SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 26: ผู้ที่ถูกเลือก (2)

 

“…คุย?”

 

“ครับ พูดตามตรงตอนนี้ผมรู้สึกตกใจนิดหน่อย”

 

บนด่านชั้นที่ 12 ราชวัง เราอยู่ในห้องรับรอง เสียงของฉันดังออกมาจากตรงกลาง

 

“ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงโจมตีผม คุณอาจจะเห็นผมเป็นครั้งแรก แต่ผมเคยชื่นชมเทคนิคดาบของคุณ เนื่องจากคุณกำลังยกดาบของคุณมาที่ผมแบบนั้น มันจึงน่าอึดอัดสำหรับผมจริงๆ”

 

ใบหน้าของเซียนดาบแข็งค้าง

 

แม้ว่าฉันจะพูดความจริงก็ตาม

 

‘ฉันเดาว่าเขาคงเป็นคนแบบนั้น’

 

มีเหตุผลที่ใบหน้าของเขาแข็งค้างเช่นนั้น

 

วันแรกที่เขาพบ ฉันวันที่เขาจำไม่ได้ เซียนดาบได้พูดแบบนี้

 

– แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าแกเป็นนักฆ่าที่ถูกส่งมาจากมังกรดำ?

 

– ฉันไม่รู้ว่าแม่มดส่งแกมาหรือเปล่า แต่ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อฆ่าแก!

 

เขาคิดว่าฉันเป็นนักฆ่า

 

‘เป็นนักฆ่าจากมังกรดำในตอนนั้น’

 

ตอนนี้เขาอาจจะคิดแบบเดียวกัน ว่าฉันเป็นนักฆ่าที่ถูกว่าจ้างวานโดยมังกรดำที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์มาแล้วมากมาย ไม่ เขาอาจจะแน่ใจในตัวเองมากกว่าเดิมแล้ว

 

‘หรือนักฆ่าพิเศษจากห้ากิลด์ใหญ่’

 

– อืม ใช่

 

แบ ฮุรยองพยักหน้า

 

– ถ้ามองจากมุมอื่น นายก็แปลกจริงๆแหละ

 

‘ใช่’

 

การปรากฏตัวของฮีโร่คนใหม่เมื่อไม่มีใครคาดคิด!

 

ฮันเตอร์คลาส E ได้เคลียร์ด่านที่ไม่เคยถูกเคลียร์ และทันทีที่เขาทำได้ เขาได้ทำข้อตกลงกับห้ากิลด์ใหญ่และได้รับสัญญาว่าจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับหัวหน้ากิลด์…

 

‘มันแปลกเกินไป’

 

– ใช่ จากสิ่งที่ตาเฒ่ามาร์คัสเห็น นายไม่ใช่ฮันเตอร์ที่ทำงานหนักเพื่อไปยังจุดนั้น นายเป็นฮีโร่ตัวปลอมที่กิลด์ใหญ่สร้างขึ้น ชิชิ

 

แบ ฮุรยองเดาะลิ้นของเขา

 

– ซอมบี้ นายฆ่าไปกี่ครั้ง? 4090?

 

‘ตอนนี้น่าจะเป็น 4093 แล้ว’

 

– ใช่ ตัวเลข 4093 ที่ตาเฒ่ามาร์คัสเห็นเป็นเพียงจำนวนคนที่นายฆ่าไป เพราะนายไม่ใช่ฮันเตอร์ที่เคลื่อนไหวเพียงลำพัง แต่เป็นฮันเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยกิลด์ใหญ่

 

นั่นเป็นเพียงผลลัพธ์เดียวที่เซียนดาบสามารถคิดได้

 

– และ…

 

‘ใช่’

 

‘เขาคงคิดว่ามันเป็นจำนวนที่ฉันฆ่าตามคำสั่งจากกิลด์ใหญ่’

 

กิลด์ขนาดใหญ่ที่ปกครองหอคอย

 

ที่พวกเขาฆ่ามนุษย์ไปแล้วกว่า 4093 คน

 

มันเป็นความเข้าใจผิด… แต่สำหรับเขาแล้วมันอาจจะเป็นภาพที่ดูสกปรก

 

“ฮะ”

 

ถ้าเขาเป็นคนฉลาดน้อยกว่าเขาก็คงจะก้าวถอยกลับไป

 

“บาบิโลนไม่ต่างจากโลกภายนอกเลย”

 

แต่เซียนดาบไม่รู้ว่าจะถอยอย่างไร

 

แม้ว่าเขาจะรู้ เขาก็ปฏิเสธที่จะถอย

 

“หลังจากที่ฉันเข้าไปในหอคอย พวกเธอขอร้องฉันทุกวันเพื่อให้เข้าร่วมกิลด์ แต่ฉันปฏิเสธ รู้ใช่มั้ย?”

 

เซียนดาบจับดาบของเขาแน่นกว่าเดิม มือของเขานั้นแก่ ผิวหนังหย่อน แต่เส้นเลือดที่ผุดออกมานั้นไม่ดูแก่เลย

 

ฟันของสิงโตไม่ได้แหลมคมน้อยลงเพราะอายุ

 

“ฉันอยากจะแสดงให้เห็นในหอคอยแห่งนี้ ในโลกใหม่แห่งนี้ ว่ามันสามารถปกครองที่แห่งนี้ได้โดยลำพัง”

 

เซียนดาบมองไปรอบๆตัวเขาด้วยสายตาที่ดุร้าย

 

“ครอบครัว ประเทศที่จากมา ซึ่งแตกต่างจากโลกภายนอก คุณสามารถเอาชีวิตรอดได้ด้วยตัวเอง โดยคมดาบ ในสถานที่แห่งนี้ ถ้าคุณขยันหมั่นเพียร คุณก็จะประสบความสำเร็จได้”

 

“…”

 

“เพื่อแสดงความหวังให้ผู้คนเห็น ฉันไม่ได้เข้าร่วมกิลด์จนถึงตอนนี้ แต่พวกเธอทำอะไรไปบ้าง?”

 

เขายกดาบขึ้น

 

“พวกเธอก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำเน่าที่เต็มไปด้วยโคลนตม”

 

เหล่าหัวหน้ากิลด์ตัวสั่น

 

ความโกรธ ความอัปยศ ความเกลียดชัง

 

อารมณ์หมุนวนในดวงตาของพวกเขา สิ่งที่เซียนดาบพูดคือการประกาศสงคราม

 

มีบางคนที่ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเหมือนแบบนักถามนอกรีต แต่ใบหน้าของหัวหน้ากิลด์ส่วนใหญ่ดูไม่ค่อยดีนัก

 

“เซียนดาบ ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคนอื่น แต่คุณ…”

 

“ฮ่า! คุณลืมไปหรือเปล่าว่าคุณเพิ่งหนีไปตอนที่เรากำลังลุยชั้น 5 ดูเหมือนคุณจะลืมไปเพราะโรคอัลไซเมอร์สินะ!”

 

 

“ใช่ คุณคาเลนเบอร์รี่ ถ้าคุณใช้เส้นสายจากโลกภายนอก เราจะมีอาหารมากขึ้นและซังยุล…”

 

พวกเขาทั้งหมดตะโกน

 

ฮันเตอร์ทั้งหมดที่นี่รู้จักกันตั้งแต่แรกเริ่มของหอคอย เป็นเพราะพวกเขามีอารมณ์ต่อกันมากไปหรือเปล่า? เมื่ออารมณ์ปะทะกับอารมณ์ บรรยากาศในห้องรับรองก็มืดมนลงในไม่ช้า

 

“ถ้าคุณเป็นอันดับ 1 จริง คุณควรแสดงทัศนคติที่เหมาะสมกับมัน แต่คุณเป็นคนดีแค่เพื่อตัวเอง คุณใช้ชีวิตด้วยตัวเอง คุณรู้ไหมว่ามีฮันเตอร์กี่คนที่เราสามารถช่วยชีวิตได้ถ้าคุณไม่ทำตัวหยิ่งยโสขนาดนี้”

 

แม่มดจากมังกรดำพูดเหมือนเธอกำลังด่าทอเขา

 

“ไม่ใช่แค่ชั้น 5 ถ้าคุณช่วยเราที่ชั้น 7 และชั้น 9 เราจะเจอความเสียหายแค่ครึ่งหนึ่ง!”

 

พญาอสรพิษของเฉินมู่มันเผยจิตสังหาร

 

“คนที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยในโลกภายนอก ถ้าคุณช่วยเำหลือสักหน่อย หอคอยก็จะมั่นคงมากขึ้น เราเป็นน้ำเน่า? ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นเด็กน้อยที่ไม่มีความรับผิดชอบแม้แต่น้อย”

 

เคาท์จ้องมองเขา

 

มันเป็นความวุ่นวาย

 

ถึงแม้จะถูกสาปแช่งและถูกมองด้วยสายตาที่มุ่งร้ายจากเหล่าหัวหน้ากิลด์ แต่ เซียนดาบก็ยังทำหน้าบูดบึ้ง ทุกครั้งที่เขาพูด เขาทำให้ทุกอย่างแย่ลง

 

“เงียบซะ”

 

“…”

 

 

“ผู้ใหญ่อยากพวกเธอพูดถึงเรื่องอะไร…แกคิดว่าฉันเป็นปู่ของพวกเธอหรือยังไง? เก็บเรื่องนั้นไป หากจะโจมตีก็โจมตีด้วยดาบ”

 

ห้องรับรองเริ่มรุนแรงขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมได้

 

– เชี่ย! ตามที่คาดไว้เลยตาเฒ่า สมกับเป็นศิษย์หนึ่งเดียวของฉัน

 

แบฮุรยองอ่านสถานการณ์ไม่ออกและอุทานด้วยความประหลาดใจ

 

– ไม่มีอะไรน่ารังเกียจไปกว่าคนเอาแต่ที่พูดถึงความสายสัมพันธ์หรือเรื่องการเมือง หากเขามีเวลากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาควรต่อสู้ด้วยดาบของเขาแทน!

 

สิ่งที่เขาพูดมีเหตุผล

 

แต่…

 

ฉันรู้สึกเสียใจ

 

“แม้จะอยู่ในที่ที่มีคนแค่ 10 คน คุณก็ยังสู้”

 

ฮันเตอร์ทุกคนมองมาที่ฉัน

 

ฉันถอนหายใจ

 

“แม้แต่ NPC ของชั้น 11 ก็ต่อสู้เพื่อปกป้องอาณาจักรของพวกเขา แต่ดูสิ ฮันเตอร์อย่างเราก็แค่ชี้นิ้วใส่กันว่าใครเป็นคนผิด มันไม่น่าอายเหรอที่พวกเรามันห่วยแตกกว่าพวก NPC ?”

 

“ …ฮันเตอร์คิม กงจา”

 

แม่มดพูด

 

“มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ มันแย่กว่าสิ่งที่คุณ…”

 

“ผมรู้ ผมเข้าใจแล้ว แต่…มีบางอย่างที่เราควรทำถ้าเราเป็นฮันเตอร์”

 

ฉันมองไปรอบๆห้องรับรอง

 

“เรามาโฟกัสที่การเคลียร์ชั้น 12 กันก่อนเถอะ”

 

“…”

 

“เป็นการดีที่จะให้ความหวังกับผู้คนและการลดความเสียหายทั้งหมด นั้นเป็นเรื่องดี แต่ช่วยเคลียร์ด่านที่อยู่ตรงหน้าคุณด้วย”

 

ฉันมองไปที่เซียนดาบเป็นพิเศษ

 

“พวกเขาเป็นเพียง NPC … แต่อาณาจักรของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ ถ้าเราถูกเรียกมาในฐานะนักรบและทำเพียงต่อสู้กันเองด้วยคำพูด มันจะน่าสมเพชแค่ไหนกันเชียว”

 

“นาย…”

 

ฉันพูดตามตรง

 

เซียนดาบไม่สามารถคุกคามชีวิตของฉันที่นี่ได้ เนื่องจากช่องว่างของอำนาจนั้นชัดเจนเกินไป ดังนั้นจุดมุ่งหมายเดียวของฉันก็คือการเคลียร์ชั้น 12

 

ฉันไม่ได้สนใจการเมืองหรืออารมณ์ของพวกเขา

 

“นักรบคืออะไร? ช่วยผู้อื่นแก้ไขสิ่งที่ทำไม่ได้ เนื่องจากเราเคลียร์ชั้น 11 แล้วเรามาเคลียร์ชั้นอื่นๆ ด้วยกันดีกว่า”

 

“คิม กงจาพูดถูก”

 

โชคดีที่มีฮันเตอร์คนหนึ่งที่เห็นด้วย

 

ครูเซเดอร์

 

รองหัวหน้ากิลด์ของกองกำลังอาสาสมัครพลเรือนก้าวออกมา

 

“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเซียนดาบถึงโจมตีคิม กงจา แต่นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับการต่อสู้ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน ตอนนี้พวกคุณทุกคนเครียดเกินไปแล้ว”

 

“…”

 

 

“…”

 

 

ครูเซเดอร์ก้าวไปที่ตรงกลาง แต่ไม่มีใครคลายการป้องกันลง เซียนดาบ, พญาอสรพิษ,เคาท์และนักถามนอกรีคยังคงเตรียมพร้อมที่จะโจมตีหากจำเป็น

 

 

พวกเขาไม่ไว้วางใจซึ่งกันมากเกินไปที่จะโน้มน้าวด้วยคำพูด

 

เป็นเพราะอารมณ์ที่อดกลั้นไว้อย่างยาวนาน

 

“เฮ้อ”

 

เมื่อรู้เช่นนั้นครูเซเดอร์ก็ถอนหายใจ

 

“ก็ได้ ฉันจะเสียสละสักนิดหน่อย”

 

เมื่อได้ยินคำว่าเสียสละ เหล่าฮันเตอร์ก็หันกลับมามอง

 

ครูเซเดอร์บ่นพึมพำกับตัวเองที่เป็นศูนย์กลางของความสนใจ

 

“เปิดสกิลการ์ด”

 

ซู่ม!

 

แสงพุ่งขึ้นจากมือของครูเซเดอร์ ครู่ต่อมาการ์ดสีเงินก็ปรากฏขึ้น มันเป็นการ์ดที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้เว้นแต่ฮันเตอร์จะอนุญาตให้เห็นพวกมัน มันเป็นสกิลการ์ดของครูเซเดอร์

 

“ …รองหัวหน้ากิลด์”

 

แม่มดดูกังวลเกี่ยวกับครูเซเดอร์ แรงเกอร์อันดับสูงไม่เปิดเผยสกิลการ์ดของตนกะบผู้อื่น มันเป็นอาวุธลับของฮันเตอร์ การแสดงให้คนอื่นเห็นก็เหมือนกับการเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเอง

 

“ไม่เป็นไร มันไม่สำคัญหรอก”

 

จากนั้นครูเซเดอร์ก็พลิกการ์ด

 

“มองดูดีๆล่ะ”

 

+

 

 

[การตรวจจับการโกหก]

 

 

Rank : A-

 

 

เอฟเฟค: คุณสามารถบอกได้ว่ามีใครโกหกหรือไม่ ไม่เพียงแต่ใช้ได้กับคนเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับ NPC และมอนสเตอร์ได้ด้วย! แต่สิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็น “ความจริง” ที่จริงแล้วอาจเป็น “ความเท็จ” เชื่อใจ สงสัย ทุกอย่างอยู่ในมือคุณ

 

 

※อย่างไรก็ตามคุณไม่สามารถรับประกันได้ว่าคนอื่นจะเชื่อสิ่งที่คุณพูดว่าเป็นความจริง

 

ดวงตาของฉันเบิกกว้าง

 

‘ตรวจจับการโกหก!’

 

นี่เป็นสกิลที่จักรพรรดิเพลิงโกหกว่ามี ดังนั้นครูเซเดอร์มีมัน ไม่ใช่จักรพรรดิเพลิง

 

‘มันเหมาะกับรองหัวหน้ากิลด์ของกองกำลังอาสาสมัครพลเรือนอย่างสมบูรณ์แบบ!’

 

กองกำลังอาสาสมัครพลเรือนเป็นกิลด์ที่รักษาความสงบเรียบร้อย อาชญากรรมระบายไปทั่วในหอคอย เพราะเป็นเช่นนี้ จักรพรรดิเปลวเพลิงหรือเซียนดาบจึงสังหารผู้คนโดยที่คนอื่นมองไม่เห็น

 

มันเป็นโลกแบบนี้ [การตรวจจับการโกหก] สามารถใช้ในการแยกอาชญากรได้

 

“อย่างที่เห็นกัน”

 

ครูเซเดอร์พูดพร้อมกับการ์ดในมือ

 

“ฉันมีความสามารถที่จะบอกได้ว่ามีใครโกหกหรือไม่ คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่านี่คือสกิลที่ทำให้ฉันมาถึงจุดนี้ เซียนดาบ”

 

“…อะไร”

 

“ถ้าคุณเชื่อใจฉัน ถามอะไรก็ได้ที่คุณต้องการกับคิม กงจา ฉันจะบอกคุณว่าเขาพูดความจริงหรือไม่”

 

ครูเซเดอร์มองมาที่ฉันและเซียนดาบด้วยสายตาที่ไม่แยแส

 

“คิม กงจา เช่นเดียวกันสำหรับคุณ ถ้าคุณเชื่อฉัน ฉันรับรองได้ว่าสิ่งที่คุณพูดคือความจริง”

 

“…”

 

“ความสงสัยคือยาพิษที่กลืนกินมนุษย์และความจริงเป็นยาแก้พิษที่ทรงพลังที่สุด คุณไม่สามารถฟื้นคืนความไว้วางใจที่หายไปได้ แต่ด้วยสิ่งนี้ เราจึงจะสามารถทำงานร่วมกันได้ในชั้นที่ 12”

 

“อืม…”

 

เซียนดาบกำลังครุ่นคิดอยู่ลึกๆ พลางลูบเคราของเขา

 

‘ว้าว’

 

และฉันคิดกับตัวเอง

 

‘โคตรเจ๋ง’

 

นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด เป็นความโชคดีที่ฉันไม่คาดคิดว่าจะมาถึง แต่…นี่ก็ดีแล้ว เหตุผลที่เซียนดาบสงสัยในตัวฉันเพราะสกิลของเขา เนื่องจากสกิลทำให้เขาสงสัย ดังนั้นมันต้องใช้สกิลเพื่อแก้ไขเรื่องพวกนี้!

 

“ผมโอเคสำหรับเรื่องนี้”

 

มันจะได้เปรียบสำหรับคนที่ยอมรับก่อน

 

“…ครูเซเดอร์ เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ทำร้ายใครที่นี่ ก็ได้ ฉันก็จะเชื่อเธอเช่นกัน”

 

เซียนดาบพูดและยอมรับมัน

 

ครูเซเดอร์พยักหน้า

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะถือว่าคุณทั้งคู่เห็นด้วย เซียนดาบ ถามสิ่งที่คุณต้องการอะไรกับคิม กงจา ฉันจะให้เกียรติและตัดสินคำตอบของคุณอย่างยุติธรรม”

 

“อืม”

 

เซียนดาบจ้องมาที่ฉัน

 

ใบหน้าของเขาพร้อมแล้วเหมือนรอช่วงเวลานี้ เป็นเพราะเขาต้องการพิสูจน์ว่าฉันเลวแค่ไหน? ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยชัยชนะ

 

– ไม่นะ…

 

แบ ฮุรยองพูดขึ้นข้างๆฉัน

 

– ม่ายยย ตาเฒ่ามาร์คัส ตาแก่หง่ำเหงือก นี่คือเหตุผลที่ฉันบอกว่าอย่าพึ่งสกิลของนายมากเกินไป คนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยสกิลก็มักจะตายตามมันไป! ม่ายย ม่ายยย

 

‘ช่วยหุบปากเสียที’

 

น่าเสียดายที่ตาเฒ่ามาร์คัสไม่ได้ยินเสียงของแบ ฮุรยอง ไอ้เจ้าผีตัวนี้คือผีของฉัน

 

“ฮันเตอร์คิม กงจา”

 

“ครับ”

 

“เธอฆ่าคนไปกว่า 4000 คน ใช่เรื่องจริงหรือเปล่า”

SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 26: ผู้ที่ถูกเลือก (2)

SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 26: ผู้ที่ถูกเลือก (2)

 

“…คุย?”

 

“ครับ พูดตามตรงตอนนี้ผมรู้สึกตกใจนิดหน่อย”

 

บนด่านชั้นที่ 12 ราชวัง เราอยู่ในห้องรับรอง เสียงของฉันดังออกมาจากตรงกลาง

 

“ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงโจมตีผม คุณอาจจะเห็นผมเป็นครั้งแรก แต่ผมเคยชื่นชมเทคนิคดาบของคุณ เนื่องจากคุณกำลังยกดาบของคุณมาที่ผมแบบนั้น มันจึงน่าอึดอัดสำหรับผมจริงๆ”

 

ใบหน้าของเซียนดาบแข็งค้าง

 

แม้ว่าฉันจะพูดความจริงก็ตาม

 

‘ฉันเดาว่าเขาคงเป็นคนแบบนั้น’

 

มีเหตุผลที่ใบหน้าของเขาแข็งค้างเช่นนั้น

 

วันแรกที่เขาพบ ฉันวันที่เขาจำไม่ได้ เซียนดาบได้พูดแบบนี้

 

– แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าแกเป็นนักฆ่าที่ถูกส่งมาจากมังกรดำ?

 

– ฉันไม่รู้ว่าแม่มดส่งแกมาหรือเปล่า แต่ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อฆ่าแก!

 

เขาคิดว่าฉันเป็นนักฆ่า

 

‘เป็นนักฆ่าจากมังกรดำในตอนนั้น’

 

ตอนนี้เขาอาจจะคิดแบบเดียวกัน ว่าฉันเป็นนักฆ่าที่ถูกว่าจ้างวานโดยมังกรดำที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์มาแล้วมากมาย ไม่ เขาอาจจะแน่ใจในตัวเองมากกว่าเดิมแล้ว

 

‘หรือนักฆ่าพิเศษจากห้ากิลด์ใหญ่’

 

– อืม ใช่

 

แบ ฮุรยองพยักหน้า

 

– ถ้ามองจากมุมอื่น นายก็แปลกจริงๆแหละ

 

‘ใช่’

 

การปรากฏตัวของฮีโร่คนใหม่เมื่อไม่มีใครคาดคิด!

 

ฮันเตอร์คลาส E ได้เคลียร์ด่านที่ไม่เคยถูกเคลียร์ และทันทีที่เขาทำได้ เขาได้ทำข้อตกลงกับห้ากิลด์ใหญ่และได้รับสัญญาว่าจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับหัวหน้ากิลด์…

 

‘มันแปลกเกินไป’

 

– ใช่ จากสิ่งที่ตาเฒ่ามาร์คัสเห็น นายไม่ใช่ฮันเตอร์ที่ทำงานหนักเพื่อไปยังจุดนั้น นายเป็นฮีโร่ตัวปลอมที่กิลด์ใหญ่สร้างขึ้น ชิชิ

 

แบ ฮุรยองเดาะลิ้นของเขา

 

– ซอมบี้ นายฆ่าไปกี่ครั้ง? 4090?

 

‘ตอนนี้น่าจะเป็น 4093 แล้ว’

 

– ใช่ ตัวเลข 4093 ที่ตาเฒ่ามาร์คัสเห็นเป็นเพียงจำนวนคนที่นายฆ่าไป เพราะนายไม่ใช่ฮันเตอร์ที่เคลื่อนไหวเพียงลำพัง แต่เป็นฮันเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยกิลด์ใหญ่

 

นั่นเป็นเพียงผลลัพธ์เดียวที่เซียนดาบสามารถคิดได้

 

– และ…

 

‘ใช่’

 

‘เขาคงคิดว่ามันเป็นจำนวนที่ฉันฆ่าตามคำสั่งจากกิลด์ใหญ่’

 

กิลด์ขนาดใหญ่ที่ปกครองหอคอย

 

ที่พวกเขาฆ่ามนุษย์ไปแล้วกว่า 4093 คน

 

มันเป็นความเข้าใจผิด… แต่สำหรับเขาแล้วมันอาจจะเป็นภาพที่ดูสกปรก

 

“ฮะ”

 

ถ้าเขาเป็นคนฉลาดน้อยกว่าเขาก็คงจะก้าวถอยกลับไป

 

“บาบิโลนไม่ต่างจากโลกภายนอกเลย”

 

แต่เซียนดาบไม่รู้ว่าจะถอยอย่างไร

 

แม้ว่าเขาจะรู้ เขาก็ปฏิเสธที่จะถอย

 

“หลังจากที่ฉันเข้าไปในหอคอย พวกเธอขอร้องฉันทุกวันเพื่อให้เข้าร่วมกิลด์ แต่ฉันปฏิเสธ รู้ใช่มั้ย?”

 

เซียนดาบจับดาบของเขาแน่นกว่าเดิม มือของเขานั้นแก่ ผิวหนังหย่อน แต่เส้นเลือดที่ผุดออกมานั้นไม่ดูแก่เลย

 

ฟันของสิงโตไม่ได้แหลมคมน้อยลงเพราะอายุ

 

“ฉันอยากจะแสดงให้เห็นในหอคอยแห่งนี้ ในโลกใหม่แห่งนี้ ว่ามันสามารถปกครองที่แห่งนี้ได้โดยลำพัง”

 

เซียนดาบมองไปรอบๆตัวเขาด้วยสายตาที่ดุร้าย

 

“ครอบครัว ประเทศที่จากมา ซึ่งแตกต่างจากโลกภายนอก คุณสามารถเอาชีวิตรอดได้ด้วยตัวเอง โดยคมดาบ ในสถานที่แห่งนี้ ถ้าคุณขยันหมั่นเพียร คุณก็จะประสบความสำเร็จได้”

 

“…”

 

“เพื่อแสดงความหวังให้ผู้คนเห็น ฉันไม่ได้เข้าร่วมกิลด์จนถึงตอนนี้ แต่พวกเธอทำอะไรไปบ้าง?”

 

เขายกดาบขึ้น

 

“พวกเธอก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำเน่าที่เต็มไปด้วยโคลนตม”

 

เหล่าหัวหน้ากิลด์ตัวสั่น

 

ความโกรธ ความอัปยศ ความเกลียดชัง

 

อารมณ์หมุนวนในดวงตาของพวกเขา สิ่งที่เซียนดาบพูดคือการประกาศสงคราม

 

มีบางคนที่ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเหมือนแบบนักถามนอกรีต แต่ใบหน้าของหัวหน้ากิลด์ส่วนใหญ่ดูไม่ค่อยดีนัก

 

“เซียนดาบ ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคนอื่น แต่คุณ…”

 

“ฮ่า! คุณลืมไปหรือเปล่าว่าคุณเพิ่งหนีไปตอนที่เรากำลังลุยชั้น 5 ดูเหมือนคุณจะลืมไปเพราะโรคอัลไซเมอร์สินะ!”

 

 

“ใช่ คุณคาเลนเบอร์รี่ ถ้าคุณใช้เส้นสายจากโลกภายนอก เราจะมีอาหารมากขึ้นและซังยุล…”

 

พวกเขาทั้งหมดตะโกน

 

ฮันเตอร์ทั้งหมดที่นี่รู้จักกันตั้งแต่แรกเริ่มของหอคอย เป็นเพราะพวกเขามีอารมณ์ต่อกันมากไปหรือเปล่า? เมื่ออารมณ์ปะทะกับอารมณ์ บรรยากาศในห้องรับรองก็มืดมนลงในไม่ช้า

 

“ถ้าคุณเป็นอันดับ 1 จริง คุณควรแสดงทัศนคติที่เหมาะสมกับมัน แต่คุณเป็นคนดีแค่เพื่อตัวเอง คุณใช้ชีวิตด้วยตัวเอง คุณรู้ไหมว่ามีฮันเตอร์กี่คนที่เราสามารถช่วยชีวิตได้ถ้าคุณไม่ทำตัวหยิ่งยโสขนาดนี้”

 

แม่มดจากมังกรดำพูดเหมือนเธอกำลังด่าทอเขา

 

“ไม่ใช่แค่ชั้น 5 ถ้าคุณช่วยเราที่ชั้น 7 และชั้น 9 เราจะเจอความเสียหายแค่ครึ่งหนึ่ง!”

 

พญาอสรพิษของเฉินมู่มันเผยจิตสังหาร

 

“คนที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยในโลกภายนอก ถ้าคุณช่วยเำหลือสักหน่อย หอคอยก็จะมั่นคงมากขึ้น เราเป็นน้ำเน่า? ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นเด็กน้อยที่ไม่มีความรับผิดชอบแม้แต่น้อย”

 

เคาท์จ้องมองเขา

 

มันเป็นความวุ่นวาย

 

ถึงแม้จะถูกสาปแช่งและถูกมองด้วยสายตาที่มุ่งร้ายจากเหล่าหัวหน้ากิลด์ แต่ เซียนดาบก็ยังทำหน้าบูดบึ้ง ทุกครั้งที่เขาพูด เขาทำให้ทุกอย่างแย่ลง

 

“เงียบซะ”

 

“…”

 

 

“ผู้ใหญ่อยากพวกเธอพูดถึงเรื่องอะไร…แกคิดว่าฉันเป็นปู่ของพวกเธอหรือยังไง? เก็บเรื่องนั้นไป หากจะโจมตีก็โจมตีด้วยดาบ”

 

ห้องรับรองเริ่มรุนแรงขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมได้

 

– เชี่ย! ตามที่คาดไว้เลยตาเฒ่า สมกับเป็นศิษย์หนึ่งเดียวของฉัน

 

แบฮุรยองอ่านสถานการณ์ไม่ออกและอุทานด้วยความประหลาดใจ

 

– ไม่มีอะไรน่ารังเกียจไปกว่าคนเอาแต่ที่พูดถึงความสายสัมพันธ์หรือเรื่องการเมือง หากเขามีเวลากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาควรต่อสู้ด้วยดาบของเขาแทน!

 

สิ่งที่เขาพูดมีเหตุผล

 

แต่…

 

ฉันรู้สึกเสียใจ

 

“แม้จะอยู่ในที่ที่มีคนแค่ 10 คน คุณก็ยังสู้”

 

ฮันเตอร์ทุกคนมองมาที่ฉัน

 

ฉันถอนหายใจ

 

“แม้แต่ NPC ของชั้น 11 ก็ต่อสู้เพื่อปกป้องอาณาจักรของพวกเขา แต่ดูสิ ฮันเตอร์อย่างเราก็แค่ชี้นิ้วใส่กันว่าใครเป็นคนผิด มันไม่น่าอายเหรอที่พวกเรามันห่วยแตกกว่าพวก NPC ?”

 

“ …ฮันเตอร์คิม กงจา”

 

แม่มดพูด

 

“มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ มันแย่กว่าสิ่งที่คุณ…”

 

“ผมรู้ ผมเข้าใจแล้ว แต่…มีบางอย่างที่เราควรทำถ้าเราเป็นฮันเตอร์”

 

ฉันมองไปรอบๆห้องรับรอง

 

“เรามาโฟกัสที่การเคลียร์ชั้น 12 กันก่อนเถอะ”

 

“…”

 

“เป็นการดีที่จะให้ความหวังกับผู้คนและการลดความเสียหายทั้งหมด นั้นเป็นเรื่องดี แต่ช่วยเคลียร์ด่านที่อยู่ตรงหน้าคุณด้วย”

 

ฉันมองไปที่เซียนดาบเป็นพิเศษ

 

“พวกเขาเป็นเพียง NPC … แต่อาณาจักรของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ ถ้าเราถูกเรียกมาในฐานะนักรบและทำเพียงต่อสู้กันเองด้วยคำพูด มันจะน่าสมเพชแค่ไหนกันเชียว”

 

“นาย…”

 

ฉันพูดตามตรง

 

เซียนดาบไม่สามารถคุกคามชีวิตของฉันที่นี่ได้ เนื่องจากช่องว่างของอำนาจนั้นชัดเจนเกินไป ดังนั้นจุดมุ่งหมายเดียวของฉันก็คือการเคลียร์ชั้น 12

 

ฉันไม่ได้สนใจการเมืองหรืออารมณ์ของพวกเขา

 

“นักรบคืออะไร? ช่วยผู้อื่นแก้ไขสิ่งที่ทำไม่ได้ เนื่องจากเราเคลียร์ชั้น 11 แล้วเรามาเคลียร์ชั้นอื่นๆ ด้วยกันดีกว่า”

 

“คิม กงจาพูดถูก”

 

โชคดีที่มีฮันเตอร์คนหนึ่งที่เห็นด้วย

 

ครูเซเดอร์

 

รองหัวหน้ากิลด์ของกองกำลังอาสาสมัครพลเรือนก้าวออกมา

 

“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเซียนดาบถึงโจมตีคิม กงจา แต่นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับการต่อสู้ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน ตอนนี้พวกคุณทุกคนเครียดเกินไปแล้ว”

 

“…”

 

 

“…”

 

 

ครูเซเดอร์ก้าวไปที่ตรงกลาง แต่ไม่มีใครคลายการป้องกันลง เซียนดาบ, พญาอสรพิษ,เคาท์และนักถามนอกรีคยังคงเตรียมพร้อมที่จะโจมตีหากจำเป็น

 

 

พวกเขาไม่ไว้วางใจซึ่งกันมากเกินไปที่จะโน้มน้าวด้วยคำพูด

 

เป็นเพราะอารมณ์ที่อดกลั้นไว้อย่างยาวนาน

 

“เฮ้อ”

 

เมื่อรู้เช่นนั้นครูเซเดอร์ก็ถอนหายใจ

 

“ก็ได้ ฉันจะเสียสละสักนิดหน่อย”

 

เมื่อได้ยินคำว่าเสียสละ เหล่าฮันเตอร์ก็หันกลับมามอง

 

ครูเซเดอร์บ่นพึมพำกับตัวเองที่เป็นศูนย์กลางของความสนใจ

 

“เปิดสกิลการ์ด”

 

ซู่ม!

 

แสงพุ่งขึ้นจากมือของครูเซเดอร์ ครู่ต่อมาการ์ดสีเงินก็ปรากฏขึ้น มันเป็นการ์ดที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้เว้นแต่ฮันเตอร์จะอนุญาตให้เห็นพวกมัน มันเป็นสกิลการ์ดของครูเซเดอร์

 

“ …รองหัวหน้ากิลด์”

 

แม่มดดูกังวลเกี่ยวกับครูเซเดอร์ แรงเกอร์อันดับสูงไม่เปิดเผยสกิลการ์ดของตนกะบผู้อื่น มันเป็นอาวุธลับของฮันเตอร์ การแสดงให้คนอื่นเห็นก็เหมือนกับการเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเอง

 

“ไม่เป็นไร มันไม่สำคัญหรอก”

 

จากนั้นครูเซเดอร์ก็พลิกการ์ด

 

“มองดูดีๆล่ะ”

 

+

 

 

[การตรวจจับการโกหก]

 

 

Rank : A-

 

 

เอฟเฟค: คุณสามารถบอกได้ว่ามีใครโกหกหรือไม่ ไม่เพียงแต่ใช้ได้กับคนเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับ NPC และมอนสเตอร์ได้ด้วย! แต่สิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็น “ความจริง” ที่จริงแล้วอาจเป็น “ความเท็จ” เชื่อใจ สงสัย ทุกอย่างอยู่ในมือคุณ

 

 

※อย่างไรก็ตามคุณไม่สามารถรับประกันได้ว่าคนอื่นจะเชื่อสิ่งที่คุณพูดว่าเป็นความจริง

 

ดวงตาของฉันเบิกกว้าง

 

‘ตรวจจับการโกหก!’

 

นี่เป็นสกิลที่จักรพรรดิเพลิงโกหกว่ามี ดังนั้นครูเซเดอร์มีมัน ไม่ใช่จักรพรรดิเพลิง

 

‘มันเหมาะกับรองหัวหน้ากิลด์ของกองกำลังอาสาสมัครพลเรือนอย่างสมบูรณ์แบบ!’

 

กองกำลังอาสาสมัครพลเรือนเป็นกิลด์ที่รักษาความสงบเรียบร้อย อาชญากรรมระบายไปทั่วในหอคอย เพราะเป็นเช่นนี้ จักรพรรดิเปลวเพลิงหรือเซียนดาบจึงสังหารผู้คนโดยที่คนอื่นมองไม่เห็น

 

มันเป็นโลกแบบนี้ [การตรวจจับการโกหก] สามารถใช้ในการแยกอาชญากรได้

 

“อย่างที่เห็นกัน”

 

ครูเซเดอร์พูดพร้อมกับการ์ดในมือ

 

“ฉันมีความสามารถที่จะบอกได้ว่ามีใครโกหกหรือไม่ คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่านี่คือสกิลที่ทำให้ฉันมาถึงจุดนี้ เซียนดาบ”

 

“…อะไร”

 

“ถ้าคุณเชื่อใจฉัน ถามอะไรก็ได้ที่คุณต้องการกับคิม กงจา ฉันจะบอกคุณว่าเขาพูดความจริงหรือไม่”

 

ครูเซเดอร์มองมาที่ฉันและเซียนดาบด้วยสายตาที่ไม่แยแส

 

“คิม กงจา เช่นเดียวกันสำหรับคุณ ถ้าคุณเชื่อฉัน ฉันรับรองได้ว่าสิ่งที่คุณพูดคือความจริง”

 

“…”

 

“ความสงสัยคือยาพิษที่กลืนกินมนุษย์และความจริงเป็นยาแก้พิษที่ทรงพลังที่สุด คุณไม่สามารถฟื้นคืนความไว้วางใจที่หายไปได้ แต่ด้วยสิ่งนี้ เราจึงจะสามารถทำงานร่วมกันได้ในชั้นที่ 12”

 

“อืม…”

 

เซียนดาบกำลังครุ่นคิดอยู่ลึกๆ พลางลูบเคราของเขา

 

‘ว้าว’

 

และฉันคิดกับตัวเอง

 

‘โคตรเจ๋ง’

 

นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด เป็นความโชคดีที่ฉันไม่คาดคิดว่าจะมาถึง แต่…นี่ก็ดีแล้ว เหตุผลที่เซียนดาบสงสัยในตัวฉันเพราะสกิลของเขา เนื่องจากสกิลทำให้เขาสงสัย ดังนั้นมันต้องใช้สกิลเพื่อแก้ไขเรื่องพวกนี้!

 

“ผมโอเคสำหรับเรื่องนี้”

 

มันจะได้เปรียบสำหรับคนที่ยอมรับก่อน

 

“…ครูเซเดอร์ เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ทำร้ายใครที่นี่ ก็ได้ ฉันก็จะเชื่อเธอเช่นกัน”

 

เซียนดาบพูดและยอมรับมัน

 

ครูเซเดอร์พยักหน้า

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะถือว่าคุณทั้งคู่เห็นด้วย เซียนดาบ ถามสิ่งที่คุณต้องการอะไรกับคิม กงจา ฉันจะให้เกียรติและตัดสินคำตอบของคุณอย่างยุติธรรม”

 

“อืม”

 

เซียนดาบจ้องมาที่ฉัน

 

ใบหน้าของเขาพร้อมแล้วเหมือนรอช่วงเวลานี้ เป็นเพราะเขาต้องการพิสูจน์ว่าฉันเลวแค่ไหน? ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยชัยชนะ

 

– ไม่นะ…

 

แบ ฮุรยองพูดขึ้นข้างๆฉัน

 

– ม่ายยย ตาเฒ่ามาร์คัส ตาแก่หง่ำเหงือก นี่คือเหตุผลที่ฉันบอกว่าอย่าพึ่งสกิลของนายมากเกินไป คนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยสกิลก็มักจะตายตามมันไป! ม่ายย ม่ายยย

 

‘ช่วยหุบปากเสียที’

 

น่าเสียดายที่ตาเฒ่ามาร์คัสไม่ได้ยินเสียงของแบ ฮุรยอง ไอ้เจ้าผีตัวนี้คือผีของฉัน

 

“ฮันเตอร์คิม กงจา”

 

“ครับ”

 

“เธอฆ่าคนไปกว่า 4000 คน ใช่เรื่องจริงหรือเปล่า”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset