Shrouding the Heavens อำพรางสวรรค์ – ตอนที่ 9 แหล่งกำเนิดแสง

“เราอยู่ที่ไหนฉันอยากกลับบ้าน…” เพื่อนนักเรียนหญิงบางคนร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้

“แท่นบูชาห้าสีอีกแห่ง…”

ผังป๋อและเย่ฟ่านยืนอยู่ด้วยกัน ทั้งสองชำเลืองมองกันและกัน แล้วส่ายหัวอีกครั้ง พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ตอนนี้ทั้งคู่รู้สึกว่าสถานการณ์กำลังย่ำแย่ ทุกตัวแปรอาจส่งผลให้พวกเขาได้รับอันตราย

และในเวลานี้คนอื่นๆก็เพ่งมองไปที่ดินแดนอันรกร้างว่างเปล่าด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนกและเป็นกังวล

โลงศพทองแดงขนาดใหญ่ทรุดตัวอยู่ข้างหลังพวกเขา และใต้โลงศพทองแดงมีแท่นบูชาหินห้าสีที่งดงามคล้ายกับแท่นบูชาขนาดยักษ์ที่พบในเขาไท่ซาน

แท่นบูชาหินห้าสีครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่มาก แท่นบูชานี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่มาก แต่มันกลับจมลงไปใต้พื้นดินนั่นแสดงให้เห็นถึงระยะเวลาอันยาวนานที่มันดำรงอยู่

ไม่เพียงแค่โลงศพทองแดงขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนแท่นบูชา แต่ยังมีซากมังกรขนาดใหญ่เก้าตัวก็อยู่ตรงนั้นเช่นกัน คุณสามารถจินตนาการถึงความงดงามของแท่นบูชาหินห้าสีได้

“เราหลงทาง หาทางกลับไม่พบ”

เพื่อนนักเรียนหญิงที่เปราะบางร้องไห้ออกมาหากว่าไม่มีใครประคองเธออยู่บางทีเธออาจจะล้มลงไปแล้ว

หลายคนหน้าซีด ในตอนนี้ทุกคนคิดถึงความเป็นไปได้ และภาพตรงหน้าก็เหมือนกับโลกที่แปลกประหลาด พวกเขาไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงนี้แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้

“อย่าตกใจ ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวมันก็มีทางแก้” เย่ฟ่านตะโกนเสียงดัง

“จะแก้ยังไง เราจะกลับยังไง จะ … ออกจากโลกที่แปลกประหลาดนี้ได้อย่างไร”

แม้ว่าเสียงของเพื่อนนักเรียนชายบางคนก็กำลังสั่นคลอนอยู่ในขณะนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัวและความไม่สบายใจอย่างแรง

พวกเขามาถึงดินแดนรกร้างไร้ผู้คนที่ไม่ใช่โลกใบเดิมของพวกเขา แล้วพวกเขาจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร

เย่ฟ่านและผังป๋อหลีกเลี่ยงซากมังกรขนาดใหญ่ทั้งเก้าตัวและเดินไปข้างหน้า อยากเห็นสถานการณ์ในบริเวณใกล้เคียง

หลี่เสี่ยวม่านอยู่ไม่ไกลดูเหมือนเย็นชาเล็กน้อย ใบหน้างดงามซีดเซียวไปหมดแต่ก็ยังดูสงบมาก เหมือนดอกบัวงามผลิบานในความมืด

เย่ฟ่านถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองแล้วส่งต่อให้เธอ แต่เธอเพียงแค่กล่าวขอบคุณ แล้วส่ายหัวและปฏิเสธ

เย่ฟ่านไม่พูดอะไรมาก เขาสวมเสื้อคลุมของเขาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับผังป๋อ พวกเขาข้ามศพมังกรขนาดใหญ่และโลงศพทองแดงเพื่อไปอีกฝั่งหนึ่ง

พวกเขาเห็นว่าแคปิต้าเพื่อนชาวอเมริกันของหลี่เสี่ยวม่านกำลังสังเกตสถานการณ์ในบริเวณใกล้เคียงและส่งเสียงอุทาน “พระเจ้า” ปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว

มีหินก้อนใหญ่อยู่ไม่ไกลจากแท่นบูชาหินห้าสี มันมีความสูงมากกว่า 20 เมตร แต่ไม่ชันมากและสามารถปีนขึ้นไปได้

เย่ฟ่านสูงประมาณหนึ่งเมตรเจ็ดสิบเก้า(ไม่รู้จะประมาณทำไม) แม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูเรียบๆแต่ในความเป็นจริงเขาเป็นคนที่ป่าเถื่อนพอสมควร ในช่วงที่เรียนอยู่เขาอยู่ในชมรมรักบี้และเป็นถึงกัปตันทีม

ผังป๋อมีรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่แต่ไม่อ้วน เขาแข็งแรงมากแค่แขนข้างเดียวของเขาก็หนากว่าขาของคนทั่วไปแล้ว

ทั้งสองมีร่างกายที่ยอดเยี่ยม พวกเขาจึงสามารถปีนขึ้นไปบนก้อนหินก้อนใหญ่นั้นได้อย่างง่ายดาย

เมื่อยืนบนก้อนหินและมองออกไปไกลๆพวกเขาก็เห็นแสงจางๆ ส่องออกมาจากความมืด ซึ่งทำให้ทั้งสองคนประหลาดใจเล็กน้อย

“พวกเราไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว”

เมื่ออยู่ด้วยกันกับเพื่อนรักเย่ฟ่านจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างในใจของเขาถูกระบายออกมา

“แค่มองดูก็รู้แล้วว่านี่ไม่ใช่โลกของเรา”

“นี่ไม่ใช่โลกของเราจริงๆ”

แม้ว่าผังป๋อจะมีสีหน้าเรียบเฉยไร้กังวลแต่เมื่อมองเห็นสถานการณ์ตรงหน้าเขาก็ต้องยอมรับความจริงข้อนี้

“เจ้าคิดว่าโลกนี้มีเทพเจ้าหรือเปล่า”

เย่ฟ่านยังจ้องมองไปที่แสงที่ลุกโชนอยู่ไกลๆ โดยกล่าวว่า

“มังกรก็อยู่ตรงหน้าเราแล้ว ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องแปลกสักนิด”

“สิ่งมีชีวิตของโลกนี้จะเป็นแบบไหนกันนะ” ผังป๋อกระซิบ

แคปิต้าที่ปีนขึ้นมาด้วยกันก็ส่งเสียงตะโกนไม่หยุด

“โอ้พระเจ้าผู้ทรงเมตตา … นั่นคือแสงนำทางของพระองค์หรือเปล่า”

เขาพูดเป็นภาษาจีนที่ไม่ค่อยคล่องจากนั้นหันหลังกลับและโบกมือให้หลี่เสี่ยวม่านในฝูงชน

“ฉันเห็น … ไบรท์!” จากนั้นเขาก็ปีนจากก้อนหินเพื่อให้ขึ้นไปสูงกว่านี้

เสียงตะโกนของเขาทำให้เกิดความสับสนขึ้นในทันใด และหลายคนก็วิ่งมาที่นี่

ผังป๋อมองไปที่หลี่เสี่ยวม่านและเคด(หลังจากนี้ต้นฉบับจะใช้ชื่อนี้ตลอด) จากนั้นก็หันมาพูดกับเย่ฟ่านว่า

“ปีศาจต่างชาติเป็นแฟนเสี่ยวม่านหรือเปล่า”

“ฉันจะรู้ได้ยังไง”

“ยอมแพ้แบบนี้จริงๆเหรอ” ผังป๋อเหลือบมองเขา

“บางสิ่งแม้เริ่มต้นจากศูนย์ได้ แต่ก็ยากที่จะหวนคืนสู่จุดเดิม คนเราไม่ควรยึดติดกับอดีตเราควรมองไปข้างหน้า “เย่ฟ่านแล้วดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้จึงหันมายิ้มและกล่าวว่า

” แล้วนายล่ะเลิกใช้ชีวิตกลางคืนหรือยัง “

“นั่นมันชีวิตของฉันฉันจะเลิกได้ยังไง”

พูดจบพวกเขาก็หัวเราะออกมา ในเวลานี้คงมีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ยังสามารถผ่อนคลายในสถานการณ์แบบนี้ได้

เพื่อนร่วมชั้นหลายคนปีนขึ้นมาบนก้อนหินแล้วมองไปยังแสงที่อยู่อีกฟากหนึ่งของดินแดนรกร้าง

แสงสลัวราวกับหิ่งห้อยแวบวับ ทะลุผ่านพื้นที่มืดครึ้มมาถึงดวงตาของทุกคน แม้แสงระยิบระยับพวกนี้จะมีขนาดเล็กแต่มันก็จุดประกายความหวังให้กับพวกเขา

แสงมันอยู่ข้างหน้าแม้ว่ามันอาจจะเป็นอันตรายต่อพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังต้องไปเพราะบางทีที่นั่นอาจจะเป็นชุมชนของสิ่งมีชีวิต

“อย่าทำให้เราผิดหวัง”

“หวังว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น”

หลายคนเริ่มสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้า

“ทุกอย่างที่นี่แปลกมากสำหรับเรา แม้ว่าจะมีแสงอยู่ข้างหน้าก็ควรระมัดระวัง” หวังจื่อเหวินระมัดระวังมากขึ้นและกล่าวเสนอแนะออกมา

โจวยี่สงบมาก เขาพยักหน้าและพูดว่า

“ใช่ พวกเราควรส่งทีมสำรวจออกไปก่อนเพื่อป้องกันอันตรายกับคนหมู่มาก ดังนั้นขออาสาสมัครด้วย”

ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าไม่ควรจะเดินทางไปข้างหน้าพร้อมกันทั้งหมดเพราะมันอาจจะมีอันตรายเกินไป

“บูม”

ทันใดนั้น เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นและโลงศพทองแดงบนแท่นบูชาห้าสีก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ฉันรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรจะออกมาจากโลงศพนั่น” เพื่อนนักเรียนหญิงที่อยู่ใกล้กับโลงศพทองแดงพูดด้วยเสียงสั่นสะท้าน

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามีโลงศพทองแดงอีกอันอยู่ในโลงศพทองแดงขนาดใหญ่ เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าภายในโลงศพทองแดงที่เล็กกว่านั้นมีอะไรอยู่ข้างในกันแน่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset