Shrouding the Heavens อำพรางสวรรค์ – ตอนที่ 48 – ต้องเอาให้หนักกว่านี้

48 – ต้องเอาให้หนักกว่านี้

 

เย่ฟ่านและผังป๋อสายเกินไปที่จะหลบ ตราประทับเซียนนี้เร็วกว่าเส้นเชือกที่ถูกสร้างจากพลังศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป และพลังทําลายล้างของมันก็บดขยี้เข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว

 

ตราประทับสีฟ้านั้นมีขนาดเพียงเล็กน้อยเมื่อมันปรากฏขึ้น แต่ในพริบตามันก็ขยายขึ้นมีขนาดเท่าบ้านและสีเขียวก็ปกคลุมอยู่ด้านนอกของมันราวกับก้อนเมฆ

 

ภายใต้แรงกดดันมหาศาล เย่ฟ่านและผังป๋อรู้สึกเหมือนภูเขาขนาดใหญ่ได้ตกลงมาหาพวกเขาซึ่งยากที่พวกเขาจะต้านทานได้

 

“บูม”

 

ทั้งสองยกมือทั้งสองขึ้นและต้องการยกตราประทับสีฟ้าที่ตกลงมาซึ่งมันทําให้พื้นดินที่รองรับน้ําหนักของพวกเขา เกิดรอยแตกเหมือนกับใยแมงมุม

 

“บูม”

 

ตราประทับสั่นสะท้านในขณะที่มันก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเป็นเหมือนพระราชวังขนาดใหญ่

 

“ต่อให้เป็นก้อนหินที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ก็ต้องถูกเราผลักออกไปแล้ว นี่มันอะไรกันแน่?”

 

เฟ่านและผังป๋อรู้สึกว่าแขนของพวกเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเท้าของพวกเขาก็ทรุดลงอีกครั้ง ใต้เข่าทั้งหมดของพวกเขาจมลงไปที่พื้น และพื้นก็แตกออกเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่

 

“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าชอบปลูกต้นหอมหรอกหรือ? ในตอนนี้ข้าจะปลูกพวกเจ้าทั้งเป็น

 

ฮั่นเฟยหยูเดินไปข้างหน้าและกล่าวเยาะเย้ยทําให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่นในคําพูดของเขา

 

“บูม”

 

ตราประทับเซียนสั่นสะเทือนอีกครั้งและอากาศที่อยู่รอบๆก็เกิดความปั่นป่วน

 

เย่ฟ่านและผังป๋อได้รับความกดดันอย่างหนักและร่างกายของพวกเขาก็ทรุดลงอีกครั้ง คราวนี้ขาของพวกเขาจมลงไปในดินอย่างสมบูรณ์และเหลือเพียงร่างกายส่วนบนเท่านั้นที่โผล่ออกมา

 

“หรือเราจะถูกบดขยี้เป็นซอสเนื้อจริงๆ” ในสถานการณ์นี้เย่ฟ่านยังคงหยอกล้อกับผังป๋อเบาๆ

 

“ใจเย็นๆ อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าตายง่ายๆขนาดนั้น ” ฮั่นเฟยหยูเยาะเย้ย เขาไม่เคยโกรธแค้นถึงขนาดนี้มาก่อนดังนั้นเขาจึงต้องการทรมานพวกเย่ฟ่านให้ถึงที่สุด

 

ในขณะนี้ทั้งเย่ฟ่านและผังป๋อรู้สึกว่าแขนของพวกเขาชาเล็กน้อย หากสถานการณ์ยังคงเป็นไปเช่นนี้พวกเขาจะไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน

 

เย่ฟ่านกัดฟันและพยักหน้าไปที่ผังป๋อ เป็นความหมายว่าที่นี้เขาสามารถจัดการเอง ผังป๋อส่ายหัวเขากลัวว่าเปฟ่านจะถูกบดขยีเมื่อเขาปล่อยมือ

 

“ไม่มีเวลา ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

 

เย่ฟ่านกัดฟันและกล่าวออกมาอย่างยากเย็น แรงกดดันข้างบนนั้นมากเกินไป แม้ว่าเขาจะรีดเร้นพลังออกมาทั้งหมดแต่ก็ไม่สามารถทนได้แล้ว

 

ผังป๋อเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดี เขาจึงรีบออกไปจัดการฮั่นเฟยหยุ ไม่เช่นนั้นเย่ฟ่านและเขาคงหลีกเลี่ยงความตายไม่พ้น

ผังป๋อมีความเด็ดขาดเป็นอย่างมาก เขาปล่อยมือแล้วกระโดดออกจากหลุม

 

บูม”

 

ตราประทับเกิดความสั่นสะเทือนและมีแสงสีเขียวจางๆไหลเวียน แรงกดดันมหาศาลบดขยีเข้าหาเฟ่านและร่างกายของเขาก็จมลงไปในพื้นดินจนถึงหน้าอก

 

ผังป๋อพุ่งออกไปด้านหน้ารวดเร็วราวกับลูกธนูก่อนที่มือของเขาจะบีบเข้าหาฮันเฟยหยูเหมือนคีมสองอัน

 

ฮั่นเฟยหยูไม่คิดเลยว่าสองคนที่ถูกเขากดดันอย่างหนักจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้

 

“บูม”

 

ผังป๋อขี่ร่างของฮั่นเฟยหยูและเหวี่ยงหมัดลงไปราวกับรัวกลอง

ผู้ชมต่างที่เห็นเหตุการณ์ตอบก็ตกใจและไม่คิดว่าผังป๋อจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วถึงขนาดนี้

 

แม้ว่าฮั่นเฟยหยูจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับผังป๋อแต่อย่างไรก็ตาม เขาได้ฝึกฝนต้นกําเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์แล้ว ซึ่งสามารถระดมแก่นแท้มาห่อหุ้มร่างกายได้อย่างรวดเร็ว

 

แม้ว่ากําปั้นของผังป๋อจะทุบลงมาอย่างแรง แต่เขาก็ไม่ได้ถูกทําร้ายเขามากนัก และริมฝีปากของเขาก็มีเลือดไหลออกมาเพียงเล็กน้อย

 

แต่ถึงอย่างนั้นฮั่นเฟยหยูก็มีดวงตาแดงก่ําเช่นกัน ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยทุบตีขนาดนี้มาก่อน พลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในร่างกายของเขากระแทกผังป๋อให้ปลิวออกไป

 

จากนั้นลวดลายศักดิ์สิทธิ์ที่เหมือนโซ่หลายอันก็ถูกยิงออกมาจากทะเลแห่งความทุกข์ของเขาและพวกมันส่องแสงเจิดจ้า และรัดไปที่ลําคอผังป๋อ

 

ผังป๋อรีบหลบก่อนจะยกหินก้อนใหญ่ขึ้นมาป้องกันตัว

 

“ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”

 

ฮั่นเฟยหยูใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง และพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บริเวณท้องน้อยของเขาก็ยิงเข้าหาผังป๋อเหมือนกับสายฟ้าหลายเส้น

 

“บูม”

ในขณะนี้ตราประทับสีฟ้าก็ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบและเย่ฟ่านก็ผลักมันออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ฝ่าเท้าของเขาจะมุ่งเข้าหาใบหน้าของฮั่นเฟยหยู

 

เย่ฟ่านเป็นเหมือนสายฟ้าร่างกายของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทําให้ทุกคนที่อยู่รอบๆมองเห็นเพียงภาพติดตาที่เขาทิ้งไว้เท่านั้น

 

ใบหน้าของฮั่นเฟยหยูเปลี่ยนสีและรีบหยุดการโจมตีผังป๋อ เขาพยายามกู้คืนพลังของตราประทับเพื่อทําการสังหารทั้งสอ งคนอีกครั้ง

 

แต่ความเร็วของเย่ฟ่านนั้นเร็วเกินไป เมื่อฮั่นเฟยหยูเพิ่งควบคุมตราประทับเซียนได้อีกครั้ง ฝ่าเท้าของเก่ฟ่านก็เตะเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง

 

เลือดสีแดงถ้ําทะลักออกจากปากและจมูกของฮั่นเฟยหยู ร่างของเขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงกว่า 20 วาก่อนที่จะกระแทกลงพื้นอย่างหนัก

 

เฟ่านไม่ได้หยุดความเคลื่อนไหวร่างของเขาหายวับไปเป็นเส้นแสงและก่อนที่ฮั่นเฟยหยูจะสามารถลุกขึ้นยืน เท้าของเย่ฟ่านก็เหยียบลงไปที่หน้าอกของเขาอย่างรุนแรง

 

เกือบในเวลาเดียวกันผังป๋อก็มาถึงแล้ว และเท้าของเขาก็อัดเข้าไปที่หน้าท้องของฮั่นเฟยหยูอย่างหนัก

 

“แตะที่หัวอย่าให้มันหลุดจากความมีนงง!” เย่ฟ่านพ่นลมหายใจเย็นชา

 

ผังป๋อเข้าใจทันทีว่าหากสั่นเฟยหมูสามารถควบคุมตราประทับได้อีกครั้งพวกเขาจะพบเจอกับหายนะอย่างแน่นอน

 

“บูม”

 

ทั้งสองมีพลังมหาศาลและเท้าของพวกเขาก็บดขยื้อย่างหนักเข้าใส่ศีรษะของฮั่นเฟยหยู แม้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์จากทะเลแห่งความทุกข์ของฮั่นเฟยหยูจะปกป้องเขา แต่เขาก็ยังได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

 

คนรอบข้างต่างก็ตกตะลึง พวกเขาทั้งสองคนถูกปราบปรามจนมีสภาพย่ําแย่ แต่สุดท้ายพวกเขาก็สามารถพลิกวิกฤตได้ และตอนนี้กําลังทุบตีฮั่นเฟยหยูจนกระอักเลือดไม่หยุด

 

“เด็กน้อยทั้งสองคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ ไม่รู้ว่าเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน!”

 

ในเวลานี้ทั้งสองยังคงเปลี่ยนกันเตะที่ศีรษะของฮั่นเฟยหยูไปเรื่อยๆ ภายใต้การเตะของพวกเขาแสงที่ปกคลุมร่างกายของฮั่นเฟยหยูก็เริ่มมืดสลัวลงอย่างรวดเร็ว

 

ฮั่นเฟยหยูต้องการควบคุมตราประทับเซียนอีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองมันก็สูญสลายไปอย่างรวดเร็วภายใต้ฝ่าเท้าที่เตะเข้ามาอย่างหนักหน่วง

 

ตอนนี้เขาถูกเหยียบย่ําจนไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้

 

ในท้ายที่สุดฮั่นเฟยหยูหมดสิ้นเรี่ยวแรงและพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในทะเลแห่งความทุกข์ของเขาก็ไหลทะลักออกมาโดยไม่สามารถควบคุมได้

 

ภายใต้การโจมตีของพวกเย่ฟ่านเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา

 

“เจ้าเปิดทะเลแห่งความทุกข์แล้วในขณะเดียวกันเจ้าก็สามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์และเป็นถึงระดับปรมาจารย์ เหตุไฉนเจ้าจึงหาเรื่องเรา?!”

 

“พวกเราไม่เคยมีความขัดแย้ง ไม่มีความเกลียดชัง ทําไมเจ้าถึงมุ่งเป้ามาที่เรา?”

 

“เจ้าอายุเพียงเท่านี้แต่มีจิตใจชั่วร้ายมากเกินไป ไม่สามารถเอาไว้ได้”

 

เฟ่านและผังป๋อยังคงเปลี่ยนกันเตะอย่างไร้ความปราณี เพราะกลัวว่าฮั่นเฟยหยูจะแกล้งทําเป็นหมดสภาพเพื่อลอบโจมตีพวกเขาอีกครั้ง

 

ในไม่ช้าใบหน้าของฮั่นเฟยหยูกบวมเป่ง น้ําหูน้ําตาของเขาไหลออกมารวมถึงเลือดที่ทะลักออกจากปากของเขาไม่หยุด และในตอนนี้ศีรษะของเขาก็บวมเหมือนหัวหมู

 

แม้ว่าฮั่นเฟยหยูจะทนความเจ็บปวดอันรุนแรงนี้ได้ แต่เขายังคงกรีดร้องออกมาไม่หยุด ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ทั้งสองคน เต็มด้วยความโกรธแค้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

 

“ดูสายตาของเขาสิ ดูเหมือนว่าพวกเราต้องสั่งสอนให้หนักขึ้นอีก”

 

“ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นเขาจะเติบโตไปเป็นคนที่ชั่วร้ายจนแก้ไขไม่ได้ หากไม่มีทางเลือกอื่นพวกเราคงต้องฆ่าเขาจริงๆ”

 

เมื่อได้ยินการสนทนาที่แผ่วเบาเช่นนี้ ในที่สุดฮั่นเฟยหยูก็มีใบหน้าซีดเผือดและรีบตะโกนขึ้นว่า

 

“อย่าฆ่าข้า…” เมื่อเห็นเย่ฟ่านและผังป๋อดูเหมือนจะหยุดความเคลื่อนไหวเขาก็กระซิบออกมาเบาๆว่า

 

“อย่าฆ่าข้า ลุงของข้าเป็นผู้อาวุโสของหลิงซูตงเทียน ถ้าเจ้าฆ่าข้า เจ้าจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset