Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 124

ตอนที่ 124 หนึ่งร้อยเมตรแห่งความเป็นและความตาย

“ช่างหัวกวนฉีสิ!” หนึ่งในลูกน้องตระกูลหม่าโวยวาย “เขาถูกจับตัวไปแล้ว! ยังไงนายก็ไม่มีทางช่วยมันได้หรอก! ทางที่ดีรีบหนีไปจากที่นี่ซะ!”

“แม่งเอ๊ย!” ความโกรธแค้นแล่นเข้ามาในความรู้สึกแมวเฒ่าทันที เขาหันหลังกลับและพยายามมุ่งหน้าไปยังหอพัก

“กลับมา!” ฉินอวี่ตะโกนลั่น “ถึงเข้าไปตอนนี้ก็ทําอะไรไม่ได้!”

คนจากตระกูลหม่าวิ่งเข้าไปลากตัวแมวเฒ่าให้หนีไปด้วยกันโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะขัดขืนหรือไม่

เวลาผ่านไปไม่นาน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทางแยกในตรอก หยงตงมองสํารวจรอบๆ ครู่หนึ่งแต่ด้วยไม่คุ้นเคยเส้น

ทางที่นี่ จึงชี้ไปยังจุดหมายระยะไกลพร้อมตะโกน “เราจะไปเนินเขาทางซ้าย!”

“ไป!”

ฝูงชนรีบมุ่งหน้าไปยังทางซ้ายทันที่ที่ได้รับการตอบรับจากเฒ่าหม่าและฉินอวี่

หลังจากวิ่งมาไม่นาน พวกเขาก็มาถึงทางขึ้นเนินเขา แต่ภาพที่เห็นในเวลาต่อมากลับทําให้ทุกคนตกตะลึง

ภาพตรงหน้าคือตรอกยาวไม่กี่ร้อยเมตร ด้านซ้ายมือคือกําแพงด้านหลังของโรงแรมสองชั้น และด้านขวาเป็นกําแพงของซูเปอร์มาร์เก็ต แต่กําแพงเหล่านั้นสูงเกินไปและพวกเขาไม่มีเวลามากพอให้ปีนข้ามจึงต้องวิ่งผ่านเท่านั้น

“แม่งเอ๊ย!” หยงตงสบถด้วยความขุ่นเคือง “แม้แต่สวรรค์ยังเข้าข้างพวกมัน!”

“เราถอยไม่ได้แล้ว! หลับหูหลับตาวิ่งไปข้างหน้าซะ!” เพื่อนหยงตงกล่าว “ไป!”

ทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนรีบวิ่งไปยังท้ายตรอก

หยงตง ชายหัวโล้น และเหล่าลูกน้องวิ่งผ่านระยะทาง ประมาณสองร้อยเมตรจนมาถึงตรอกภายในพริบตา เมื่อพบกําแพงสูงตรงหน้า พวกเขาก็รู้สึกตะลึงเช่นกัน

“โอกาสของเรามาถึงแล้ว!” ชายหัวโล้นเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ก่อนตะโกนพร้อมโบกมือ “พวกแกสิบคนไปข้างกําแพงกับฉัน! ส่วนคนที่เหลือยิงพวกมันจากกลางตรอก!”

หลังจากออกคําสั่ง ชายหัวโล้นนําลูกน้องวิ่งเลียบไปทางด้านขวาของกําแพงเข้าไปในตรอกอย่างรวดเร็ว

จากนั้นวิ่งไปทางซ้ายเพื่อตามกลุ่มของหยงตง แต่หนึ่งในลูกน้องวิ่งไปคว้าตัวหยวนหัวไว้พร้อมกล่าวอย่างกังวล “อย่าไปเลยครับ!”

“ปล่อย!” ดวงตาหยวนหัวเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาสะบัดมือลูกน้องที่อยู่ด้านหลังออกก่อนพุ่งไปด้านหน้าพร้อมตะโกนเสียงดัง “ยิง!”

“ปัง! ปัง! ปัง!”

ลูกน้องหยวนหัวกว่าสิบคนยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าตรอกแคบๆ พร้อมกับกระหนํายิ่งไปยังกลุ่มคนของตระกูลหม่า

เมื่อเสียงปืนดังขึ้น ลูกน้องของตระกูลหม่าที่วิ่งอยู่ด้านหลังสุดของกลุ่มถูกยิงก่อนที่หนึ่งในนั้นจะล้มลงกับพื้น

“คนที่มีปืนยิงสกัดพวกมันไว้ ไม่งั้นพวกเราไม่รอดแน่!” แมวเฒ่าตะโกนพร้อมหันกลับไปยิงศัตรู

“เป่าหลง!”

“ช่วยเขา!”

ความโกลาหลเกิดขึ้นภายในตรอก เสียงโห่ร้องดังทั่วบริเวณ ลูกน้องตระกูลหม่าพยุงร่างพี่น้องที่ล้มลงให้ลุกขึ้นขณะเพื่อนของหยงตงหันกลับไปยิงตอบโต้

“วางปืนบนไหล่คนด้านหน้าแล้วยิงพวกมัน! ยิง!”

“ปัง! ปัง!”

เนื่องด้วยศัตรูมีอาวุธปืนจํานวนมาก ทําให้กระสุนจึงมีเยอะกว่ามากเช่นกัน เพื่อนของหยงตงสามารถซื้อเวลาได้ เพียงชั่วครู่ก่อนหนึ่งในนั้นจะโดนกระสุนเจาะทะลุศีรษะจน ล้มลงกับพื้นพร้อมเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว

ระหว่างนั้น กลุ่มของหยวนหัวฉวยโอกาสนี้เขยิบเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น

ตอนนี้ทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบเมตร พวกเขากระหน่ำยิงกันและกันอย่างบ้าคลั่ง ลูกน้องตระกูลหม่าที่เพิ่งถูกพยุงขึ้นจากพื้นโดนยิงเข้าอีกหลายนัดจนล้มไปกองกับพื้นเหมือนเดิม

“กูมาที่นี่เพื่อเด็ดหัวพวกมึง!” หยวนหัวคําราม “ถ้าถึงคนไหนวางปืนลง อย่าหวังว่าถึงจะมีชีวิตรอด!”

หลังจากเฒ่าหม่าที่อยู่ด้านหน้ากลุ่มเห็นลูกน้องของตน ล้มลงกับพื้น เขาจึงผลักฉินอวไปด้านข้างพร้อมตะโกน “วิ่งต่อไป ฉันจะหยุดพวกมันเอง!”

“อาหยุดมันไม่ได้หรอก!” ฉินอวี่ตะโกนพร้อมคว้าแขนเฒ่าหม่า “อากําลังเอาชีวิตไปทิ้ง! วิ่งต่อไปเถอะ!”

ขณะเดียวกัน แมวเฒ่าคํารามด้วยความโมโหพร้อมผลักเฒ่าหม่าไปด้านหน้า “ถ้าวันนี้ลุงรอดพรุ่งนี้พวกมันจะเป็นฝ่ายที่ต้องชดใช้ด้วยชีวิต! วิ่ง!”

กลุ่มหยวนหัวไล่ตามตระกูลหม่าได้ทันก่อนที่ผู้บาดเจ็บของอีกฝ่ายจะลุกขึ้นและวิ่งหนีอีกครั้ง

“อย่าขยับ! ทิ้งปืนซะ!”

“ยกมือขึ้น!”

ชายฉกรรจ์ออกมาจากทั้งสองฝั่งของกําแพงพร้อมยกปีนขึ้นจ่อหัวเขา

“ไปตายซะไอ้พวกเวร! ฉันยอมตายดีกว่าถูกพวกแกจับตัว!” ลูกน้องเฒ่าหม่ายกปืนขึ้นยิงอีกฝ่ายทันที

“ปัง! ปัง! ปัง!”

การดวลปืนในระยะประชิดก่อให้เกิดการนองเลือดและความโหดร้าย ชายหัวโล้นถูกยิงเข้าที่แขนซ้าย แต่ในทางกลับกันคนของตระกูลหม่าถูกยิงหลายสิบนัดจนร่างพรุน ขณะที่ดวงตาของเขายังคงจ้องมองผู้คนที่ยืนล้อมรอบก่อนหมดลมหายใจ

“อย่าใส่ใจ ตามพวกมันไป!” หยวนหัวตะโกนพร้อมวิ่งไปข้างหน้า

ชายหัวโล้นยืนพิงกําแพงและจับบาดแผลบริเวณแขนซ้าย พร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนพึมพําออกมา “มีบางอย่างผิดปกติ”

“มีอะไรเหรอครับ?” ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างถาม

“นายไม่คิดเหรอว่ามันแปลก?” ชายหัวโล้นถามกลับขณะเหงื่อไหลลงจากหน้าผาก “มีใครเห็นสิ่งจื่อห่าวไหม?”

ทุกคนต่างตกตะลึง

“จริงด้วยครับ ผมไม่เห็นสิ่งจื่อห่าวมากับพวกมัน!”

“เขาไม่อยู่ข้างหน้าและไม่ได้หนีไปกับไอ้เฒ่าหม่าด้วยครับ”

ใบหน้าชายหัวโล้นซีดเผือดหลังจากพูดจบก่อนพึมพําด้วยความกังวล “ฉันหวังว่าเขาจะถูกทิ้งไว้ที่เฟิงเปย ไม่ก็อาจจะหนีไปได้…แต่ขออย่าให้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลยล่ะกัน ช่างเถอะ! คนที่เหลือไล่ตามพวกมันเร็วเข้า!”

หลังจากนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ทุกคนจึงแยกย้ายกันวิ่งไล่ตามศัตรู

ณ ตรอกยาว ฝ่ายของฉันอวสูญเสียกําลังคนไปมากกว่าครั้งภายในเวลาไม่ถึงสามสิบวินาที

ขณะนี้ทางขึ้นเขาปรากฏอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ปืนกลับไม่มีกระสุนเหลืออยู่เลย พวกเขาจึงต้องรีบร้อนออกจากตรอกด้วยความอยากมีชีวิตรอด

“กริ้ง!”

เสียงโทรศัพท์ฉินอวี่ดังขึ้นขณะวิ่ง เขาส่ายศีรษะพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบราวกับลําคอถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ “อะ..อาหม่า โทรศัพท์รับโทรศัพท์แทนฉันที่!”

เฒ่าหม่าคลําหากระเป๋าฉินอวี่และล้วงโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันได้กดรับ อีกฝ่ายก็วางสายไปเสียแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น? ให้ฉันโทรกลับไหม?” เฒ่าหม่าเอ่ยถาม

“มะ…ไม่ต้อง เขาเห็นเราแล้ว!” ฉินอวี่ตอบพลางหอบหายใจ “วิ่งไปทางตีนเขา ตะ…ตราบใดที่เข้าไปในปาได้ พวกเราก็จะรอด”

“ใครเห็นเรา?!” แมวเฒ่าถามอย่างกระวนกระวายขณะวิ่งอยู่ด้านหลัง

ป้ายข้อความ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ” ตั้งอยู่ด้านขวาของถนนเส้นจุดเติมสินค้าเวิ่งหนาน

ด้านในรถจี๊ปที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียง มีชายหนุ่มสองคนสวมเสื้อขนสัตว์ตัวหนาและกางเกงขี่ม้ากําลังกระโดดลงจากรถ พวกเขาสวมรองเท้าบูตหนังพร้อมวิ่งแบกกระสอบยาวหนึ่งเมตรไว้บนหลัง

ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งบนเบาะผู้โดยสารกําลังยกวิทยุสื่อสารขึ้นมาและเรียกเสียงตามสาย “เสียงปืนดังใกล้เข้ามาแล้ว นายได้ยินไหม?”

“ตอนนี้เสียงปืนดังขึ้นทางห้านาฬิกา คาดว่าน่าจะอยู่ตรงเชิงเขา” ชายหนุ่มอีกคนตอบกลับผ่านวิทยุสื่อสาร “ถ้าฟังจากเสียงปืนพวกเขาคงมาเป็นกลุ่ม และทั้งสองฝ่ายน่าจะ ยิงตอบโต้กันมาก่อนแล้วนะ แต่ว่ามันดูเหมือนเป็นการไล่ล่า ฝ่ายเดียวมากกว่า เพราะจํานวนคนอีกฝ่ายอยู่ที่ประมาณสิบคน ส่วนอีกกลุ่มที่มีไม่กี่คนกลับยืนยิงอยู่กับที่”

“อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว รอกําลังเสริมก่อน!” ชายหนุ่มออกคําสั่งพร้อมขมวดคิ้ว

“ครับ!” น้ำเสียงเรียบเฉยดังผ่านวิทยุสื่อสารก่อนอีกฝ่ายตอบกลับ

ชายหนุ่มบนรถจี๊ปชี้ไปทางด้านขวาพร้อมกล่าว “ปิดไฟหน้าแล้วขับไปทางนั้น”

“เสียงรถเราดังมากเลยนะครับ มันจะดีเหรอถ้าเราเข้าใกล้พวกเขามากกว่านี้?” คนขับรถเอ่ยถาม

“เสียงปืนของฝั่งผู้ล่าไม่สม่ำเสมอ ฉันเลยคิดว่าพวกมันน่าจะเป็นอันธพาลข้างถนนหรืออะไรสักอย่าง” ชายหนุ่มตอบพร้อมส่ายศีรษะ “พวกมันก็แค่สวะไร้ค่า เข้าไปกําจัดมันซะ!”

ในขณะเดียวกัน

ภายในตรอก หยวนหัว ชายหัวโล้น และคนอื่นๆ วิ่งมาถึงท้ายตรอกเช่นกัน พวกเขายืนอยู่ข้างถนนพร้อมยกปืนขึ้นยิงกลุ่มฉินอวี่

“ปัง! ปัง!”

แมวเฒ่าสะดุดก้อนหินจนล้มลงกับพื้นขณะวิ่งหาที่กําบัง

ฉินอวี่หันกลับมาประคองแมวเฒ่าและพาไปหลบด้านหลังหินก้อนใหญ่อย่างไม่ลังเล

“ปัง! ปัง! ปัง!”

กระสุนถูกสาดมาไม่ขาดสาย แมวเฒ่าเข้าไปหลบหลังก้อนหินขนาดใหญ่สําเร็จ แต่ฉินอวี่ถูกยิงเข้าที่แผ่นหลังอีกหนึ่งนัดจนเลือดสาดกระเซ็น

“ฉินอวี่!” แมวเฒ่าคํารามพร้อมเบิกตากว้าง

ภายในรถ ชายหนุ่มได้ยินเสียงตะโกนของแมวเฒ่าไม่ชัดนัก เขาจึงหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาและเอ่ยถามทันที “มันตะโกนหาใคร?”

“ฉินอวี่!”

“ไอ้พวกเวรนั่น!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดัง “สํารวจพื้นที่และค้นหาต้นเสียงว่ามาจากไหน เร็ว!”

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset