไฟเปล่งประกายแพรวพราว และรวมตัวกันเพื่อป้องกันไม่ให้บรรพบุรุษจระเข้เข้ามา

ในเวลาเดียวกันวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็พุ่งเข้าหาบรรพบุรุษจระเข้ต้องการจะปิดผนึกเขาอยู่ตรงนั้น!

บรรพบุรุษจระเข้หัวเราะเบาๆทันใดนั้นเปลวไฟสีดำก็ระเบิดออกมาจากร่างของเขากระแทกของวิเศษทั้งหมดให้บินกลับหลังไป

“ปู”

วัตถุวิเศษหลายชิ้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ภายใต้เปลวไฟสีดำไม่มีอะไรสามารถต้านทานได้

ของวิเศษ 4 ที่แตกกระจายตกลงไปบนแท่นบูชา 5 สี ในขณะเดียวกันพลังที่กระจายออกสู่ด้านนอกของมันก็ถูกประตูดวงดาวที่อยู่ด้านบนดูดซับเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเอง

ซากมังกรยักษ์ทั้งเก้าตัวสั่นสะท้าน แล้วส่งเสียงคำรามค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า!

บรรพบุรุษของจระเข้รู้สึกประหลาดใจมันหลีกเลี่ยงของวิเศษหลายชิ้นเพราะไม่ต้องการให้ประตูของดวงดาวสามารถใช้งานได้

ในขณะเดียวกันมันก็แสดงร่างที่เป็นจระเข้ของมันออกมาพร้อมกับลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ามือขนาดใหญ่ของมันเคลื่อนเข้าหาโลงศพทองแดงรวมไปถึงซากศพของมังกรทั้งเก้า

ในขณะนี้มีแสงวาบวับไม่สิ้นสุดบนท้องฟ้า งดงามจนผู้คนไม่อาจเผชิญหน้า ไม่มีใครมองเห็นได้ชัดเจน และซากศพของมังกรทั้งเก้าก็ถูกบรรพบุรุษของจระเข้หยุดไว้ชั่วคราว

“แดง”, “แดง” …

ทันใดนั้นวัตถุวิเศษที่อยู่บนแท่นบูชา 5 สีก็เริ่มแตกออก เริ่มจากลูกประคำที่มีลักษณะคล้ายพระธาตุ แผ่นป้ายของวัดต้าเล่ยหยิน แม้กระทั่งตะเกียงทองแดงของเย่ฟ่านก็เกิดความหม่นหมอง

“จระเข้ตัวนั้นมันปิดกั้นประตูไว้พวกเราจะทำยังไงกันดี?” ทุกคนต่างวิตกกังวล

ในระหว่างกระบวนการนี้โลงศพทองแดงไม่เคยขยับไปไหนมีเพียงซากศพของมังกรเหล่านั้นที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

เมื่อเห็นว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเย่ฟ่านก็เดินออกมาด้านนอกพร้อมกับรวบรวมซากศพของจระเข้ตัวเล็กๆเตรียมการเผื่อไว้เป็นเสบียง

เรื่องนี้แม้จะน่าขยะแขยง แต่สุดท้ายแล้วหากสถานการณ์ของทุกคนเลวร้ายถึงขีดสุดไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะต้องใช้มันเป็นอาหารจริงๆก็ได้

แต่ทันใดนั้นประตูดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าก็เกิดการสั่นสะเทือนเบาๆ ผังป๋อที่เดินออกไปรวบรวมขวดน้ำของเพื่อนที่ตายไปแล้วก็รีบตะโกนบอกเย่ฟ่านให้กลับเข้าไปในโลงศพทองแดงอีกครั้ง

โลงศพทองแดงส่งเสียงสั่นสะเทือนและซากมังกรทั้งเก้าตัวก็กวัดแกว่งไปมา ทุกการเคลื่อนไหวของพวกมันจะคุกคามให้บรรพบุรุษจระเข้ถอยหลังกลับทีละก้าว

“บูม”

มีเสียงดังระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า และซากมังกรขนาดใหญ่ทั้งเก้าก็ค่อยๆถูกดูดเข้าไปในประตูแห่งดวงดาว ในขณะที่โลงศพทองแดงก็พลิกคว่ำและถูกลากเข้าไปด้วยเช่นกัน

ตาของบรรพบุรุษจระเข้มีประกายเย็นชา มันกระแทกเข้าใส่โลงศพทองแดงอย่างรุนแรง มันพยายามจะพาตัวเองเข้าไปข้างในและหนีออกจากโลกที่แห้งแล้งแห่งนี้!

แต่ในขณะนี้ภาพแกะสลักของเทพอสูรโบราณซึ่งถูกแกะสลักไว้บนฝาของโลงศพทองแดงก็ส่องแสงออกมาคล้ายกับจะตื่นขึ้น

เมื่อเห็นเช่นนี้บรรพบุรุษจระเข้ได้แต่ถอยหลังกลับและไม่กล้าโจมตีโลงศพทองแดงอีกครั้ง ดูเหมือนว่ารูปภาพของสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนฝาโลงศพจะทำให้มันหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

“แบงแดง”

เกิดเสียงดังสั่นสะเทือนบนท้องฟ้า ซากศพของมังกรทั้งเก้าก็ลากโลงศพทองแดงเคลื่อนตัวผ่านประตูดวงดาวออกจากสถานที่แห่งนี้ภายใต้การจ้องมองของบรรพบุรุษจระเข้

………..

ภายในโลงศพทองแดงมีเสียงร้องให้ดังขึ้นไม่หยุด มันเป็นเรื่องยากที่หลายคนจะไม่รู้สึกสะเทือนใจจากการตายของเพื่อนร่วมชั้นมากมาย

พวกเขาเรียนอยู่ในชั้นเดียวกันมายาวนานถึง 4 ปี สุดท้าย พวกเขาทั้ง 13 คนก็ถูกฆ่าตายที่นี่ แม้แต่ซากศพก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

ในตอนนี้พวกเขารู้สึกปลอดภัยชั่วคราว แต่หลายคนก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ และยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก

ความตายอันน่าสลดใจของเพื่อนร่วมชั้น ภาพของจระเข้ที่น่าสยดสยองปรากฏขึ้นในใจของพวกเขาเป็นครั้งคราว บางทีหากพวกเขารอดชีวิตไปได้พวกเขาคงไม่มีวันลืมเหตุการณ์ในครั้งนี้

ภายในโลงศพทองแดงมืดมิดมองไม่เห็นอะไร เพื่อนร่วมชั้นหญิงบางคนสะอื้นไห้ และเพื่อนร่วมชั้นชายบางคนก็ถอนหายใจ ด้วยความเศร้าโศก

แม้ว่าพวกเขาจะหนีรอดมาได้แล้วแต่หนทางข้างหน้าก็เต็มไปด้วยอันตรายไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก

มังกรทั้งเก้าจะลากโลงศพไปที่ไหน พวกเขายังจะได้เห็นแสงสว่างอีกครั้งหรือไม่ นี่เป็นเส้นทางที่เทพโบราณใช้เดินทางจริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้?

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนดาวอังคารทำให้พวกเขาเหนื่อยจนเผลอหลับไป

หลายคนยังคงวิตกกังวลและหวาดกลัวแม้กระทั่งในความฝัน พวกเขากำของวิเศษที่อยู่ในมือไว้แน่น

นี่เป็นคืนที่ทรมานหลายคนที่นอนหลับต่างก็ถูกปลุกขึ้นมาจากเสียงกรีดร้องจากฝันร้ายของใครบางคน ในระหว่างนี้ยังคงมีคนร้องไห้ไม่หยุด

ที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขาอ่อนแอ แต่เพราะสิ่งที่พวกเขาพบเจอมานั้นน่ากลัวเกินไป เดิมทีสิ่งมีชีวิตพวกนั้นล้วนเป็นเพียงเรื่องเล่าโบราณ

แต่เมื่อพวกเขาเจอมันเข้ากับตัวเองพวกเขาจะลืมฝันร้ายนี้ได้อย่างไร

ตามปกติแล้วพวกเขาใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนเมือง ทันใดนั้นพวกเขาก็พบเจอกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เมื่อปีศาจในตำนานกำลังกินซากศพของเพื่อนพวกเขาพวกเขาจะไม่กลัวได้อย่างไร?

แม้แต่คนที่มีความกล้ามากที่สุดอย่างผังป๋อก็ยังถูกปลุกให้ตื่นเป็นระยะๆจากคนรอบข้าง เย่ฟ่านก็เป็นคนที่หลับยากดังนั้นเมื่อมีเสียงรบกวนอยู่ตลอดเวลาเขาจึงไม่สามารถนอนหลับลง

การเดินทางผ่านไปห้าหรือหกชั่วโมง คนส่วนใหญ่ตื่นขึ้นแล้วภายใต้การเดินทางอันยาวนานในที่สุดทุกคนก็สงบลงเล็กน้อย ในเวลานี้พวกเขากำลังตั้งตารอว่าโลงศพทองแดงจะไปหยุดที่ไหนเมื่อไหร่

โลงศพทองแดงมีความเสถียรมาก ไม่มีการสั่นสะเทือนใดๆมันเคลื่อนผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวว่ามันอาจจะเดินทางไปอีกหลายปี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset