Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 93

ตอนที่ 93 สิงจื่อห่าว

ในตึกบริษัทเภสัชกรรมหลงสิงแห่งเฟิงเป่ย ชายหนุ่มผิวขาวผู้ช่วยประธานบริษัทกำลังนั่งจดจ่ออยู่กับการแก้ไขรายงานปรับเปลี่ยนสายการผลิตของบริษัท

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มขานรับ “เข้ามาได้”

เลขาสาวสวยเมื่อได้รับคำตอบจึงเปิดประตูเข้ามา เธอเดินตรงไปหาชายหนุ่มด้วยท่วงท่าสง่างามพร้อมรอยยิ้ม “คุณสิงคะ ท่านประธานกับผู้จัดการกลับมาแล้วค่ะ ตอนนี้พวกเขากำลังไปที่ห้องประชุมชั้นบน”

“กลับมาแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มประหลาดใจรีบลุกขึ้นพร้อมกล่าว “ช่วยผมปริ้นท์รายงานหน่อย ผมจะรีบไปแต่งตัว”

“ได้ค่ะ” เลขาสาวพยักหน้า

ชายหนุ่มผละจากโต๊ะทำงานเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำด้านข้าง

ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่าสิงจื่อห่าว อายุยี่สิบสี่ปี เป็นคุณชายที่สามแห่งบริษัทเภสัชกรรมหลงสิง จบมหาวิทยาลัยชนชั้นสูงในเขตพิเศษที่เจ็ด ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยประธานบริษัท

ซึ่งบริษัทหลงสิงแห่งนี้เป็นเครือข่ายของหยวนหัวที่มีอำนาจที่สุดในเฟิงเป่ย

ราวยี่สิบนาทีต่อมา สิงจื่อห่าวเปลี่ยนจากชุดทักซิโด้ขาวหรูเป็นชุดสูทพนักงานบริษัททั่วไปพร้อมผูกเนกไทล้าสมัย “ผมดูเป็นไงบ้าง?”

“ดูดีแล้วค่ะ” เลขาสาวตอบพร้อมหัวเราะ “แค่…ดูทางการไปหน่อยไม่เข้ากับนิสัยของคุณเลยค่ะ”

“ตาแก่ชอบให้ผมใส่ชุดนี้นี่” สิงจื่ิอห่าวตอบก่อนหยิบรายงานบนโต๊ะ “จองโต๊ะร้านอาหารตะวันตกให้ผมด้วยนะ เดี๋ยวประชุมเสร็จผมจะพาตาแก่ไป”

“ได้ค่ะ” เลขาสาวพยักหน้าตอบ

หลังฝากฝังทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สิงจื่อห่าวก็เดินออกจากห้องทำงานพร้อมเอกสารในมือ

ในห้องประชุมเล็กๆ ที่ชั้นบนสุดของบริษัท

ชายวัยกลางคนร่างท้วมคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา เขาจิบชาก่อนพูดกับเหล่าผู้บริหารในห้อง “เรียกปีเตอร์เข้ามา ส่วนพวกคุณที่เหลือเลิกประชุมได้ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”

“ครับ…ท่านประธานสิง”

เหล่าผู้บริหารโค้งตัวคำนับชายวัยกลางคนก่อนหยิบเอกสารต่างๆ แล้วออกจากห้องไป

ไม่นานชายชาวตะวันตกสวมเสื้อเชิ้ตหนังก็เดินเข้าไปนั่งในห้อง ตามมาด้วยสิงจื่อห่าวที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีร่าเริง พร้อมเอ่ยทักทาย “ป๊า เฮียสอง คุณปีเตอร์สวัสดีครับ”

ประธานสิงเงยหน้ามองลูกชายคนที่สามก่อนพยักหน้ารับและถาม “ยังไม่กลับอีกเหรอ?”

สิงจื่อห่าวโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนตอบอย่างสุภาพ “ผมต้องเคลียร์งานน่ะครับ สองสามวันนี้เลยต้องอยู่ยาว”

ประธานสิงพูดหยอกล้อ “ที่อยู่ทำงานดึกดื่นคงไม่ใช่เพราะได้ยินว่าป๊ากลับมาวันนี้หรอกนะ”

“โธ่…ป๊าอย่าล้อผมสิครับ” สิงจื่อห่าวเกาหัวอย่างเขินอาย

“แล้วมีอะไรหรือเปล่า?” ลูกชายคนที่สองของตระกูลสิงถาม

“มีครับ” สิงจื่อห่าวพยักหน้า เขายื่นรายงานให้พ่อก่อนนั่งลงและเริ่มอธิบาย “ไม่นานมานี้ผมไปศึกษากระบวนการผลิตที่โรงงานมาและเห็นว่าเรายังใช้เครื่องมือเก่าในการผลิตอยู่ซึ่งมันเปลืองกำลังคนมาก ผมเลย…”

ประธานสิงหยิบรายงานขึ้นมาดูก่อนพูดขึ้น “ป๊าเคยคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่าเดี๋ยวป๊าจัดการให้นะ”

“ป๊า…ผมตั้งใจทำรายงานนี้มากนะครับ ผมตรวจสอบตลาดซื้อขายแถมติดต่อคนขายเครื่องมือแล้วด้วย…” สิงจื่อห่าวพยายามอธิบายสิ่งที่เขาทำ

แต่ถึงอย่างนั้นประธานสิงกลับวางรายงานลงและหันไปคุยกับชายชาวตะวันตกแทน “ปีเตอร์…จื่อหรงคุยกับนายเรื่องเปลี่ยนเครื่องมือในโรงงานสองยัง?”

“เรียบร้อยแล้วครับ รายงานที่ส่งมาให้ข้อมูลละเอียดมาก” ชายชาวตะวันตกชม “นับว่าเป็นคนมีฝีมือทีเดียว”

สิงจื่อห่าวชะงักทันทีที่ได้ยิน

“ฮ่าๆๆ” ประธานสิงหัวเราะชอบใจก่อนหันมาคุยกับลูกชายคนที่สามของตน “ลูกคิดเหมือนเฮียตัวเองเป๊ะเลย เอาล่ะ…ทิ้งรายงานไว้นี่แหละ เดี๋ยวป๊าดูให้”

“โอเคครับ…” สิงจื่อห่าวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าตอบ

“ลูกออกไปก่อน เดี๋ยวป๊าจะคุยธุระต่อ” ประธานสิงบอก

สิงจื่อห่าวลุกยืนก่อนยิ้มถาม “ป๊า ถ้าเสร็จแล้วเย็นนี้เราไปกินข้าวกันไหม?”

ประธานสิงนั่งคิดพลางดูนาฬิกาข้อมือก่อนตอบ “วันนี้ยังไม่ว่าง พวกป๊ากะว่าจะไปโรงอาบน้ำต่อพร้อมหาของกินระหว่างทางเลย”

“ก็ได้ครับ” สิงจื่อห่าวตอบพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน “งั้นผมขอตัวก่อน เชิญคุยธุระกันต่อเลยครับ”

“อืม” ประธานสิงพยักหน้าก่อนหันไปพูดกับลูกคนที่สองต่อ “เอาล่ะ อย่างที่ลูกคิดไว้เรื่องสูตรยาใหม่…”

สิงจื่อห่าวมองทั้งสามคนในห้องก่อนออกมา หน้าตาที่เคยยิ้มบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าแห่งความขุ่นเคือง

ตรงทางเข้าห้องประชุม เลขาสาวที่รออยู่เมื่อเห็นสิงจื่อห่าวจึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “ส่งรายงานแล้วเหรอคะ? ท่านประธานต้องชอบมากแน่เลยค่ะ”

สิงจื่อห่าวหันมองเลขาสาวด้วยดวงตาแดงก่อนตะคอก “ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณ!”

เลขาสาวเงียบปากลงทันที

สองชั่วโมงต่อมา

ณ อพาร์ตเมนต์หรูในเฟิงเป่ย สิงจื่อห่าวหยิบเข็มฉีดยาบรรจุสารกระตุ้นประสาทที่บริษัทเขาผลิตเองออกมา ก่อนแทงเข้าเส้นเลือดทันที

“อึก…”

สิงจื่อห่าวหลับตา เส้นเลือดในร่างเริ่มสูบฉีด

ไม่นานเขาก็ล้มตัวนอนร่างกระตุกบนโซฟา

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่กระทั่งประตูห้องเปิดออกและหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมของพะรุงพะรัง “ขอโทษนะที่รัก พอดีฉันต้องส่งแม่ไปโรงพยาบาลก่อน…”

สิงจื่อห่าวมองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาที่ว่างเปล่าก่อนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร เข้ามาสิ”

หญิงสาววางของในมือลงก่อนสวมรองเท้าแตะแล้ววิ่งเข้าไปโอบคอสิงจื่อห่าว “กินอะไรหรือยังคะที่รัก?”

สิงจื่อห่าวโอบรัดคออีกฝ่ายไว้ก่อนถามกลับ “เมื่อกี้ฉันไปอาบน้ำ เห็นมีดโกนผู้ชายอยู่ในถังขยะ…มันเป็นของใคร?”

หญิงสาวชะงักก่อนรีบแก้ตัว “ของพ่อฉันเอง เมื่อวานเขามานอนค้างกับแม่ที่นี่”

“แล้วทำไมเมื่อคืนฉันโทรหาถึงไม่รับ?” สิงจื่อห่าวถามพลางรัดคอหญิงสาวแน่นขึ้น “กำลังโกหกฉันหรือเปล่า?”

“ฉันไม่ได้…”

“แกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าปล่อยให้ฉันรอเป็นชั่วโมงแถมยังแอบพาคนอื่นเข้าห้องอีก?!”

“ก็แม่ฉันต้องไปหาหมอ ฉันถึงต้องพาทั้งสองคนมาค้างที่นี่เมื่อคืน ฉันไม่ได้โกหก!”

“ตุบ!”

สิงจื่อห่าวใช้มือสองรัดคอเธอแน่นและใช้มือขวาชกเข้าที่หน้าหญิงสาว “รู้ตัวไหมว่าแกทำฉันเสียเวลา? กะหรี่อย่างแกคงทำเรื่องแบบนี้จนไม่รู้สึกละอายแล้วสินะ?!”

เลือดสีแดงไหลออกจมูกหญิงสาว เธอร้องอย่างเจ็บปวดก่อนผลักสิงจื่อห่าวและตะคอก “บ้าไปแล้วหรือไง? เมื่อคืนฉันอยู่กับพ่อแม่จริงๆ! ที่ติดต่อไม่ได้เพราะแบตโทรศัพท์หมด ไม่เชื่อก็โทรถามพ่อฉันดูสิ!”

“นี่แกกล้าผลักฉันแถมยังหาว่าฉันพูดไม่รู้เรื่องอีกงั้นเหรอ? ลืมไปแล้วหรือไงว่าตัวเองเป็นใคร? หา?!”

สิงจื่อห่าวโมโหจนขาดสติ เขากระหน่ำทุบตีหญิงสาวราวกับไม่ใช่มนุษย์

หญิงสาวพยายามหาโอกาสโต้กลับ แต่เพราะถูกทุบตีที่หัวหลายครั้งเธอจึงเริ่มหมดแรง ทำได้เพียงใช้แขนป้องกันตัวจากความบ้าคลั่งของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

สิงจื่อห่าวทุบตีอีกฝ่ายเกือบสิบนาทีจนหมดแรง เขาเหนื่อยจนหายใจหอบแต่แววตาก็ยังคงแสดงความว่างเปล่าก่อนทรุดตัวลงทั้งร่างเปื้อนเลือด

หญิงสาวนอนแน่นิ่งใบหน้าสวยบวมช้ำจากการโดนทุบ เมื่อได้สติเธอร้องครวญครางอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยายามเค้นเสียงตะโกน “ฉันอยู่กับพ่อแม่จริงๆ…ไม่เชื่อก็โทรไปถามสิ!”

“ฉันไม่โทรหาใครทั้งนั้น!” สิงจื่อห่าวตะคอกก่อนลุกขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เงินอยู่ในลิ้นชัก หยิบเงินนั่นแล้วออกจากห้องฉันไปซะ”

“หมายความว่าไง?”

“เราเลิกกัน พรุ่งนี้นายหญิงคนใหม่ของห้องนี้จะมา” สิงจื่อห่าวพูดจบก็เดินไปหยิบเสื้อโค้ตสีชมพูและออกจากห้องไป

ด้านล่างอพาร์ตเมนต์

เสียงโทรศัพท์ของสิงจื่อห่าวดังขึ้นขณะที่นั่งอยู่บนรถ

“นั่นใคร?”

“ผมหยงตงจากซ่งเจียง ยินดีที่ได้รู้จักครับนายน้อยสิง”

“มีอะไร” สิงจื่อห่าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์พลางล้วงกล่องบุหรี่ออกมา

“ตอนนี้เป้าหมายสำคัญจากซ่งเจียงอาจกำลังมุ่งหน้าไปเฟิงเป่ยครับ” หยงตงตอบอย่างสุภาพ “คุณหยวนอยากให้ผมไปจัดการมัน เลยต้องติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากคุณนิดหน่อย”

“มาถึงแล้วค่อยว่ากัน” พูดจบสิงจื่อห่าวก็ตัดสายทันที

มณฑลซ่งเจียง

หยงตงนั่งอยู่ในรถหันไปถามลูกน้องที่นั่งด้านข้าง “แน่ใจนะว่ามันหนีไปเฟิงเป่ย?”

“ยังพูดได้ไม่เต็มปากครับ” ลูกน้องตอบ “คนของเราตามหาคนรู้จักของเสี่ยวฉู่ได้ความมาว่ามันมีเพื่อนสนิทอยู่เฟิงเป่ย ในเมื่อมันอยู่ซ่งเจียงไม่ได้แล้วก็เป็นไปที่มันอาจไปที่นั่น”

หยงตงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนออกคำสั่ง “ฉันอยากให้นายตามดูเรื่องนี้ต่อ ส่วนฉันจะไปดูที่เฟิงเป่ย”

“ครับลูกพี่!” ลูกน้องพยักหน้ารับ

เวลาสี่ทุ่ม ในที่สุดฉินอวี่ แมวเฒ่า และกวนฉีก็มาถึงสถานีรถไฟเฟิงเป่ย

………………………………….

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset