Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 219 กระสุนนัดที่ไม่คาดคิด

 

ตอนที่ 219 กระสุนนัดที่ไม่คาดคิด

 

ตรงทางแยกเมื่อคนในรถเห็นฉีหลินยิงตํารวจก็รีบวิ่งออกมาปกป้องหวูเวินเซิ่งทันที

“ถอยไปก่อนลูกพี่!” ชายร่างกํายําผลักหวูเวินเซิ่งไปด้านหลัง ก่อนพุ่งไปข้างหน้าหมายจะขัดขวางฉีหลินไม่ให้ยิ่งถูกตัว

ฉีหลินหลบไปทางด้านขวาของรถ พร้อมโบกมือและตะโกน

“ชน!”

คนขับได้สัญญาณแล้วจึงเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่งมิด บังคับพวงมาลัยไปชนกับอีกฝ่าย

“ปัง ปัง ปัง!”

ฉีหลินวิ่งตามรถพร้อมกับยิงไปด้วย ก่อนจะกระโจนเข้าที่กําบัง

 

“โครม!”

 

เสียงชนดังสนั่น รถของหวังปิงถูกชนกระเด็นไปกว่าครึ่งเมตร

กลุ่มชายวิ่งออกมาจากรถส่วนหนึ่งพาหวูเวินเซิ่งไปหลบข้างทาง และที่เหลือวิ่งหนีไปทางถนนพร้อมกับคุ้มกันหวังปิง

“อย่าสนใจอย่างอื่น จับหวูเวินเซิ่งมาให้ได้!” ฉีหลินตะโกนพร้อมก้าวออกมาจากรถที่ใช้กําบัง และแล้วก็เห็นชายสามคนกําลังพาหวังบังวิ่งหนี

“ปัง!”

ฉินหลินยกปืนขึ้นยิงหนึ่งนัด แต่ก็ถูกชายคนหนึ่งสกัดล้มและเอาปืนจ่อหัว

 

“อย่าขยับ!”

“ถ้าขยับ ฉันจะฆ่าแก!”

 

ชายคนนั้นเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก ขณะเอาปลายกระบอกปืนจ่อหน้าฉิหลินด้วยมือที่สั่นเทา

“อยากให้ฉันวางปืนลงเหรอ?” ฉินหลินลุกขึ้นมาพลางพูดข่มขู่ “ฉันชื่อฉีหลิน! ไปถามไอ้หยวนเค่อ ว่ามันกล้าสั่งให้ฉันทิ้งปืนไหม?”

หลังจากที่ฉีหลินออกจากซ่งเจียง ด้วยความแค้นเขาจัดการคน ในถนนร้อยปีเพียงลําพังและสังหารหยวนเหว่ยอาของหยวนเค่อด้วยมือเขาเอง แม้จะไม่มีใครรู้มากนักก็ตาม

ชื่อเสียงที่มาจากการต่อสู้ครั้งเดียวงั้นหรือ?

ความหมายก็คือไม่ว่าจะหายไปจากสายตาของทุกคนนานแค่ไหน ย่อมมีคนในแวดวงที่ยังจําได้และพูดถึงวีรกรรมบุคคลนั้นอยู่เสมอ

“ปัง ปัง!”

ฉีหลินยิงปืนไปที่พื้นสองนัดพร้อมกับตะคอกใส่ “คุกเข่า!”

“พลัก!”

 

ขณะนั้นเอง ก็มีคนเปิดประตูรถและกระโดดลงมาพลางตะโกน “คุกเข่าซะ!”

ชายคนที่คุ้มกันให้หวังบังตื่นตระหนกมาก ถึงมีปืนอยู่ในมือแต่ใจ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

“คุกเข่าสิวะ!” ฉิหลินคํารามใส่

“ฟุบ!”

 

ชายคนนั้นคุกเข่าลงทันที

ฉิหลินยกเท้าเตะอีกฝ่ายที่ก้มหน้างุดสุดแรงก่อนเล็งปืนไปยังหวัง

ปิง

“นี่ ฉะ..ฉันเป็นผู้หญิงนะ นายคงไม่” หวังปิงมองหลินอย่างสงบ และกําลังจะพูดต่อไป

“ผู้หญิง?” ฉีหลินก้มไปมองพลางขยับคอเล็กน้อย “ผู้หญิงแล้วไง?!”

“ปัง!”

 

หลังพูดจบ ฉีหลินก็ยิ่งหวังปิงทันที

 

หวังปิงล้มลงกับพื้นนอนหมดสติ

“ลากมันขึ้นรถ!” ฉีหลินตะโกนและเดินไปยังหวูเวินเซิ่ง

 

ทางข้างหน้า

หวูเวินเซิงวิ่งไปกับอีกสองคนพลางตะโกน “เสี่ยวบังล่ะ?! เธอยังอยู่ข้างหลังอยู่เลย!”

“หนีไปก่อนเถอะ ลูกพี่!” ชายด้านข้างพลักหวูเวินเซิงถามย้ํา “ได้ยินไหมพี่? มีวิทยุสื่อสารมาบอกว่ากลุ่มที่หมู่บ้านยังไม่ตาย! และพวกเขาก็ถอยกันหมดแล้ว เราต้องหนีเท่านั้น”

 

“แล้วแมวเฒ่าล่ะ มันไม่ตายเหรอ!?” หวูเวินเซิ่งถามพลางหายใจหอบ

“มันถูกยิง เห็นว่าอาการปางตายนะครับ” ชายคนนั้นพูดขณะหันไปมองฉิหลื่น

 

หวูเวินเซิ่งจําใจยอมหนีไปทั้งที่ใจยังห่วงหวังปิงอยู่ เขาทําได้เพียงหันกลับไปมองด้วยความเป็นห่วง

 

หลังจากหนีไปไกลกว่าสองกิโลเมตร หวี่เหวินเฉิงมองขึ้นไปยังตีนเขาที่อยู่ไม่ไกล

 

บนถนน ฉีหลินจ้องไปที่อีกฝ่ายขณะพูดผ่านวิทยุสื่อสาร “เหลาเอ๋อ ยังไม่มาอีกเหรอ? หวูเวินเซิ่งมันหนีไปทางภูเขาแล้ว!”

 

“ยังฆ่ามันไม่ได้อีกเหรอ?!” หม่าเหลาเอ๋อตอบด้วยเสียงหอบ

“มีแต่คนไปคุ้มกันมัน” ฉีหลินเร่งอีกฝ่าย “ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกนั้นแล้ว มานี่เร็ว!”

 

ประมาณสองนาทีต่อมา หวูเวินเซิ่งเข้าไปในตรอกของเชิงเขาอย่างปลอดภัย และสี่คนที่อยู่ด้านหลังก็ใช้ปืนคอยเล็งระวังอยู่ตลอด

“เวรเอ๊ย! คุ้มกันฉันด้วยฉันจะไปหามัน!” ฉิหลินตะโกนกับเพื่อนอีกสามคน “ไม่งั้นถ้ามันขึ้นภูเขาได้ก็คงหายไปแล้ว!”

 

“บรื้น!”

หลังพูดจบ รถกระบะสีเทาก็แล่นออกไปจากถนนในหมู่บ้านมุ่งสู่ตีนเขา

รถกระบะซึ่งมีขนาดล้อยี่สิบสี่นิ้วเป็นดัดแปลงให้ตัวรถยกจาก พื้นแล่นอยู่ท่ามกลางพื้นหิมะ พวกเขาไม่สามารถขับเร็วไปกว่านี้ได้แล้ว

“พลั่ก!”

รถอีกคันแล่นมาด้วยความเร็วขนาบข้าง อาเซียวเปิดประตูรถออก มือข้างหนึ่งจับประตูแน่นและยิงปืนด้วยมือขวา

“ปัง ปัง ปัง!”

เสียงปืนกลสั้นดังรัว อีกฝ่ายที่คุ้มกันหวูเวินเซิ่งล้มลงสองคน

อาเซียวตะโกนไปทางฉีหลิน “มาช่วยกันฆ่ามัน!”

 

ฉีหลินตกตะลึง

ถนนที่เชิงเขา

หวูเวินเซิงหน้าซีดขณะมองด้านหลังอย่างระแวดระวัง เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ใกล้เข้ามาเขาก็ตะโกนทันที “ไม่เป็นไร เราใกล้จะถึงแล้ว รีบวิ่งกันต่อ!”

 

“บรื้น!”

ทันใดนั้นก็มีรถพุ่งออกมาจากทางแยกทันที

 

ประตูเปิดออกเป็นหยวนเค่อที่พันผ้าก๊อซเต็มหน้า กวักมือพร้อมตะโกน “ขึ้นมาเร็วพี่เซิ่ง!”

หวูเวินเซิงหันไปมองอย่างดีใจเมื่อเห็นหยวนเค่อ เขารีบวิ่งไปหาทันที “ให้ตาย ฉันนึกว่านายจะอยู่อีกไกล!”

 

“ขึ้นมาก่อนเถอะพี่!” หยวนเค่อเร่งอีกฝ่าย

 

หวูเวินเซิงวิ่งไปที่รถและเปิดประตูเบาะหลังพลางหายใจเหนื่อยหอบ “โทรหาลูกของฉันที เราจะไปกันคืนนี้เลย!”

 

“แกร๊ก!”

เสียงขึ้นนกปืนดังขึ้น หยวนเค่อยกปืนและชี้ปลายกระบอกปืนไปทางหวูเวินเซิ่ง

 

พอหวูเวินเซิ่งหันกลับมาก็ตัวแข็งที่อทันที

ใบหน้าหยวนเค่อถูกห่อด้วยผ้าก็อซ ดวงตาของเขามองมาที่อีกฝ่ายอย่างเย็นชา

“นาย…นายทําอย่างงี้หมายความว่าไง?”

หยวนเค่อกระซิบกลับมา “หมายถึงพวกตระกูลไปไม่ต้องการให้ลุงกลับไปพิจารณาคดีที่ฮ่งเจียงแล้ว”

หวูเวินเซิ่งได้ยินดังนั้นก็ตะลึง

“ลุง ฉันจ่ายไปเยอะแล้ว ฉันไม่ยอมล่มเรือจนจมไปพร้อมลุงหรอกนะ!” หยวนเค่อพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา

“ว่าไงนะ…”

“ปัง!”

 

ก่อนที่หวูเวินเซิ่งจะพูดจบหยวนเค่อก็เหนี่ยวไกเสียแล้ว

กระสุนเจาะทะลุท้ายทอยของหวูเวินเซิงทันที เลือดกระเซ็นไปด้านหลังก่อนจะตกรถลงไปนอนกับพื้น

 

“ตุบ!”

“พลัก!”

 

ประตูด้านหลังเปิดออก ชายฉกรรจ์สองคนระดมยิงไปยังคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ข้างหวูเวินเซิ่ง

 

“ออกรถ!”

 

หยวนเค่อปิดประตูรถและออกคําสั่งอย่างใจเย็น

 

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset