Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 197 สลับตําแหน่ง

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 197 สลับตําแหน่ง

 

ยานพาหนะแล่นออกจากโรงพยาบาล

 

แมวเฒ่ายืนอยู่บนขั้นบันไดพลางส่งเสียงตะโกนว่า “เล่ยเล่ย ถ้ามีเวลาชวนเพื่อนคนนี้ไปดูหนังด้วยกันนะ!”

 

เช้าตรู่ รัฐเจียงหนาน

 

หยวนเค่อนั่งบนโซฟาห้องนั่งเล่นของหวูเวินเซิ่ง “ผมไม่คิดว่ามันโกหก มันพูดจริงทุกอย่าง”

 

“มันพูดถึงเรื่องการลงสมัครประธานสภาของฉันด้วยเหรอ?” หวูเวินเซิ่งถาม

 

“ครับ” หยวนเค่อพยักหน้า “แล้วยังบอกอีกว่าเยี่ยจือเซียวตั้งใจจะทําธุรกิจอยู่ในซ่งเจียงต่อหลังเสร็จงานแล้ว”

 

หวูเวินเซิ่งหลับตาและครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ถ้างั้นฉันพอจะรู้ตัวแล้วว่าคนอยู่เบื้องหลังเป็นใคร”

 

“จัดการได้รึเปล่าครับ?” หยวนเค่อเอ่ยปากถามทันที

 

หวูเวินเซิ่งชั่งใจก่อนลุกขึ้นพูดว่า “เสี่ยวเค่อ พาฉันไปที่ชานเมืองที่”

 

“ได้ครับ”

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

 

บริเวณสวนส่วนบุคคลแถบชานเมืองของรัฐเจียงหนาน หวูเวินเซิ่งเอามือไพล่หลังเดินไปมาบนบันได

 

ในรถ

 

เซียวจิ่วหันไปถามหยวนเค่อว่า “นี่มันสวนของตระกูลไป๋ แห่งเจียงหนานไม่ใช่เหรอ?”

 

“อิทธิพลของตระกูลไป๋ในรัฐเจียงหนานนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเราในรัฐพื้นทมิฬมาก การวางแผนการจราจรของซ่งเจียงและการก่อสร้างถนนในรัฐเจียงหนานนั้นครึ่งหนึ่งเป็นของตระกูลไป๋ในตระกูลนี้มีรองนายกเทศมนตรีหนึ่งคนและวุฒิสมาชิกของสภานิติบัญญัติสองคน นับได้ว่าเป็นตระกูลเก่าแก่ที่แท้จริง..” หยวนเค่ออธิบายต่อ “หวูเวินเซิ่งเองก็ได้ตระกูลไป๋นี่แหละ เป็นคนคอยหนุนหลังจนขึ้นไปเป็นประธานสภาได้”

 

“แบบนี้นี่เอง” เซียวจิ่วพยักหน้า

 

“ฉันสังหรณ์ใจว่าสาเหตุของเรื่องทั้งหมดน่าจะมาจากการลงเลือกตั้งเป็นประธานสภาอีกสมัยของหวูเวินเซิ่ง” หยวนเค่อถอนหายใจ “จนถึงตอนนี้เขาก็เป็นมาได้สองสมัยแล้ว ตลอดวาระที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นโปรเจกต์ใหญ่ของน้ําหรือน้ํามันที่ไหนต่างก็เป็นชื่อเขาหมด รวมไปถึงชื่อเสียงและเงินทองต่างๆด้วย แต่เพราะหวุ่เหย้าทําตัวเหลวแหลกจนคนแหยงกันทั้งเมือง เลยอาจไม่ค่อยมีคนสนใจฝั่งพ่อมาก”

 

“จะบอกว่าตระกูลเก่าแก่นี่หันมาเล่นงานเขาเหรอ?” เซียวจิ่วสงสัย

 

“ก็เดาๆจากการคุยกันครั้งล่าสุดน่ะนะ” หยวนเค่อพยักหน้าตอบ

 

แต่ในระหว่างที่ทั้งสองกําลังคุยกันนั้น ประตูบ้านของตระกูลไป๋ก็เปิดออก หวูเวินเซิ่งเดินยิ้มเข้าไปทันที

 

มณฑลซ่งเจียงเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมหนักในเขตพิเศษที่เก้าซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมจํานวนมากมารวมตัวกัน ประกอบไปด้วยโรงงานซ่งเฟย โรงก่อสร้างทางรถไฟ โรงผลิตรถยนต์ และโรงงานผลิตสิ่งอํานวยความสะดวกหลายหลาย

 

ทางเหนือมณฑล หลังแนวต้นต้นพอปลาร์ที่เหี่ยวแห้งและถูกแช่แข็งทั้งสองด้านของถนน อาเซียวกําลังสูบบุหรี่ด้วยความกังวล

 

สิบนาทีต่อมา

 

มีรถยนต์วิบากคันหนึ่งขับฝ่าหิมะมาทางถนนสายหลักอย่างช้าๆ อาเซียวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือก่อนเดินไปรอข้างถนน

 

“ปั๊บ…”

 

คนในรถบีบแตรและโบกมือให้อาเซียว

 

เจ้าตัวยืนสูบบุหรี่อยู่กับที่พลางโบกมือกลับ กระทั่งรถแล่นเข้ามาจอดห่างจากเขาราวห้าเมตรพร้อมกับเปิดไฟสูง

 

“ยืนทําอะไรน่ะ?” คนขับตะโกนขณะลดกระจกลง

 

อาเซียวยิ้มก่อนจะวิ่งไปที่รถ

 

“แอ๊ด…”

 

ประตูหลังด้านซ้ายเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มสองคน สวมแจ็กเก็ตหนังเดินลงมาด้วยสีหน้าถมึงทึง

 

“ใจเย็นพวก” อาเซียวยิ้มและโบกมือให้ทั้งสองคนก่อน ก้าวไปที่รถแล้วพูดว่า “ฉันแค่จะคุยบางอย่างกับลูกพี่นาย”

 

“นายเป็นใคร?”

 

“ฮ่าๆๆ” อาเซียวไม่ตอบคําถามและเปิดประตูหลังขวาออกทันที

 

“หยุดเดี๋ยวนี้”

 

ชายหนุ่มสองคนจ่อปืนไปที่หัวของอาเซียว

 

ในรถ ชายอายุราวสามสิบแต่งตัวเรียบร้อยหันมามองอาเซียวพร้อมถาม “เรารู้จักกันรึเปล่า?”

 

อาเซียวถูกเสื้อขึ้นเผยให้เห็นบางสิ่งบริเวณเอวขวาก่อนจะตอบว่า “ไม่ แต่เราทําธุรกิจร่วมกัน”

 

ชายคนดังกล่าวตกตะลึง “อา…เป็นพวกเดียวกันนี่เอง งั้น อยากคุยอะไรล่ะ?”

 

“เรื่องที่จะคุยค่อนข้างใช้เวลานิดหน่อย” อาเซียวตอบกลับ

 

ชายวัยสามสิบเหลือบมองที่เอวของอาเซียวและยิ้มด้วยท่าทางพอใจเป็นที่สุด “โอเค ขึ้นมาก่อนสิ”

 

อาเซียวหยิบกุญแจรถของตนออกมาแล้วโยนให้คนขับรถ ที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับ “รถฉันจอดอยู่ตรงทางแยก นายขับรถฉันไป ส่วนฉันจะขับให้ลูกพี่นายเอง”

 

“ทําแบบนี้หมายความว่าไง?” คนขับตอบกลับมาด้วยความงุนงง

 

อาเซียวเซียวจ้องหน้าอีกฝ่าย “ฉันก็เพิ่งบอกไปว่าจะคุยธุระกับเขา หูหนวกรึไง?”

 

หลังทนฟังทั้งสองเถียงกันสักพัก ชายวัยสามสิบก็โบกมือให้คนขับเป็นเชิงพร้อมพูดว่า “เขาไว้ใจได้ ไปเถอะ”

 

“แต่ลูกพี่” คนขับขมวดคิ้วค้านคําสั่ง

 

“ไป”

 

ในเมื่อค้านไม่สําเร็จคนขับจึงก้าวลงจากรถไปอย่างจํายอม

 

“ขอบใจ” อาเซียวพยักหน้าให้คนขับก่อนจะขึ้นไปงบนรถ

 

ชายวัยสามสิบปิดประตูรถและหันมาถามอาเซียว “จะไปหาที่คุยกันใช่ไหม?”

 

“ใช่” อาเซียวปล่อยเบรกมือและดันเกียร์ “ถึงจะไม่รู้จัก แต่รู้สึกคุ้นหน้าจังเลยนะ”

 

“อืม ไปเถอะ” ชายวัยสามสิบพยักหน้าเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นมินิเกมต่อ

 

ยานพาหนะถูกบังคับให้เคลื่อนที่อย่างช้าๆ มันโยกเยกไปตามถนนลูกรังที่คดเคี้ยว

 

อาเซียวที่ไม่ค่อยถูกกับสภาพอากาศแบบนี้ มันทําให้เขารู้สึกเหมือนมีน้ํามูกตลอดเวลา “คุณดูเจ๋งกว่านักธุรกิจที่เคยเจอนะ”

 

ชายวัยสามสิบประหลาดใจ “ฮ่าๆๆ นายเองก็ดูยังหนุ่มยังแน่นเหมือนกัน”

 

“ตั้งแต่เปิดโรงงานมาทําเงินได้ปีละเท่าไหร่ครับ?” อาเซียวถามแบบไม่อ้อมค้อม

 

ชายวัยกลางคนยังคงจมจ่ออยู่กับจอโทรศัพท์และตอบด้วยน้ําเสียงไม่ทุกข์ร้อนเช่นเคย “จะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆเลยดีกว่าน่า”

 

“ผม…ผมไม่กล้า” อาเซียวเผยท่าที่ประหม่าอย่างมาก

 

“ถ้าไม่กล้าพูดแล้วขึ้นมาทําอะไรบนรถฉัน?”

 

“ก็ได้ๆ” อาเซียวมองสองข้างถนนก่อนเปิดหน้าต่างและถุยน้ําลายทิ้ง “เราเข้ามาในซ่งเจียงพร้อมกันหกคน อาศัยใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนไปวันๆ แต่ตอนนี้สองคนในพวกเราตายแล้วแถมอีกคนก็ถูกจับตัวไป”

 

ชายวันสามสิบเงยหน้า เขาเริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่อาเซียวต้องการ

 

“ผมอยู่เฉยๆไม่ได้” อาเซียวสูดน้ํามูกก่อนพูดต่อ “ถึงมาหาเพื่อขอความช่วยเหลือ”

 

ณ ประตูหน้าบ้านตระกูลไป๋

 

หลังจากหยวนเค่อและเซียวจิ่วรอนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดหวูเวินเซิ่งก็เดินออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

 

“เป็นยังไงบ้างครับ?” หยวนเค่อถาม

 

หวูเวินเซิ่งชะงักไปครู่หนึ่งก่อนตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกอย่างถูกจัดการแล้ว ไม่ต้องห่วง”

 

“โอเคครับ” หยวนเค่อพยักหน้าเป็นคําตอบ เขาอดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไปที่ทางเข้าบ้านไป

 

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

 

แมวเฒ่ากลับไปที่สํานักงานตํารวจ และเข้ารับตําแหน่งงานก่อนหน้าของฉินออย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรกที่คนหนึ่งอยู่เบื้องหลังและอีกคนหนึ่งกําลังทําหน้าที่อยู่เบื้องหน้า

 

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset