Shrouding the Heavens อำพรางสวรรค์ – ตอนที่ 31 – หมดความอดทน

31 – หมดความอดทน

หลังจากกระโดดโลดเต้นด้วยความบ้าคลั่งอยู่นานเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นก็ลากโลงศพทองแดงกับลงไปในหลุมอีกครั้ง นี่เป็นคืนที่โหดร้ายเต็มไปด้วยความสยดสยองดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้หลับตานอน

วันรุ่งขึ้นดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้า และทุกคนก็ตื่นขึ้นทีละคน พวกเขาล้างหน้าในลำธารและเก็บผลไม้ป่ามากินเป็นอาหารเช้า

พวกเขาเดินทางมาหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่เคยหยุดฝีเท้า ในความคิดของทุกคนพวกเขาต้องการออกจากป่านี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตอนเที่ยงดวงอาทิตย์ลอยอยู่กลางท้องฟ้า ในเวลานี้ป่าด้านหน้าของพวกเขามีเสียงร้องของแมลงและเสียงคำรามของสัตว์ในบางครั้งแต่ไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าไหร่

“ที่นี่มีสัตว์ชนิดอื่น พวกเราน่าจะออกพ้นจากอาณาเขตของปีศาจตัวนั้นแล้ว”

“ตรงนั้นเป็นอาคารใช่หรือเปล่า”

ทันใดนั้นหวังจื่อเหวินก็ชี้ไปข้างหน้าของเขา มันเป็นภูเขาที่สูงมาก และมันก็ยังห่างไกลจากที่นี่หลายกิโลเมตร มันถูกคั่นด้วยยอดเขาหลายแห่งแต่พวกเขาก็ยังมองเห็นบางสิ่งบางอย่างได้

“มันเป็นอาคารจริงๆ!”

ทันใดนั้นทุกคนก็แสดงสีหน้าประหลาดใจหากพวกเขาเดินไปเรื่อยๆบางทีพวกเขาอาจจะไปถึงที่นั่นก่อนพลบค่ำก็ได้

“เฮ้ มีกระเรียนบินอยู่บนท้องฟ้า มีคนนั่งอยู่บนหลังกระเรียนด้วย…” ทุกคนอ้าปากค้างหรือนั่นจะเป็นดินแดนเซียนจริงๆ

เมื่อเห็นเช่นนี้ทุกคนก็เร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็ว

แต่ในเวลานั้นเย่ฟ่านก็สังเกตเห็นว่าหลิวอี้อี้มีสีหน้าคับแค้นดูเหมือนจะร้องไห้เขาจึงถามออกไปว่า

“เกิดอะไรขึ้น?”

“หวังเอี๋ยนหยิบสายประคำของฉันไปดูแล้วไม่ยอมคืนให้ …” หลิวอี้อี้รู้สึกผิดเล็กน้อยแต่น้ำเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธ

“เธออีกแล้วเหรอ เรื่องนี้ต้องถูกสั่งมาโดยหลิวหยุนจื่อแน่ๆ!” ผังป๋อก็รู้สึกโกรธเช่นกัน

หวังเอี๋ยนเป็นเพื่อนร่วมชั้นหญิงที่อยู่กับหลิวหยุนจื่อ เธอมักจะหาเรื่องพวกเย่ฟ่านอยู่ตลอดเวลา

เย่ฟ่านไม่พูดอะไรมากเขาเดินไปข้างหน้าแล้วจับแขนหลิวหยุนจื่อ พร้อมกับพูดว่า

“เอามา!”

“นายกำลังพูดเรื่องอะไร?” หลี่ฉางชิงถามโดยไม่แสดงจุดอ่อน

“ไร้สาระ เอาลูกประคำมา!” เย่ฟ่านมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ

“เอ่อ นายหมายถึงสิ่งนี้” หวังเอี๋ยนอธิบายว่า “ฉันเพิ่งเล่นไปซักพัก ต่อมาฉันรู้สึกชอบดังนั้นฉันจึงขอแลกกับอี้อี้โดยใช้ระฆังทองเหลืองของฉัน”

เย่ฟานหันกลับมามองหลิวอี้อี้พร้อมกับทุกคน

“ฉัน … ฉันไม่ได้แลกเปลี่ยนกับเธอ เธอหยิบลูกประคำของฉันไปและยัดระฆังนี้ใส่มือฉัน” หลิวอี้อี้รู้สึกผิดอย่างมากในขณะเดียวกันน้ำตาของเธอก็เริ่มไหลออกมา

“อี้อี้เธอพูดแบบนี้ได้ยังไง ก็เราตกลงกันแล้วว่าจะแลกเปลี่ยน” หวังเอี๋ยนกล่าว

“เอาคืนมา! อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”

ในขณะนี้เย่ฟ่านเหลือบมองหลิวหยุนจื่อ หวังเอี๋ยน หลี่ฉางชิงและกล่าวว่า

“ถ้าฉันหมดความอดทนเมื่อไหร่พวกนายจะลำบาก!”

หลี่ฉางชิงเดินไปข้างหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“นี่คือสิ่งที่หลิวยี่ยี่และหวังเอี๋ยนยินดีจะแลกกัน เย่ฟ่านนายจะสอดไปทุกเรื่องไม่ได้”

“พลั่ก!”

เย่ฟ่านไม่พูดอะไรมากท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนหลี่ฉางชิงกระเด็นกลับหลังไปมากกว่าสองเมตรและนอนหงายท้องอยู่ตรงนั้น

เขาล้มอยู่บนพื้นครู่หนึ่ง ด้วยความมึนงงและเจ็บปวดกว่าที่เขาจะลุกขึ้นได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร

“แก … “

แต่สิ่งที่เขาพบกลับเป็นสายตาเย็นชาของเย่ฟ่าน

“เอามา!” เย่ฟ่านตะคอกใส่หลิวหยุนจื่อและหวังเอี๋ยนอย่างดุร้าย

หลี่ฉางชิงพยายามลุกขึ้นยืน เขาโกรธมากดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งเข้าหาเย่ฟ่าน

น่าเสียดายที่เขายังไม่ได้แตะเสื้อผ้าของเย่ฟ่านด้วยซ้ำ เท้าของเย่ฟ่านยื่นกลับไปด้านหลังแล้วถีบเข้ากลางหน้าอกของเขาตรงๆ

หลี่ฉางชิงบินออกไปและไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกเลย

“เอามา!” เย่ฟานยังคงพูดเพียงสองคำนี้และสายตาของเขาเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ

คราวนี้หวังเอี๋ยนรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง เธอไม่กล้าสบตากับเย่ฟ่านแต่ถอยกลับมายืนอยู่ด้านหลังของหลิวหยุนจื่อก่อนจะพูดว่า

“ในเมื่ออี้อี้เปลี่ยนใจแล้วถ้าอย่างนั้นฉันคืนให้เธอก็แล้วกัน”

เธอถอดลูกประคำออกจากข้อมือแล้วยื่นให้เย่ฟ่าน แต่หลิวหยุนจื่อที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็จับแขนของเธอแล้วพูดว่า

“เย่ฟ่านนายไม่คิดว่าทำเกินไปเหรอ?” “

จนกระทั่งถึงตอนนี้หลี่ฉางชิงถึงกล้าลุกขึ้น เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและวิ่งกลับมาด้วยท่าทางดุร้าย

“ถ้ากล้าเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียวแกได้กระดูกหักแน่นอน” ผังป๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หลี่ฉางชิงก็หยุดเท้าและไม่กล้าเดินเข้าไปสอดแทรกระหว่างเย่ฟ่านและหลิวหยุนจื่อ

“ทำไมนายถึงทำอย่างนี้กับหลี่ฉางชิง?” หลิวหยุนจื่อถามเย่ฟ่าน

“นายตีฉันทำไม” หลี่ฉางชิงตะโกนอย่างโกรธจัด

“นายเคยตีแมงวันหรือเปล่า?”

เย่ฟานพูดคำเหล่านี้กับหลิวหยุนจือและสายตาของเขายังคงไม่มองไปที่หลี่ฉางชิง

“แก!”

ในขณะนี้แก้มของหลี่ฉางชิงบวมเป่งและเขาก็เจ็บปวดหน้าอกอย่างรุนแรง ในตอนนี้แม้แต่หลิวหยุนจื่อยังไม่อยู่ในสายตาของเย่ฟ่าน นับประสาอะไรกับตัวเขาที่เป็นคนอ่อนแอคนหนึ่ง

มือขวาของเย่ฟ่านยื่นออกไปด้านหน้าเพื่อจะเอาประคำของหวังเอี๋ยน หวังเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็ถอยหลังกลับมีท่าทีว่าจะไม่คืนลูกประคำอย่างแน่นอน

“เราทุกคนทราบดีว่าชีวิตของอี้อี้นั้นยากลำบากมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บุคลิกและความคิดของเธอเปลี่ยนไปไม่น้อย

เธออ่อนแอและไร้ความมั่นใจมาก บาดแผลอย่างนี้ต้องใช้เวลาในการสมาน แต่ตอนนี้พวกนายยังคิดจะรังแกเธอ ฉันยอมไม่ได้!” เย่ฟ่านเตือนหวังเอี๋ยนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อได้ยินคำพูดที่หนักหน่วงเช่นนี้ ใบหน้าของหวังเอี๋ยนก็ซีดเผือด เขินอาย และโกรธเคือง แต่เธอก็ยังถอยหลังกลับและไม่ยินยอมที่จะคืนลูกประคำให้

“เย่ฟ่านนายทำเกินไปแล้ว!” หลิวหยุนจื่อดูอึมครึม

คนอื่นๆต่างก็เฝ้าดูเหตุการณ์โดยไม่พูดอะไร เมื่อทุกคนคิดว่าเย่ฟ่านจะยอมถอยหลัง ทุกคนก็พบว่าเย่ฟ่านต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของหลิวหยุนจื่ออย่างรุนแรง

ในตอนนั้นเลือดไหลออกจากปากและจมูกของหลิวหยุนจื่อก่อนที่เขาจะทรุดลงกับพื้น

“แก … ” เขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่ฟ่านจะจัดการกับเขาด้วย

“การที่ฉันขี้เกียจใส่ใจคำพูดของนายก็ทำให้นายคิดว่าจะพูดอะไรจะทำอะไรก็ได้เหรอ” เย่ฟ่านถ่มน้ำลายลงกับพื้นแล้วถอยหลังกลับ

“เย่ฟ่าน รอก่อนเถอะฉันจะเอาคืนแน่!” หลิวหยุนจื่อกัดฟันพยายามลุกขึ้นยืน

“รออะไร!”

ผังป๋อวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเตะหลิวหยุนจื่อที่ท้อง

“จะให้รอใครรออะไร บอกมา!”

“บูม…”

เขาเตะไปหลายสิบครั้งติดต่อกัน ก่อนจะยกหลิวหยุนจื่อขึ้นและทุ่มลงกับพื้นอย่างรุนแรง

คนอื่นๆที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ และพวกเขาก็คิดว่าพวกของหลิวหยุนจื่อรนหาที่เอง

ในตอนนี้พวกเขาไม่รู้ตัวว่าอยู่ที่ไหน และพวกของเย่ฟ่านคือกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดดังนั้นจึงไม่มีใครต้องการขัดแย้งกับพวกเขา

“ทุกคนก็เห็นแล้ว…”

หลี่ฉางชิงยังไม่เข้าใจสถานการณ์และพยายามเรียกร้องความเห็นใจจากเพื่อนๆ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ผังป๋อก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม หลังจากหลิวหยุนจื่อถูกเตะจนไม่สามารถลุกขึ้นเขาก็ดูเหมือนจะพบกับเป้าหมายใหม่แล้ว

“ฉันเห็นแล้ว ฉันเห็นทุกอย่าง”

“บูม…”

เท้าใหญ่ของผังป๋อเหมือนเตะกระสอบทราย หลี่ฉางชิงกลิ้งไปกับพื้นแล้วกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset