Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 186 ทีมอาเซียวฝ่าวงล้อม

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 186 ทีมอาเซียวฝ่าวงล้อม

อาเซียวเห็นเจ้าหน้าที่ทั้งสี่คนมาพร้อมอาวุธปืน เขาตกใจรีบยกมือขึ้นเหนือหัวและถอยหลังชนกําแพง ก่อนพูดด้วยน้ําเสียงสั่นเครือว่า “เอ่อ…พี่ชาย ผมแค่เดินผ่านมา…”

ด้วยแสงไฟรอบอพาร์ตเมนต์ที่มีอยู่ไม่กี่หย่อมบวกกับความมืดยามค่ําคืนทําให้ทั้งสี่คนมองเห็นหน้าอาเซียวไม่ชัดนัก รู้เพียงเขาสวมเสื้อแจ็กเก็ตหนังและหมวกแก๊ป

“นี่เจ้าหน้าที่ตํารวจ ถ้าไม่เกี่ยวข้องก็ถอยออกไปซะ” เมื่อเห็นชายตรงหน้ามีอาการประหม่าจนตัวสั่น เหล่าตํารวจจึงเตรียมไปหาเป้าหมายหลักที่ได้รับแจ้งมาว่าอยู่ในตึกพร้อมโบกมือไล่ “จะไปไหนก็ไป”

หลังตํารวจทั้งสี่ยอมปล่อยตัวอย่างไม่สงสัย อาเซียวที่ยืนชิดกําแพงจึงตั้งสติก่อนรีบเดินออกจากเขตอพาร์ตเมนต์และต่อสายหาหลี่จือทันที

บนอพาร์ตเมนต์

ขณะที่หลี่จือกําลังนั่งดูหวยเลื่อนผ่านคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

“ฮัลโหล?”

“ไอ้พวกตํารวจอยู่ข้างล่าง” อาเซียวพูดอย่างลนลาน “พวกนายรีบหนีกันเร็ว”

หลี่จือเมื่อได้ยินดังนั้นก็ผุดลุกจากเก้าอี้พลางตะโกนเรียกพรรคพวก “ตํารวจอยู่ข้างล่าง เตรียมตัวเร็ว!”

ต้าฮวงที่กําลังนอนเหยียดอยู่บนโซฟาเด้งตัวลุกทันที เขากุลีกุจอไปคว้ากระเป๋าผ้าใต้โต๊ะกาแฟอย่างเร็วรี่

ชายทั้งสามคนในห้องต่างพากันแตกตื่น

หลี่จือถามปลายสายขณะยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นว่า “พวกมันเข้ามาข้างในยัง?”

“น่าจะเข้าไปแล้ว” อาเซียวตอบกลับ “อย่าเพิ่งแตกตื่น พวกมันยังไม่รู้ว่าพวกนายอยู่ห้องไหน คงยังไม่กล้าทุ่มบ่ามบุกเข้าไปหรอก เดี๋ยวฉันจะไปเอารถและวนดูรอบๆ ให้เตรียมตัวให้พร้อม!”

“ปัง!”

ทว่าทันใดนั้นเสียงตรงประตูก็ดังขึ้น

ต้าช่วงหันหน้าไปยังต้นเสียงพลางพูดเสียงสั่น “ไม่ทันแล้ว โดนรวบแน่”

“ปิดไฟ! ปิดไฟก่อน!” ชายคนหนึ่งรีบตะโกนบอกหลังหยิบปืนมาถือไว้ในมือ

หลี่จือชะงักไปชั่วครู่ก่อนรีบยกมือขึ้นห้าม “อย่าเพิ่งปิด! ไม่งั้นพวกมันได้รู้ตัวแน่ว่าเราตกใจ”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบทันใด

ภายใต้สถานการณ์คับขัน หลี่จือแสดงความเป็นผู้นํารีบสั่งการว่า “เดี๋ยวฉันจะไปที่ประตู ส่วนนายสองคนไปดักอยู่ข้างๆ”

อาเซียวยังคงถือสายอยู่ เขาได้ยินทุกอย่างที่เกิดขึ้นฝั่งนั้น แต่ไม่ได้พูดแทรกนอกจากรีบอ้าวไปที่รถ

เมื่อได้ยินหลี่จือสั่งทุกคนตรวจสอบปืนและกระสุนให้อยู่ในสถานะพร้อมยิงทันทีที่เข้าประจําตําแหน่งสองข้างประตู 4

“ถ้าเกิดได้ยินเสียงปืนแสดงว่าพวกเราอาจไม่รอด นายหนีไปได้เลย” หลี่จือพูดผ่านโทรศัพท์ก่อนกดวางสาย และเดินไปหยิบปืนสองกระบอกจากกระเป๋าผ้า

ด้านนอกห้อง ชายกลางคนร่างท้วมสวมชุดลําลองตะโกนว่า “เปิดประตู! นี่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าคนเมืองขอดูใบอนุญาตพํานักหน่อย”

“เข้ามาสิ”

หลี่จือเดินไปเปิดประตูตามคําสั่งด้วยท่าทีสงบนิ่ง

ชายวัยกลางคนร่างท้วมถือสมุดกับปากกาในมือพูดอย่างเป็นกันเอง “เหมือนจะอยู่กันหลายคนนะ ขอผมดูใบอนุญาตของแต่ละคนหน่อย”

“ฮ่าๆๆ สองสามคนเองครับ “หลี่จือโบกมือปัด “ยังไงก็เข้ามาก่อนเถอะครับ”

“ไม่เป็นไรๆ รองเท้าผมเปื้อนหิมะ เดี๋ยวจะทําห้อ งคุณสกปรกเปล่าๆ” ชายวัยกลางคนยิ้ม “ยังไงรบกวนช่วยออกมาข้างนอกแล้วแสดงหลักฐานน่าจะดีกว่านะ”

หลี่จือชะโงกหน้าออกมามองทางเดินด้านนอกก่อน จะพบว่าบริเวณหัวมุมทางขึ้นบันไดนั้นมืดสนิทแต่กลับไม่มีไฟของกล้องวงจรปิดที่ทํางานอยู่ แถมบนพื้นยังมีแต่รอยรองเท้าเหยียบหิมะที่ยังไม่แห้งอยู่เต็มไปหมด

“เรียกออกมาสิคุณ” ชายวันกลางคนเงยหน้าพูด

“อ้อ ได้เลย” หลี่จือยิ้มพร้อมพยักหน้าก่อนจะหันไปตะโกน “ต้าฮ่วง พวกมันล้อมไว้หมดแล้ว!”

“แกรัก!”

คนที่ซ่อนอยู่ข้างประตูชักปืนและพุ่งตัวออกมา

หลี่จือรีบหลบออกจากตําแหน่งเดิมทันที

“ปัง!”

สิ้นเสียงปืน ชายวัยกลางคนถูกลูกซองยิงอัดหน้าอกล้มลงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

“รีบไปกันเร็วก่อนจะหมกโอกาสหนี!” หลี่จือตะโกนสั่ง เขาเดินไปหน้าหองก่อนเอนหลังแนบประตูและเล็งปืนทั้งสองกระบอกไปทางบันได

“ปังๆๆ!”

กระสุนหลายสิบนัดถูกยิงรัวเข้าใส่จนตํารวจที่แอบซุ่มอยู่ ต้องหลบอย่างช่วยไม่ได้

ต้าฮ่วงและอีกสองคนถือปืนวิ่งออกจากห้อง เขาเข้าช่วยหลี่จือยิงกดดันไปทางบันไดด้านบน เมื่อสบโอกาสคนที่เหลือจึงวิ่งแอบกําแพงลงบันไดไปชั้นล่าง

ทั้งสองฝ่ายยิงปืนปะทะกันอย่างหนักหน่วง

ตํารวจที่อยู่ใกล้ทางเดินรายงานผ่านอินเตอร์คอมว่า “แจ้งผู้หมวดหลิว พวกคนร้ายรู้ตัวและเปิดฉากยิงแล้วครับ!”

หลิวเปาเฉินที่ประจําอยู่ชั้นล่างเมื่อได้รับข้อความรายงาน จึงตะคอกด้วยความหงุดหงิด “ฉันยังไม่ทันได้ทําอะไรเลยพวกมันจะรู้ตัวได้ยังไง? มีผีบอกรึไงวะ!”

ชายสองคนที่วิ่งลงบันไดไปรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว “ข้างล่างมีพวกมันซุ่มอยู่หกเจ็ดคน!”

“ถอยก่อน!” ต้าฮวงสั่ง

ทั้งสองคนรีบวิ่งกลับขึ้นมาด้วยความตกใจ

ต้าฮวงล้วงเอาระเบิดมือสองลูกออกมาจากกระเป๋าผ้า และใช้ปากดึงสลักออกจากนั้นจึงขว้างมันลงไปข้างล่าง

“ตุบ..”

ลูกระเบิดกลิ้งตกลงไปจากชั้นหก

ตํารวจหลายคนที่ซุ่มอยู่เมื่อเห็นวัตถุอันตรายจึงพากันถอยหนี บางคนก็ยกโล่กันกระแทกขึ้นบัง

“ตูม!”

ระเบิดสองลูกแตกออก แรงระเบิดทําให้นายตํารวจที่ยกโล่ขึ้นบังปลิวไปหลายเมตร สะเก็ดระเบิดกระจายเต็มขาจนบาดเจ็บขยับไม่ได้

หลิวเปาเฉินเมื่อได้ยินเสียงระเบิดดังจึงรีบออกคําสั่งผ่านอินเตอร์คอม “พวกมันมีระเบิด อย่าเพิ่งเสี่ยง ถอยมาก่อนเร็ว!”

อันที่จริงไม่จําเป็นต้องรอคําสั่งจากหลิวเปาเฉินทุกคนก็พากันหนีตายลงมาข้างล่างกันหมด ด้วยไม่รู้ว่าฝ่ายคนร้ายมีคนกี่คน และมีอาวุธหนักอะไรอีก หากยังอยู่กันเต็มทางเดิน มีหวังได้เจ็บอีกหลายคนแน่

ฝ่ายตํารวจแบ่งกําลังเข้าไปลากคนเจ็บและถอยลงมาประจําชั้นล่างสุดอย่างรวดเร็ว

ต้าฮวงนําพรรคพวกวิ่งลงบันไดในขณะที่หลี่จือถือระเบิดปิดท้ายพลางตะโกนว่า “ถ้าพวกแกโผล่หัวออกมาละก็ ฉันจะดึงสลักออก!”

พรคคพวกของอาเซียวไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าตํารวจ พวกเขามีการประสานงานกันอย่างดีเยี่ยม หากจะให้เทียบคงไม่ต่างไปจากเจ้าหน้าที่มีฝีมือกลุ่มหนึ่ง

ทั้งห้าคนมุ่งหน้าลงบันไดอย่างต่อเนื่อง พวกเขารวมกลุ่มและช่วยกันระวังหลังเพื่อความปลอดภัย

กระทั่งมาถึงชั้นแรก ต้าฮวงปาดเหงื่อบนหน้าผากก่อนหันไปพูด “ข้างนอกต้องมีพวกมันอยู่แน่ ออกไปแล้วรีบวิ่งกันเถอะ แต่ถ้าถูกปิดทางขึ้นมาจําไว้ว่ายอมตายดีกว่าโดนจับ”

“ผมฉันเตรียมใจมาแล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง” ชายหนุ่มคนหนึ่งตอบกลับ “อย่าห่วงเลย เราเข้าใจสถานการณ์ดี”

“ถ้างั้นก็เตรียมวิ่ง!” ต้าฮวงกัดฟันพูด

หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาที

“ปัง!”

หลี่จือถีบประตูเหล็กและถือปืนวิ่งนําออกไป

“ไปเร็ว!”

ชายหนุ่มตามออกประตูพลางเล็งยิงไปทางห้องหม้อไอน้ําก่อนจะวิ่งเบี่ยงไปทิศตะวันตก

“ปัง ปัง!”

เมื่อเปิดการปะทะตํารวจก็ยิ่งสวนกลับทันที ส่งผลให้ชายหนุ่มถูกยิงจะล้มลงกับพื้นหิมะ

ดวงตาของเขาฉายแววอาฆาตพร้อมตะโกนอย่างสิ้นหวัง “ลูกพี่ฮวง!”

ต้าฮวงซึ่งกําลังซ่อนตัวอยู่ข้างบันไดชะโงกออกมาดู ก่อนจะเล็งปืนใส่ชายหนุ่มและเหนี่ยวไกอย่างไม่ลังเล

“ปัง!”

กระสุนพุ่งเจาะเข้ากะโหลก ชายหนุ่มตายคาที่

บรรดาตํารวจที่ซุ่มดูเหตุการณ์ทั้งหมดต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

คนร้ายยิงพรรคพวกเดียวกันเพื่อไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่ง ตกเป็นตัวประกันนั้นหาเจอยาก คนพวกนี้มักโหดเหี้ยมและใจถึง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครกล้าทําเรื่องอุกอาจแบบนี้

หลังลั่นไกปลิดชีพพรรคพวกเสร็จ ต้าฮวงรีบหันไปบอกกับอีกคนว่า “หลี่จือรอดไปได้ เดี๋ยวนายออกไปก่อนแล้วฉันจะตามไปทีหลังเอง”

สถานการณ์สิ้นหวังบีบให้คนที่เหลือไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฝ่าออกไปเท่านั้น

ทว่าทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นจากอีกฝั่ง อาเซียวที่ควรจะไปเอารถวนกลับมาเมื่อได้ยินเสียงปะทะ

“มีอีกคนอยู่ทางซ้าย!” ตํารวจคนหนึ่งตะโกนผ่านอินเตอร์คอม

ต้าฮวงชะงัก “บ้าเอ๊ย! กลับมาทําไม!”

“ฉันนี่แหละชื่อเสี่ยว ไอ้ตํารวจหน้าไหนแน่จริงก็เข้ามาจับฉันสิวะ!” อาเซียวตะโกนลั่นอยู่ กลางสวนหย่อมหลังตึกขณะถือปืนเดินเข้าไปใกล้จุดปะทะ

ต้าฮวงเมื่อได้ยินดังนั้นก็เข้าใจในเจตนาของอีกฝ่ายทันที “เขากําลังล่อพวกตํารวจให้รีบไปกันเถอะ!”

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset