Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 129

ตอนที่ 129 พาณิชยกรรมใต้โต๊ะ

มณฑลเฟิงเป่ย

บนถนนแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสนามฝึกทหารประมาณห้ากิโลเมตรมียานพาหนะจอดอยู่ริมถนนหลายคัน ชายแปดคนรวมกลุ่มกันรอบต้นไม้ต้นเล็กๆ และขุดดินอย่างขะมักเขม้น

พวกเขาใช้พลัวโกยหิมะออกจากหลุมอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปครู่หนึ่งร่างแข็งที่อของชายสวมชุดทหารสีเขียวก็เด่นชัดขึ้นมา

ผู้คนต่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ชายคนหนึ่งกระโดดลงไปในหลุมก่อนแหวกเสื้อคลุมออกเพื่อยืนยันตัวตน รอยย่นหลายเส้นปรากฏขึ้นบนหน้าผากทันที เขารีบตื่นข่มความพะอืดพะอมแล้วหันไปสั่งการ “นําร่างเขาขึ้นไป แจ้งท่านประธานสิ่งด้วยว่า…เราพบเขาแล้ว”

สองนาทีต่อมา กลุ่มคนจึงยกศพที่ถูกห่อด้วยเสื้อคลุม ทหารขึ้นมาวางไว้ข้างหลุม

ประตูรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ริมถนนเปิดกว้างพร้อมประธาน สิ่งและลูกชายคนรองที่เดินลงมาโดยเร็ว ชายวัยกลางคนยกมือชี้ศพดังกล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด “หะให้ฉันดูหน้าเขาที”

ชายคนหนึ่งก้มลงงัดเสื้อคลุมทหารให้แหวกออก

ใบหน้าที่เปิดเผยต่อสายตานั้นม่วงซ้ำเนื่องจากสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง เลือดทั้งหมดแข็งตัว อวัยวะภายในทะลักออกมาด้านนอก ถึงศพไม่เน่าเปื่อยเพราะอุณหภูมิที่หนาวเย็นแต่เครื่องในทุกชิ้นกลับล้นออกมากองเปรอะเสื้อผ้าอย่างน่าสยดสยอง

ประธานสิ่งผ่านพายุร้ายมามากมายทั้งชีวิต แต่คราวนี้ขาทั้งสองข้างของเขากลับอ่อนแรงจนแทบทรุดเมื่อเห็นภาพดังกล่าว

ลูกชายคนรองรีบวิ่งเข้าประคองร่างพ่อของตนอย่างรวดเร็ว สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ไม่นานเขาจึงทรุดตัวลงและร้องไห้โฮ “จื่อห่าว! ทําไมนายไม่ฟังคําสั่งของพ่อ…”

ส่วนประธานสิงกลับจุกอกจนไม่มีน้ำตาไหลทั้งยังพูดอะไร ไม่ออก ทําได้เพียงนิ่งมองร่างไร้วิญญาณของลูกชายโดยไม่ใส่ใจว่าลมหนาวจะพัดจนผมเผ้าเสียทรง

ไม่กี่นาทีถัดมาประธานสิ่งจึงรวบรวมสติผลักลูกชายคนรองออกห่าง เขาหยิบเสื้อทหารคลุมทับศพนั้นดังเดิมด้วยสองแขนที่สั่นเทา จากนั้นจึงหลับตาลงและพูดเสียงเคร่งขรึม “อย่า…อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับแม่…”

“ผมจะไปฆ่าไอ้เวรนั้นเดี๋ยวนี้!” ลูกชายคนรองของเขาถลึงตาโพลงด้วยความโกรธขณะลุกขึ้นและเดินกลับไปที่รถโดยที่น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม

กลุ่มคนที่ขุดศพรีบก้าวไปห้ามปรามเขาทันที “นายน้อย สิง รอฟังแผนการของท่านประธานสิ่งก่อนสิครับ!”

“อย่าทําอะไรบ้าๆ เชียวนะ! ตอนนี้มันอยู่ในมือกองทหารรักษาการณ์แล้ว ยังไงก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย!”

“ฟังผมก่อนครับ อย่าเพิ่งไป!”

ลูกชายคนรองของประธานสิ่งดิ้นรนต่อต้านกลุ่มคนที่พยายามห้ามปรามเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาจึงทรุดตัวลงกับพื้นและร้องไห้อีกครั้ง

ประธานสิงยืนนิ่งอยู่ข้างศพด้วยสายตาว่างเปล่า แต่แล้วกลับยกมือกุมอกอย่างมั่นหมาย “ลูกชายฉันตายอย่างไร้ความเป็นธรรม ฉันไม่ฆ่ามันหรอก…แต่จะรอให้มันถูกตัดสินโทษประหาร!”

ทันทีที่พูดจบรถอีกคันก็แล่นมาจอดเทียบริมถนน ชายหนุ่มสวมทักซิโด้ก้าวลงจากรถและเดินตรงไปหาประธานสิงทันที “ท่านประธานสิง เราจับคนที่อยู่กับจื่อห่าวในวันนั้น ได้แล้ว ตอนนี้พวกเขาถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินของสนามฝึกทหาร”

“พวกเขาพูดอะไรบ้าง?”

“พูดครับ คนที่ยิงจื่อห่าวในวันนั้นคือไอ้เฒ่าหม่าจริงๆ”

ชายหนุ่มปรายตามองศพที่นอนอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง ก่อนละสายตาด้วยไม่ต้องการเห็นภาพอุจาดนั้น

ประธานสิงกําหมัดแน่นขณะถามต่อ “สนามฝึกทหารเหรอ? พอรู้ไหมว่ามีใครในกองทัพคอยช่วยเหลือพวกมันรึเปล่า? คนที่อยู่กับจื่อห่าววันนั้นพูดเรื่องนี้ไหม?”

“พวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องเป็นมายังไง” ชายหนุ่มส่ายหน้า “การจะหาตัวคนร้ายในกองทัพคงยาก ถ้าเฒ่าหม่ายืนกรานว่าจื่อห่าวบุกเข้าไปหลบซ่อนตัวในบริเวณนั้นเราก็คงทําอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ขังคนของเราไว้ ที่นั่นก่อนหนีไปหรอก”

“แค่ไอ้เฒ่าหมาคนเดียวไม่พอ” ประธานสิงแค่นเสียง เยือกเย็น “มันมีหลานชายคนหนึ่งใช่ไหม? โยนความผิดไปที่หลานมันซะ!”

“ทราบแล้วครับ ผมจะรีบบอกให้กองทหารรักษาการณ์ดําเนินการทันที” ชายหนุ่มตอบ

เขาผละห่างออกไปพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออก แต่เมื่อพูดคุยได้ไม่นานเขาจึงเดินกลับมาด้วยสีหน้าซีดเผือด “ท่านประธานสิงครับ สํานักงานตํารวจส่งคนไปที่ฐานของ กองทหารรักษาการณ์และขอให้ส่งตัวเฒ่าหม่ากับคนชื่อ กวนฉีให้กับพวกเขา”

ประธานสิ่งหันไปมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางไม่พอใจ

ชายหนุ่มกลัวจนขนลุกซู่แต่ยังรายงานความคืบหน้าต่อไป “พวกเขาให้เหตุผลว่าการปะทะกันที่จัตุรัสรําลึกในเขตพิเศษที่เก้าอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา เพราะฉะ นั้นตามหลักแล้วคนที่จะจัดการกับสองคนนั่นคือฝั่งของเขาไม่ใช่เรา”

ประธานสิงหลับตาลงพลางกําหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนขมับ “เป็นแค่ผู้กํากับการตัวเล็กๆ ในซ่งเจียงแต่ สร้างสายสัมพันธ์กับหน่วยงานในเฟิงเป่ยได้แล้วงั้นเหรอ? มันคงอยากจัดการฉันแต่ทําอะไรไม่ได้จึงมาลงกับลูกชายของฉันแทน ดี! ถ้าอย่างนั้นมาเล่นเกมนี้ด้วยกัน!”

…..

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขตพัฒนา

เจ้าหน้าที่ตํารวจระดับสองที่มาพร้อมผู้ติดตามอีกแปดคน เจรจากับทหารอย่างสุภาพ “เราตามล่าสองคนนี้มานานแล้ว ขอโทษด้วยนะครับ…แต่ยังไงวันนี้เราก็ต้องนําตัวพวกเขาไป”

“พวกเขาก่ออาชญากรรมในเขตพัฒนาและยังอยู่ในขั้น ตอนสืบสวนเราจําเป็นต้องรู้ว่าทั้งสองคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนําเข้าสินค้าทางทหารหรือไม่ เกรงว่าเรายังไม่สามารถส่งตัวพวกเขาให้คุณได้ในขณะนี้” ทหารนายหนึ่ง ตอบแบบขอไปที

“แสดงว่าคุณไม่มีอํานาจตัดสินใจสินะ”

“ใช่ ผมก็ไม่รู้ว่าควรแก้ปัญหายังไงเหมือนกัน”

“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมจะลองโทรไปที่สํานักงานตํารวจและให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงติดต่อกับผู้บัญชาการหน่วยสืบสวนของคุณอีกที่หนึ่ง จะได้รู้กันไปว่าคดีลักลอบนํา เข้าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เจ้าหน้าที่ตํารวจระดับสองตอบอย่างใจเย็นพลางโบกมือ “ผมขอตัวสักครู่…”

ทหารที่รับเรื่องหน้าซีดทันที เขานิ่งมองอีกฝ่ายอย่างใช้ความคิดหลายวินาทีก่อนตัดสินใจ “งั้นคุณรอผมอยู่ที่นี่สักครู่ ผมจะรีบต่อสายตรงถามเรื่องนี้กับผู้บัญชาการ”

“ฮ่าๆ ได้ครับ ผมทําให้คุณลําบากซะแล้ว!” เจ้าหน้าที่ตํารวจระดับที่สองตอบด้วยรอยยิ้ม

…..

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

เฒ่าหม่านอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ หน้าอก สะโพก และขาทั้งสองข้างถูกมัดติดกันด้วยโซ่ตรวน คนของสํานักงานตํารวจเข้ามาคุมตัวเขาออกจากโรงพยาบาลและดัน ให้เข้าไปนั่งในรถตํารวจ

อึดใจต่อมากวนฉีก็ถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจสื่นายคุมตัวขึ้นรถตํารวจคันที่สอง

“ขอโทษด้วยสําหรับปัญหาที่เกิดขึ้น” เจ้าหน้าที่ตํารวจระดับสองกล่าวทิ้งท้ายกับนายทหารที่รับเรื่องก่อนปิดประตูรถและหันไปสั่งพลขับ “ไปเฟิงเป่ยให้เร็วที่สุด!”

ระหว่างทาง กวนฉีเหลือบมองเจ้าหน้าที่ตํารวจที่นั่งขนาบข้างก่อนถามเสียงแหบแห้ง “ขอขอน้ำหน่อยได้ไหม?”

เจ้าหน้าที่ตํารวจหยิบขวดขึ้นเปิดฝาและยกป้อนให้กวนฉีพร้อมอธิบายไปด้วย “สิ่งที่คุณต้องจําไว้คือคุณมา เฟิงเป่ยเพื่อสืบสวนคดียาปลอมในอดีต เดิมที่คุณคิดอยาก ตามจับเสียวแต่กลับถูกสิ่งจื่อห่าวพยายามฆ่าปิดปาก การตายของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับคุณผู้ร้ายคือเฒ่าหม่าที่ คดีความใกล้สิ้นสุดแล้ว ขณะที่แมวเฒ่าและฉินอวี่กําลังพา พยานหยงตงหลบหนีจากเฟิ่งเป่ย คุณกลับถูกโจมตีโดยชายนิรนามสองสามคนและโดนจับตัวไปที่ฐานทัพของกองทหารรักษาการณ์ ส่วนแมวเฒ่าและฉินอวี่อยู่ที่ไหนให้ตอบว่าคุณไม่รู้ไม่เห็น”

กวนฉีนิ่งคิดตามครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”

“ถ้าถูกคนอื่นถามนอกเหนือจากที่เราสองคน เตรียมกันไว้ก็ตอบว่าคุณไม่รู้อะไรทั้งสิ้น” เจ้าหน้าที่ตํารวจเหลือบมองคนอื่นก่อนเอนตัวไปกระซิบเพิ่มเติม “ พยายามโยนความผิดไปที่เฒ่าหม่าให้มากที่สุด ผมจะแจ้งรายละเอียดให้ภายหลัง จับตาดูให้ดี”

กวนฉีนิ่งอึ้งด้วยความตกตะลึงก่อนถามอย่างกังวลใจ “ถ้างั้นลุงหม่า…”

“มาถึงขั้นนี้แล้ว จะโดนคดีเพิ่มอีกก็ไม่แตกต่างนักหรอก” เจ้าหน้าที่ตํารวจตอบอย่างไม่ใส่ใจ

…..

ในสํานักงานตํารวจมณฑลซ่งเจียง

ผู้กํากับการหลี่นั่งเคาะโต๊ะอยู่พักใหญ่เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออก

“สวัสดีครับผู้การหลี่?”

“ฉันอยากให้นายร่างเอกสารคําสั่งเกี่ยวกับรายละเอียดเหตุค้ายาปลอม แล้วก็รายงานการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุสักสองฉบับ” ผู้การหลี่สั่งการอย่างใจเย็น “เวลาน่าจะผ่าน มาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ตํารวจที่ฉันส่งไปสืบคดีนี้คือแมวเฒ่า กวนฉีและฉินอวี่ ถ้านายร่างเสร็จแล้วอย่าลืมตรวจทานอย่างน้อยสองสามครั้ง รายละเอียดทุกอย่างจะต้องใกล้เคียงความจริงที่สุด”

“รับทราบครับ” ปลายสายตอบกลับ

โรงแรมขนาดย่อมแห่งหนึ่งในเขตพัฒนา

ฉินอวี่พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะได้สติ

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset