Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 143

ตอนที่ 143 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในสํานักงานตํารวจ

เมื่อกลับมาที่ซึ่งเจียง ฉินอวี่ส่งขี้เถ้าให้กับตระกูลหม่า ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่สํานักงานตํารวจอย่างสุขุม

ในสํานักงาน

ผู้กํากับหลื่นั่งสูบบุหรี่เงียบเชียบบนเก้าอี้

ฉินอวี่นิ่งสักครู่ก่อนจะตัดสินใจถาม “ลุงหลี่ มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างการสับเปลี่ยนกําลังคนรึเปล่า?”

“เฮ้อ…ไอ้พวกสารเลวในกองบัญชาการตํารวจนี้มันมีเยอะซะจริง!” ผู้กํากับหลีก่นด่าอย่างโกรธเคือง “ตั้งแต่หยวนเค่อออกไป พอฉันจะเริ่มวางแผนโยกย้ายกําลังคน พวกส้นตีนนั่นก็ส่งรองผู้กํากับการมาเพื่อเข้าดูแลคดีอาญามากกว่าครึ่งในเขตรัฐพื้นทมิฬ ชัดเจนแล้วว่าพยายามให้ฉันอยู่ในการควบคุมของพวกมัน!”

ฉินอวี่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

“กะจะเลื่อนตําแหน่งให้นายเป็นผู้บัญชาการหมวดสี่ด้วยคดียาปลอม พอกําลังจะอนุมัติเอกสารคดีก็ถูกเลื่อนออกไปอีก” ผู้กํากับหลี่พูดอย่างอุ่นเคือง

“พอตรวจสอบดู เหวินหยงกังที่ดูแลเรื่องนี้มันอ้างว่านายขาดคุณสมบัติและยังไม่มีเกียรติเพียงพอ”

“เหวินหยงทั้งที่เป็นรองผู้กํากับการคนใหม่ของกองบัญชาการตํารวจใช่ไหม?” ฉินอวี่ถาม

“ใช่” ผู้กํากับหลี่พยักหน้า “เจ้านั้นเป็นคนที่หัวรั้นพอสมควรเลย เขาเคยทํางานตรงสํานักงานตํารวจนครบาลรัฐพื้นทมิฬในฐานะผู้บังคับหมวดก่อนจะย้ายไปที่กองบัญชาการ ตํารวจเพื่อรับหน้าที่แผนกทรัพยากรบุคคล นั่นทําให้เขามีเส้นสายค่อนข้างมากจึงมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของกําลังคนภายใน หลังจากสร้างผลงานในกองบัญชาการตํารวจจีงกลับมาพร้อมกับตําแหน่งรองผู้กํากับการ”

“เขาสนิทกับตระกูลหยวนด้วยเหรอครับ?” ฉินอวี่ถาม

“แน่นอน ทําไมเขาถึงค้านการอนุมัติเรื่องเลื่อนตําแหน่งของนายล่ะ คิดดูสิ?” ผู้กํากับหลีพูดต่อ “นายมีบทบาทสําคัญในการตายของสิ่งจื่อห่าวและหยวนหัว แถมเรื่องยาปลอมยังทําให้พวกนั้นกลัวต่อผลกระทบ มันต้องคิดหาวิธีจัดการนายแน่แทบไม่ต้องสืบเลย”

“อืม ผมก็พอจะเดาออก” ฉินอวี่พยักหน้าเห็นด้วย

“เหวินหยงกังจะดูและหมวดสี่ห้าและหก” ผู้กํากับหลีกล่าว “ฉันตั้งใจจะย้ายนายไปที่หมวดหนึ่งไม่ก็สามเพราะ ฉันดูแลทั้งสองหมวดนี้ มันจะง่ายกว่าถ้าเราจะย้ายไปที่นั่น พอแจ้งเรื่องนี้กับเขาก็อ้างว่าเขาต้องเข้าใจสถานการณ์ในหมวดซะก่อนเขาเลยยังไม่ตอบฉัน ฉันจึงคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะพล่ามเรื่องนี้ต่อไปและนายคงต้องอยู่ในหมวดนี้ไปก่อน”

“งั้นผมต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาสินะ?” ฉินอวี่ถามด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย

“ช่วยไม่ได้ เจ้านั่นเองก็เพิ่งมาถึงที่นี่ ฉันไปขัดขวางเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ไม่ได้หรอก” ผู้กํากับหลี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ถึงฉันยกตําแหน่งรองผู้บังคับหมวดให้นาย แต่ยังไง เฒ่าเหวินก็คงแต่งตั้งผู้บังคับหมวดที่อาวุโสกว่าให้มาเป็นผู้บังคับบัญชาของนายอีกที ช่วงนี้นายเก็บตัวเงียบไว้ ฉันจะพยายามหาทางย้ายนายกลับไปอยู่หมวดหนึ่งเหมือนเดิมให้ได้”

เมื่อได้ยินฉินอวี่จึงอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด แต่ไม่ได้ใส่อารมณ์กับผู้กํากับหลี่เพราะรู้ว่าเขาก็โดนกันท่ากับบางเรื่อง แถมยังพยายามหลายอย่างเพื่อช่วยฉินอวี่ คนที่ทําให้เขาประสาทแตกอยู่ตอนนี้ก็คือเหวินหยงกัง

ความจริงฉินอวี่ไม่ได้รีบร้อนเลื่อนตําแหน่ง แต่พอได้เห็นตําแหน่งของเขาถูกแย่งไปเป็นใครก็ต้องหงุดหงิดกับเรื่องนี้

ท้ายที่สุดแล้วคงไม่มีใครไม่อยากเลื่อนขึ้นและรับเงินก้อนโต! นอกจากนี้เขาไม่สามารถเป็นผู้บังคับหมวดได้ และอีกไม่นานเขาก็จะต้องทนอยู่กับเหวินหยงกังในใจเขาจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

“อีกไม่นานก็จะปีใหม่แล้ว ฉันจะย้ายนายกลับมาหมวดหนึ่งก่อนสิ้นปีนี้แน่นอน” ผู้กํากับหลี่สัมผัสได้ว่าฉันอที่รู้สึกแย่จึงปลอบโยนเขา “เอาเถอะ นายคงรู้สึกขุ่นเคืองเพราะไม่ได้เป็นผู้บัญชาการหมวด แต่ดูฉันสิตําแหน่งที่อยู่ทุกวันนี้ก็รายล้อมด้วยศัตรูทั้งนั้น”

“คุณเป็นคนใหญ่คนโตก็ไม่ได้หมายความว่าหัวใจใหญ่ไปด้วย ผมมันเด็กใจแคบ ทั้งหมดที่ผมคิดได้ในตอนนี้คือขอให้เหวินหยงกังเป็นนิ่วตายไม่ก็เป็นอะไรสักอย่าง” ฉินอวี่ตอบอย่างอุ่นเคือง

“ไอ้คนพาล! ฮ่าๆๆ” ผู้กํากับหลีหัวเราะอย่างสนุกสนาน

หลังจากหารือกันเรียบร้อย พวกเขาจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องเส้นทางการขนส่งยากันต่อ ก่อนฉินอวี่จะลุกไปพื้นที่ทํางานของหมวดที่สี่

เหวินหยงกังมีรากฐานมาจากสํานักงานตํารวจนครบาลรัฐพื้นทมิฬ เมื่อเทียบกับผู้กํากับหลี่แล้วมีอิทธิพลพอกัน ทหารผ่านศึกหลายนายสํานักงานตํารวจก็คุ้นเคยกับเขา รวมไปถึงหลิวเป่าเฉินด้วย

ภายในพื้นที่ทํางาน

ฉินอวี่พร้อมสมาชิกของหน่วยสามทยอยเดินเข้าห้องประชุมเพื่อแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับรูปคดี เขาแจ้งจู้เหว่ยและคนอื่นว่าคดีของกวนฉียังอยู่ในระหว่างการสอบสวน แต่เนื่องจากเฒ่าหม่ายอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาเพียงคนเดียวจึงได้รับการผ่อนผันโทษ ภายในสองหรือสามปีข้างหน้ากวนฉี อาจได้รับการปล่อยตัวแต่ไม่สามารถกลับเข้ารับราชการตํารวจได้อีกแล้ว

หลังได้ยินคําพูดนั้น คนอื่นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด พวกเขานัดหมายไปเพิ่งเปยด้วยกันสักวันหนึ่งเพื่อเยี่ยมกวนฉี

หลังที่ประชุมได้ข้อสรุปเกี่ยวกับคดีอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างหันหันหน้าเข้าพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขณะนั้นชายแปลกหน้าสองคนจึงเดินเข้ามาในห้อง ชายวัยกลาง คนสวมแว่นตากรอบสีดําเดินเขย่งปลายเท้านําหน้าหันไปสั่งการบางอย่างกับชายอีกคนที่เดินตามหลัง

“นั่นใครเหรอ?” ฉินอวี่กระซิบถาม

“รองผู้กํากับการคนใหม่ เหวินหยงกัง” จู้เหว่ยตอบ

“อ๋อ” ฉินอวี่ลุกขึ้นเมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น

“กําลังประชุมกันอยู่เหรอครับ?” เหวินหยงกังยกมือปัดทรงผมที่แสกข้างเป็นประจําขณะทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

ทุกคนลุกขึ้นคํานับเหวินหยงกังอย่างรวดเร็ว

หลังจากทําความเคารพฉินอวี่จึงยื่นมือออกไป “ยินดีที่ได้พบครับรองผู้กํากับเหวิน ผมฉินอวี่”

เหวินหยงกังมองข้ามมือที่ยืนตรงมาของฉินอวี่ เขามองฉินอวี่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เลว วันหลังเราอาจได้ร่วมงานกัน”

“ครับ” ฉินอวี่พยักหน้า

เหวินหยงกังหันไปมองกลุ่มที่อยู่ด้านหลังของฉินอวี่พลางพูด “เสี่ยวหลิว จัดการไขคดีที่ฉันสั่งให้เร็วที่สุด”

“ครับผม!”

“เอาล่ะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” เหวินหยงกังทิ้งท้ายก่อนกลับไปสํานักงานของเขา ดูเหมือนจะจงใจหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับฉินอวี่

ขณะนั้นเองหลิวเป่าเฉินหันไปมองฉินอวี่ด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “ห้องประชุมมีไว้ทํางาน! ถ้าพวกนายมัวแต่คุยกันแบบนี้คนอื่นเขาจะทํางานกันยังไง! แล้วใครอนุญาตให้สูบบุหรี่ในนี้ต่อไปถ้าฉันเห็นอีกคงต้องปรับโทษพวกนายทันทีและบันทึกประวัติไว้ อีกอย่างนะถ้าสวมชุดลําลองในเวลาทํางานอีก พวกนายโดนหักเงินเดือนแน่!”

ฉินอวี่เหลือบมองหลิวเป่าเฉินก่อนจะสั่งในส่วนของตนอย่างใจเย็น “กลับไปทํางานของตัวเองกันได้แล้ว!”

สมาชิกหน่วยสามแยกย้ายกันไปทันที

หลิวเป่าเฉินหันไปสั่งกับฉินอวี่ “เดี๋ยวนายไปพบฉันที่ห้องทํางานด้วย!”

ฉินอวี่หันหลังกลับพร้อมทิ้งคําพูดไว้ “ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกันนะครับ ผมยังลาอยู่เลย”

หลิวเป่าเฉินตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะจ้องฉินอวี่ที่กําลังเดินออกจากห้อง “หึ ยังอวดดีอยู่เหรอ? นายจะได้เห็นดีกันในไม่ช้านี้แน่!”

ร้านขายเนื้อข้างบ้านเลขที่แปดสิบแปด ขณะเขี้ยวกําลังคุยกับเซียงเซียง ชายอ้วนคนที่ทําร้ายเจ้ฮัวเมื่อวันก่อนก็เดินโซชัดโซเซเข้ามา

เมื่อผู้หญิงสองสามคนในร้านเห็นเขาก็ทําหน้าไม่พอใจทันที

“ฮัวเอ๋อ! เอาเงินมาให้ฉันเดี๋ยวนี้! ฉันเสียไปตั้งหนึ่งร้อยดอลลาร์ ให้ตายสิ!” เขาเรอออกมาขณะที่ยืนตะโกนด้วยขาที่อ่อนปวกเปียก

เซียงเซียงแอบอยู่หลังเคาน์เตอร์ขณะจ้องไปที่ชายคนนั้น ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกลัวและความโกรธ โดยเธอกําหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset