Shrouding the Heavens อำพรางสวรรค์ – ตอนที่ 3 อดีตและปัจจุบัน

แม้ว่าเย่ฟ่านจะไม่สามารถพูดถึงเรื่องงานของตัวเองได้เพราะมันมีความลับอยู่บ้าง แต่งานของเขาก็ทำให้เขามีเงินเก็บไม่น้อย

ไม่นานมานี้เขาเพิ่งซื้อรถ Mercedes ซึ่งรถ Toyota ของหลิวหยุนจื่อไม่สามารถนำมาเทียบได้เมื่อพูดถึงเรื่องราคา และเย่ฟ่านไม่ใช่คนหยาบคายดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุย

สิบนาทีต่อมา เย่ฟานขับรถไปที่เมืองหมิงเย่เขามองหาร้านอาหารใกล้ๆทะเลสาบซึ่งเป็นสถานที่นัดพบของเพื่อนร่วมชั้น

เมืองนี้เป็นเมืองแห่งความบันเทิงระดับสุดยอดที่ผสมผสานการรับประทานอาหารและการพักผ่อนเข้าด้วยกัน มันตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยมและเจริญรุ่งเรืองมาก

แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันทำงานปกติไม่ใช่วันหยุดแต่ถึงกระนั้นรถของนักท่องเที่ยวยามราตรีก็ยังวิ่งอยู่เต็มท้องถนน

หลังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเพียง 3 ปี หากจะพูดเรื่องความสำเร็จในหน้าที่การงานดูเหมือนจะเร็วเกินไป ดังนั้นเย่ฟ่านจึงรู้สึกว่าการนัดพบกันในสถานที่แบบนี้ค่อนข้างฟุ่มเฟือยอยู่บ้าง

เมื่อเขาเดินออกจากลานจอดรถเพื่อนหลายคนของเขาก็มาถึงแล้ว ในไม่ช้าเขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยหลายคน

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาบางคนก็เคยนัดพบกันอยู่บ้าง ในขณะที่บางคนก็ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เรียนจบ

“เย่ฟ่าน!”

ในเวลานี้ ชายหนุ่มรูปงามก็เดินเข้ามาทักทายเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“อะไรวะ นายอยู่ใกล้แค่นี้แต่มาสายที่สุดได้ยังไง “

ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนโยนชื่อหวังจื่อเหวินเขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงานวันนี้

สาเหตุที่เขามีความกระตือรือร้นในการจัดงานก็เป็นเพราะว่าในบรรดาเพื่อนทั้งหมดเขาประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานมากที่สุด

คนอื่นๆอีกหลายคนก็เข้ามาทักทายพวกเขาเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้พบกันมาเป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็กระตือรือร้นมาก

เห็นได้ชัดว่าหวังจื่อเหวินกำลังรอใครสักคนอยู่ที่นี่และใครบางคนที่สามารถทำให้เขารอคอยอยู่ที่นี่ได้ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

หวังจื่อเหวินถือเป็นคนที่เพียบพร้อมดังนั้นการที่เขายืนอยู่ตรงนี้จึงมีผู้คนมากมายยืนล้อมรอบเขาด้วย

ห้องจัดเลี้ยงของพวกเขาอยู่ที่ชั้น 5 มันสามารถรองรับผู้คนได้ประมาณ 50 คน

ในขณะนี้ข้างนอกมืดแล้วและคนที่จะมาปาร์ตี้ก็แทบจะมาครบหมด

การมาถึงของคนสองสามคนทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด

หลายคนทักทายพวกเขาและพวกเขาทุกคนต่างรู้สึกยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง พวกเขารำลึกถึงเหตุการณ์ในตอนที่เรียนมหาลัยอย่างสนุกสนาน

หลังจากจบการศึกษามาสามปีแล้ว ทุกคนต่างก็มีอายุ 25-26 ปีดังนั้นจึงมีบางคนที่แต่งงานแล้ว และส่วนหนึ่งก็เป็นพ่อเป็นแม่คนแล้วด้วย

ทุกคนมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วเพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาดังนั้นชีวิตในอุดมคติรวมไปถึงความทะเยอทะยานในสมัยเรียนจึงถูกทำลายไปตามกาลเวลา

เมื่อความฝันหายไป ทุกคนต่างก็ตระหนักได้ว่าตัวเองเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งไม่มีความแตกต่างอะไรจากคนมากมายในโลก

เย่ฟ่านถูกหวังจื่อเหวินดึงไปนั่งที่โต๊ะเดียวกัน หลังจากการสังเกตอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาพบว่าคนที่นั่งอยู่ในฝั่งนี้ส่วนมากล้วนเป็นคนที่ประสบผลสำเร็จในอาชีพการงานหรือไม่ก็มีครอบครัวที่ร่ำรวยหนุนหลัง

“เย่ฟ่านนายมาช้าต้องถูกปรับ 3 แก้ว”

“สามแก้วยังน้อยไป เธอดูถูกเย่ฟ่านเกินไปแล้ว”

หลินเจี๋ยที่นั่งอยู่ที่นี่ด้วยรีบสอดแทรกขึ้นมา เสียงของเธอทำให้ผู้คนมากมายต่างก็หัวเราะ

“คนสวยคนไหนต้องการลงโทษฉัน” เย่ฟ่านหยอกล้อสาวๆที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ

“ประจบพวกเราไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงนายก็ต้องถูกลงโทษเหมือนเดิม!”

หลิวหยุนจื่อมีภูมิหลังบางอย่างในเมืองนี้ดังนั้นแล้วเขาจึงค่อนข้างมีพาวเวอร์ในกลุ่มเพื่อน ในเวลานี้เขากล่าวขึ้นว่า

“ไม่คิดว่านายจะหาแท็กซี่ได้เร็วขนาดนี้”

คำพูดนี้ค่อนข้างเย็นชาทำให้รอยยิ้มของผู้คนมากมายจางหายไปจากใบหน้า

ทุกคนต่างรู้ดีถึงความเป็นศัตรูของหลิวหยุนจื่อและเย่ฟ่าน ดังนั้นเมื่อเย่ฟ่านปรากฏตัวขึ้นมันจึงเป็นธรรมดาที่หลิวหนุนจื่อจะหาเรื่อง

นักเรียนคนอื่นๆก็สังเกตเห็นสถานการณ์ที่นี่เช่นกันแต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นเพื่อนกันดังนั้นทุกคนจึงทำได้เพียงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเขา

“เดี๋ยวฉันจะออกไปรับโจวยี่ข้างนอก” หวังจื่อเหวินบอกกับเพื่อนร่วมโต๊ะจากนั้นก็เดินออกนอกห้องไป

หลินเจี๋ยพูดคุยเกี่ยวกับเครื่องสำอางและของแบรนด์เนมกับเพื่อนร่วมชั้นหญิงสองคน บางคนก็เล่าถึงสิ่งที่น่าสนใจที่พวกเขาเจอมาในช่วง 2-3 ปีนี้

อย่างไรก็ตามบรรยากาศในตอนนี้ดูค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อย หลังจากคำพูดของหลิวหยุนจื่อก็ไม่มีใครที่พยายามลงโทษเย่ฟ่านอีก

ในตอนที่ยังเรียนอยู่เย่ฟานถือเป็นดาวเด่นคนหนึ่งของชั้นเรียนแต่หลังจากออกจากมหาวิทยาลัยแล้วอดีตของพวกเขาก็ไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งที่ทุกคนใส่ใจคือความสำเร็จในชีวิตต่างหาก

ในกลุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ค่อนข้างประสบผลสำเร็จหลังจากเรียนจบ ขณะเดียวกันเย่ฟ่านจึงค่อยๆถูกคนอื่นหมางเมินทีละน้อย

ในตอนแรกเย่ฟ่านยังสามารถรักษาความสงบได้ แต่ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นและออกจากที่นี่เพื่อไปนั่งกับเพื่อนนักเรียนคนอื่น เขาไม่ต้องการเป็นคนแปลกแยกในกลุ่ม

เครื่องสำอางและเสื้อผ้าแบรนด์เนมมักเป็นหัวข้อโปรดของเพื่อนนักเรียนหญิง ในขณะที่เพื่อนนักเรียนชายกำลังพูดคุยในเรื่องของฟุตบอลไปจนถึงข่าวและการเมือง

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็มีคน 25 คนเข้าร่วมงานเลี้ยง ในชั้นเรียนของพวกเขามีกันทั้งหมด 33 คน

โดย 3 คนอยู่ต่างประเทศ และอีก 5 คนไม่สามารถมาร่วมงานเลี้ยงได้ด้วยเหตุผลส่วนตัว

หวังจื่อเหวินในฐานะที่เป็นเจ้าภาพวันนี้เป็นคนกล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน บรรยากาศอบอุ่นมากจากนั้นผู้คนก็แยกออกเป็นวงเล็กๆหลายวงและพูดคุยกัน

หลังจากเวลาผ่านไปนาน ความชื่นชอบรวมถึงสถานะทางสังคมของทุกคนก็แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อมีการพูดคุยกันเล็กน้อยหลายคนจึงแยกตัวกันออกเป็นกลุ่มต่างๆ

เย่ฟ่านไม่ได้นั่งกับกลุ่มเล็กๆของหลินเจี๋ยและหลิวหยุนจื่อแต่เขานั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนคนอื่นอย่างเป็นธรรมชาติ

แต่แม้ว่าจะแยกกันออกหลายโต๊ะแต่โดยรวมแล้วบรรยากาศก็ชื่นมื่นเป็นอย่างมาก บางคนก็จับจองฟลอร์เต้นรำ ขณะที่บางกลุ่มก็สนใจเพียงการดื่มเหล้า

มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านม และทุกคนก็เปลี่ยนไปมาก บางทีอาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์กระตุ้นเพื่อนร่วมชั้นบางคนจึงเริ่มพูดถึงชีวิตของตัวเอง

บางคนก็ประสบความสำเร็จบางคนก็ความล้มเหลวและผิดหวัง

บางคนเกลียดเจ้านายของตนที่มีความต้องการสูงขอทำงานล่วงเวลาเสมอ แต่เงินเดือนนั้นช่างน่าสมเพช

เพื่อนนักศึกษาหญิงคนหนึ่งกล่าวว่าแฟนของเธอเป็นผู้จัดการแผนกของบริษัทที่มีชื่อเสียง อีกคนหนึ่งกล่าวว่าสามีของเธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองประธานบริษัท และบางคนกล่าวว่าคู่หมั้นของเขาเป็นหลานสาวของผู้บริหารธนาคาร

ส่วนมากคนที่นิ่งเงียบจะเป็นคนที่ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จอะไร

เพื่อนร่วมชั้นหญิงคนหนึ่งดูซีดเซียวเป็นพิเศษ เธอบอกว่าถูกพ่อแม่บังคับแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบและไม่มีความสุขหลังแต่งงาน

สามีของเธอเมาทั้งวัน เพื่อนร่วมชั้นบางคนเคยไปเยี่ยมเธอและพบเห็นรอยฟกช้ำตามร่างกายซึ่งเกิดจากความรุนแรงของครอบครัว

“ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือโทรหาฉัน…” เย่ฟ่านรู้สึกสงสารเพื่อนนักเรียนหญิงที่ขี้อายคนนี้

เขายังจำความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเธอได้ ในตอนที่ทุกคนแข่งกีฬาเธอมักจะเป็นคนที่หิ้วกระติกน้ำดื่มมาให้ทุกคนเป็นประจำ

เมื่อเห็นความจริงใจของเขาเธอจึงพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ

“เย่ฟ่านเรามาพูดเรื่องของนายกันก่อน … ” นักเรียนหญิงที่บอกว่าสามีของเธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองประธานบริษัทเริ่มบทสนทนาหลังจากที่เธอเมาได้ที่

“นายเห็นไหมว่าพัฒนาของหลิวหยุนจื่อราบรื่นแค่ไหนในตอนนี้”

นักเรียนที่นั่งอยู่โต๊ะนี้ต่างก็มองเย่ฟ่านพร้อมกันจากนั้นพวกเขาก็มองไปที่หลิวหยุนจื่อซึ่งอยู่ไม่ไกล กลุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะกับหลิวหยุนจื่อล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ประสบความสำเร็จทั้งสิ้น

“เย่ฟานแม้ว่าสิ่งที่ฉันพูดอาจจะดูแย่แต่ก็ถือว่าเป็นคำเตือนของเพื่อน ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัยนายอาจจะเป็นคนที่โดดเด่นแต่นายจะไม่มีอะไรเลยถ้านายไม่มีความขยันมากพอ”

ที่โต๊ะนี้นักเรียนชายที่บอกว่าคู่หมั้นของเขาเป็นหลานสาวของผู้บริหารธนาคาร A เริ่มสั่งสอนเช่นกัน

ในความเป็นจริงเพื่อนๆที่อยู่ในโต๊ะของหลิวหยุนจื่อบางคนไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรเลยในตอนที่พวกเขาเรียนอยู่ แต่หลังจากเรียนจบสถานการณ์มันก็เปลี่ยนไปแล้ว

เพื่อนร่วมชั้นหญิงบางคนที่กำลังเมาได้ที่หัวเราะออกมาแล้วบอกว่าแอบชอบเย่ฟ่านในตอนที่เรียนอยู่ ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกเสียดายมากที่ตอนนั้นปฏิเสธหลิวหยุนจื่อ

แม้ว่าทุกคนจะยังเป็นคนเดิม แต่เมื่อมาพบกันอีกครั้งอารมณ์ของพวกเขาก็แตกต่างจากเดิมไปแล้ว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset