SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 31: ดาบสีชาด (1)

 

ทันทีที่ฉันออกจากวัง ฮันเตอร์ที่เหลือก็ถูกอัญเชิญ

 

“โว้ว ที่นี่ที่ไหน?”

 

“โชดคีที่มันไม่ใช่ท่าเรือที่เละเทะไปหมด”

 

ฮันเตอร์มองไปรอบๆเหมือนเป็นนักท่องเที่ยวที่มาชมเมือง

 

“ห๊ะ นี่ฝนศักดิ์สิทธิ์เหรอ? สีมัน…”

 

“เข้าที่ร่มเร็ว! เร็วเข้า!”

 

“เฮ้ มันบอกว่าให้เลือกบทบาทเป็นรางวัลของฉัน”

 

“บทบาท? อะไรล่ะนั่น?”

 

เหล่าฮันเตอร์ไม่เข้าใจสถานการณ์ เป็นเพราะพวกเขามาถึงช้ากว่าเราหรือเปล่า?

 

‘แม้แต่แรงเกอร์อันดับสูงก็ยังสงสัยและต่อสู้กันเอง’

 

คนสามคนต้องตายเพียงเพราะพวกเขาถูกสงสัย มันจะแย่แค่ไหนสำหรับฮันเตอร์ที่เหลือ! มันไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มากนักจากฮันเตอร์ที่เพิ่งเข้ามายังด่านนี้

 

‘มันไม่มีเวลาที่จะโน้มน้าวผู้เล่นแล้ว’

 

เพราะกองทัพของราชาปีศาจกำลังใกล้มาถึงแล้ว

 

‘เราต้องหยุดการโจมตีพร้อมกับ NPC ก่อน!’

 

ฉันไม่สนใจพวกฮันเตอร์และวิ่งไปตามถนน มันก็ยิ่งแออัดมากขึ้น แต่โชคดีที่มีมินิแมปกับตัวฉัน ฉันใช้เส้นทางที่เร็วที่สุดไปยังกำแพงเมือง

 

“คิม กงจา”

 

เป็นตอนที่ฉันออกจากวัง มีใครบางคนปรากฏตัวข้างๆฉัน

 

“แม่มด?”

 

“เรียกฉันว่าหัวหน้ากิลด์มังกรดำ ฉันไม่ชอบชื่อเล่นของฉันขนาดนั้น”

 

แม่มด ฮันเตอร์อันดับ 2 และฉันกำลังวิ่งไปด้วยกัน เธอมีออร่าที่เท้าของเธอหรือเปล่า? เธอวิ่งไปตามถนนเหมือนกำลังไถลไปบนถนน

 

“ทำไมจู่ๆคุณถึงมาที่นี่”

 

“ …มันเป็นสกิลของฉัน ฉันสามารถเทเลพอร์ตไปยังที่ที่ฉันมองเห็นได้”

 

มันเป็นสกิลที่โกงเป็นบ้า

 

– เฮ้ ซอมบี้ นายควรจะตายเพราะคนคนนี้สักครั้ง! เทเลพอร์ตโคตรเจ๋ง! ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคนอื่น แต่ถ้าเป็นฉันคนนี้ ฉันจะรีบพยักหน้าแล้วไปตายทันที!

 

ฉันไม่สนใจสิ่งที่แบ ฮุรยองพูดและถาม

 

“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ แต่ไม่ใช่ที่กำแพงเมือง?”

 

“ฉันมาเพื่อรับนาย”

 

เธอตอบอย่างไร้อารมณ์ เรากำลังวิ่ง แต่เธอดูไม่เหนื่อยเลย

 

“ฉันเห็นที่ชั้น 11 นายมีดาบที่ใช้งานได้กับ NPC ใช่ไหม? ฉันไม่รู้ว่ามันคือดาบประเภทไหน แต่มันสามารถปลุกขวัญกำลังใจของพวกเขาได้ สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ฉัน แต่เป็นนาย”

 

เธอมองมาที่ฉัน

 

“ตอบตกลงซะ”

 

“อะไรนะ?”

 

“ตอบตกลงว่านายจะเทเลพอร์ตไปกับฉัน ถ้าไม่ตกลง ฉันจะเทเลพอร์ตนายไม่ได้ นั่นคือข้อจำกัดสกิลของฉัน”

 

ฉันผงะเล็กน้อย

 

“เดี๋ยวก่อน การเทเลพอร์ตอย่างน้อยต้องเป็นสกิลระดับ S  คุณสามารถเปิดเผยข้อจำกัดแบบนี้ได้เหรอ? มันคืออาวุธลับของคุณ”

 

“ตลกจริง”

 

เธอปาดหน้าผากของเธอ ด้านบนเราฝนสีแดงเทลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมติดอยู่บนหน้าผากขาวของเธอเพราะฝน

 

ดวงตาสีดำของเธอมองมาที่ฉัน

 

“อย่างที่นายพูดฉันเป็นอัครมหาเสนาบดีของอาณาจักรนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่อัครมหาเสนาบดีจะเปิดเผยอาวุธลับของพวกเขาไม่ใช่เหรอ?”

 

“…….”

 

 

“ไม่มีเวลาแล้ว มันไม่สำคัญว่านายจะว่ายังไง รีบตอบตกลงเร็วเข้า”

 

ฉันพยักหน้า

 

“ฉันตกลงกับการใช้สกิลของหัวหน้ากิลด์มังกรดำ”

 

ทันใดนั้นเองแม่มดก็จับมือขวาของฉัน มือที่เปียกชุ่มกุมมือของฉันไว้ นิ้วของเธอเกี่ยวพันกับนิ้วของฉันเพื่อไม่ให้ลื่นจากฝน

 

“ฮะ?”

 

“-นี่เป็นอีกข้อจำกัด”

 

แม่มดกระซิบขณะจับมือฉัน

 

“เคลื่อนย้าย”

 

ในพริบตาเราก็อยู่ด้านบนของกำแพงเมือง

 

อย่างที่คาดไว้ มันยุ่งเหยิง สัตว์ประหลาดกำลังเข้ามา แต่ทหารก็ไมไ่ด้สู้กลับ ไม่พวกเขาไม่ได้ทำ พวกเขากำลังซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงหรือภาวนาต่อพระเจ้าของพวกเขา

 

“มันจบสิ้นแล้ว…”

 

“พระเจ้า ได้โปรดสงสารเราและ…”

 

“ฮือ ฮือ…”

 

เหล่า NPC ไม่ต่างจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะเป็นภาพลวงตา แต่ความกลัวที่พวกเขารู้สึกก็เป็นของจริง

 

“หัวหน้าากิลด์มังกรดำ คุณพาผมมาที่นี่ ตั้งแต่นี้ไป…”

 

“เดี๋ยวก่อน”

 

แม่มดถอนหายใจ

 

“ฉันปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้หลังจากแสดงให้เห็นด้านที่น่าสมเพชของฉัน”

 

“ว่ายังไงนะ?”

 

“ฉันไม่ได้เป็นกิลด์มาสเตอร์โดยไม่มีเหตุผล”

 

เธอหายใจเข้าลึกๆ และอ้าปาก

 

“ – เหล่าทหารของจักรวรรดิเอจิม!”

 

ออร่าสีดำพรั่งพรูออกมาจากร่างกายของเธอ สีดำที่เข้มกว่าสีแดงเล็กน้อย

 

“จงลุกขึ้น! พวกนายมาทำอะไรที่นี่? พวกนายคิดว่ากำแพงที่ทำจากหินจะปกป้องนายได้เหรอ? พวกนายไม่รู้หรือว่าสิ่งที่ปกป้องอาณาจักรนั้นไม่ใช่กองหิน แต่เป็นพวกนายทุกคน”

 

ทหารที่หมอบอยู่หลังกำแพงเงยหน้าขึ้น

 

“ท่านอัครมหาเสนาบดี…?”

 

“มันเป็นท่านอัครมหาเสนาบดี”

 

สำหรับพวกเขา แม่มดเป็นอัครมหาเสนาบดี มีคนจำอัครมหาเสนาบดีได้และสิ่งที่เขาพูดก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนฝนที่เทลงมา

 

แม่มดพยักหน้า

 

“ลุกขึ้น!”

 

แม่มดดูโกรธ เธอมองลงไปที่กำแพงด้วยความโกรธและทหารก็จ้องมองเธอ

 

“ลุกขึ้น ทหารของจักรวรรดิ! กำแพงสุดท้ายของเอจิม! หยิบโล่ของพวกนาย! ยกดาบขอพวกนาย จนกว่าพวกนายจะยกมันไม่ไหว! ลุกขึ้นเพื่ออาณาจักรและเพื่อตัวพวกนาย!”

 

แม่มดคว้ามือของฉัน

 

“เทพธิดากำลังปกป้องเราอยู่!”

 

เธอยกมือขวาของฉันขึ้น

 

ฉันรู้ตัวว่าต้องทำอะไร

 

ชิ้ง!

 

ดาบศักดิ์สิทธิ์ถูกชักออกมาจากฝักดาบ

 

ฉันยกดาบขึ้นสูง มันส่องลงไปที่กำแพงเมือง บนใบหน้าของเหล่าทหาร

 

“ดาบแห่งการเริ่มต้น…”

 

“มันคือดาบศักดิ์สิทธิ์ ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เทพธิดาได้พิสูจน์!”

 

และ

 

[เทพธิดาแห่งการปกป้องแสดงความขอบคุณที่ตัวเลือกของท่าน]

 

[เทพธิดาแห่งการปกป้องจะสำแดงพลังเฮือกสุดท้ายของเธอออกมา]

 

จากนั้นก็มีแสง

 

ไม่มีใครรู้ว่าแสงพวกนี้มาจากไหน

 

– สิ่งชีวิตที่น่าเวทนา

 

มันปรากฏตัวทุกครั้งเมื่อฝนตกลงมาเป็นฝนสีแดง

 

– สิ่งมีชีวิตที่ไม่เห็นมนุษย์เป็นมนุษย์

 

เลือดไหลจากตรงที่ฝนตกลงมา

 

– พวกเจ้าเข่นฆ่ามนุษย์หลังจากเกิดมาเป็นมนุษย์ พวกเจ้าบอกว่านั่นเป็นชะตากรรมของมนุษย์หรือ? ข้าคิดว่านั่นคือสัญชาติญาณของสัตว์ร้าย อะไรคือเหตุผลที่ข้าไม่ควรฆ่าสัตว์ร้ายกัน?

 

ห่าฝนแห่งฝันร้าย

 

ฉันเห็นบาดแผลในใจของนายพลตอนที่ฉันถูกฆ่าโดยนายพล NPC ที่ชั้น 11 ในฝันร้ายนายพลกำลังกรีดร้อง

 

ไม่เพียงแต่นายพลเท่านั้น แม้แต่เป็นชาวบ้านทั่วไป

 

– ถอย!

 

– ฝนตกอีกแล้ว…

 

– รีบวิ่งไปที่ที่ฝนไม่ตก!

 

ประเทศเล็กๆในดินแดนห่างไกลล่มสลายก่อน

 

หลังจากนั้นจักรวรรดิก็เริ่มล่มสลาย

 

ประเทศและอาณาจักรเล็กๆอื่นๆ ล่มสลายอย่างไร้สุ้มเสียง ทุกครั้งที่ดินแดนหนึ่งได้ล่มสลาย พื้นที่ที่ปลอดภัยของมนุษย์ก็หดเล็ก ประวัติศาสตร์ของมนุษย์สั้นลงเมื่อกษัตริย์หายตัวไป

 

มีเพียงฝนเท่านั้นเทลงมา

 

– ที่ที่ฝนไม่ตก…

 

ฝนเทลงมา

 

– มันคือจุดจบ เราจบสิ้นแล้ว

 

ฝนเทลงมา

 

– ท่านเทพธิดา ได้โปรดอย่าทอดทิ้งเรา…

 

และฝนก็เทลงมา

 

ในที่สุดก็เหลือเพียงผืนดินเล็กๆสำหรับมนุษย์และมีเพียงชิ้นส่วนประวัติศาสตร์เล็กๆของมนุษย์ที่เหลืออยู่ นักประวัติศาสตร์ใช้ปากกาอย่างมีค่า พวกเขายอมรับว่าจะเขียนว่า “แล้วมนุษย์ก็สูญพันธุ์ไป”

 

เหลือเพียงจักรวรรดิเดียวในทวีป

 

– สิ่งมีชีวิตที่น่าสังเวช

 

เจ้าของฝันร้าย

 

ราชาแห่งปีศาจทั้งมวล

 

และนักประวัติศาสตร์คนสุดท้ายตั้งชื่อให้กับมัน

 

ราชาปีศาจแห่งห่าฝน

 

ฝนตกลงมา

 

กับแสงเจิดจรัส

 

ฝนตกที่พื้นและแสงสว่างก็ส่องขึ้นไปบนฟ้า

 

“โว้”

 

ในที่ที่แสงส่องลงมา ฝนเลือดก็หยุดตกลงมา

 

ทหารมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยใบหน้าเปื้อนเลือด

 

ฝนได้หยุดตกแล้ว

 

“ท่านเทพธิดา….”

 

นั่นแหล่ะ

 

เลือดได้หยุดเทลงมาแล้ว

 

และมันก็ไม่ได้หยุดโดยสิ้นเชิง

 

มันหยุดเพียง ณ จุดที่ดาบศักดิ์สิทธิ์ส่องแสง

 

มันเป็นเพียงแค่แสงจางๆ เพียงแสงเล็กๆ

 

“ท่านเทพธิดา….”

 

“ท่านเทพธิดากำลังปกป้องจักรวรรดิ!”

 

อย่างไรก็ตาม มีหลายครั้งที่สิ่งเล็กๆน้อยๆก็ทำให้ผู้คนตื่นเต้น

 

มันเกิดขึ้นกับคนที่เหลือบางสิ่งเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

 

ดินแดนแห่งนี้เป็นเพียงพื้นที่ปลอดภัยแห่งเดียวสำหรับผู้คนในจักรวรรดิ มันเป็นหน้าสุดท้ายของหนังสือประวัติศาสตร์ พลเมืองของจักรวรรดิรู้ นายพลรู้และผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงและการศึกษารู้

 

นั่นคือสาเหตุที่ไม่มี NPC อยู่ในห้องรับรอง

 

เป็นเพราะอัครมหาเสนาบดีได้ยุติบทบาททางการเมืองแล้ว

 

เป็นเพราะแม่ทัพสูงสุดได้ออกจากกองทัพแล้ว

 

เป็นเพราะเหล่าองครักษ์ไม่ได้ปกป้องจักรพรรดิอีกแล้ว

 

เป็นเพราะอัศวินไม่ได้ทำหน้าที่ของอัศวินอีกแล้ว

 

มันเป็นจักรวรรดิที่ทุกคนละทิ้ง

 

นั่นคือเหตุผลที่หอคอยเลือกจักรวรรดิแห่งนี้เป็นเวทีสำหรับด่านนี้

 

เหมือนกับบ้านบนชั้นที่ 10 กับเด็กๆที่ทุกคนทอดทิ้ง

 

“ลุกขึ้นมา!”

 

แม่มดจากมังกรดำตะโกน

 

ทหารทั้งหมดลุกขึ้นยืน มีบางคนที่เกาะกำแพงเพื่อยืนขึ้น มีบางคนที่แทบจะต้องพยุงตัวเองด้วยหอก มีบางคนที่ยกตัวเองด้วยความช่วยเหลือจากสหายของพวกเขา

 

“จงลุกขึ้น!”

 

แม่มดสั่งพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย ใช่ พวกเขาจะเป็นกำแพงของเมือง พวกเขาทั้งหมดขานคำสั่งของเธอราวกับว่าพวกเขาต้องมนต์

 

“จงลุกขึ้น!”

 

“อัครมหาเสนาบดีอยู่ที่นี่! อยู่กับพวกเรา!”

 

“ดาบบรรพบุรุษของเรากำลังปกป้องพวกเรา!”

 

เช่นนี้กำแพงเมืองจึงกลายเป็นกำแพงเมือง หอกจึงกลายเป็นหอกและทหารก็กลายเป็นทหาร

 

“ลุกขึ้นเร็วเข้า!”

 

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรต่อหน้าท่านอัครเสนาบดี!”

 

ทหารทุกคนต่างได้สติ พวกเขาจัดหมวกของพวกเขา

 

ฝนสีแดงตกลงบนศีรษะของพวกเขา แต่สายฝนไม่ได้ปิดบังดวงตาของพวกเขาอีกต่อไป พวกเขามองไปข้างหน้า

 

“เฮ้อ…”

 

แม่มดถอนหายใจเบาๆ

 

ออร่าสีดำจากร่างกายของเธอค่อยๆจางหายไป เธอมำเกินหรือเปล่า? ไม่ใช่แค่หยดเลือดบนหน้าผากของเธอ แต่มันยังมีเหงื่ออีกด้วย

 

“…อะไร?”

 

“เป็นครั้งแรกที่นายเห็นคนยูเครนกล่าวสุนทรพจน์หรือยังไง”

 

“เอ่อ…”

 

“ในประเทศของเรา พวกคอมมิวนิสต์ทำแบบนี้”

 

แม่มดยกมุมปากของเธอ

 

เธอรู้ตัวช้าเกินไปว่าเธอกำลังยิ้ม

 

“ฉันไม่ได้ชอบคอมมิวนิสต์ แต่พวกเขาพูดสุนทรพจน์ได้ดี มีหลายอย่างที่ฉันสามารถเรียนรู้ได้”

 

“ว่าอะไรนะ?”

 

“…ช่างมันเถอะ”

 

ใบหน้าของแม่มดกลับไร้ความรู้สึกอีกครั้ง ฮะ? ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่หัวหน้ากิลด์มังกรดำพูด

 

– รอก่อน

 

แบ ฮุรยองแทรกตัวเข้ามาในการสนทนา

 

– ฉันคิดว่าเธอแค่อายที่มุขตลกมันขำ

 

‘เอ๋ นั่นเป็นมุขตลกเหรอ?’

 

ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร

 

ฉันไม่รู้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน

 

“คิม กงจา นายจะทำอะไรต่อจากนี้?”

 

สถานการณ์ค่อนข้างดีขึ้นด้วยคำพูดของเธอ

 

“เราจะต้องยื้อกองกำลังปีศาจที่กำแพงเมือง”

 

“ใช่”

 

ฉันหรี่ตาลงมองไปที่ขอบฟ้าสีแดง

 

มอนเสเตอร์นับไม่ถ้วนอยู่รอบราชาปีศาจ แม้ว่าสกิลการเทเลพอร์ตของแม่มดจะพาฉันไปที่นั่ได้น แต่ก็ไม่มีการรับประกันใดๆว่าฉันจะถูกราชาปีศาจฆ่า

 

อย่างแรก มันจำเป็นต้องเป็นการเผชิญหน้ากับราชาปีศาจแบบตัวต่อตัว

 

“เราจำเป็นต้องนำฮันเตอร์ในขณะที่ NPC คอยยื้อสถานการณ์ จากนั้นเราจะไม่ถอยในการต่อสู้ หากราชาปีศาจพยายามที่จะพามอนสเตอร์โถมเข้ามามากขึ้นโดยการสั่งให้พวกมันเข้าไปในกำแพงเมือง…”

 

“กำแพงเมือง?”

 

“เทเลพอร์ตราชาปีศาจมาตรงหน้าผม”

 

แม่มดมองหน้าฉันอย่างเปิดเผย

 

“ปฏิบัติการจู่โจม”

 

“ใช่”

 

“นี่นายวางแผนจะฆ่าตัวตายหรือยังไง?”

SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 31: ดาบสีชาด (1)

SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 31: ดาบสีชาด (1)

 

ทันทีที่ฉันออกจากวัง ฮันเตอร์ที่เหลือก็ถูกอัญเชิญ

 

“โว้ว ที่นี่ที่ไหน?”

 

“โชดคีที่มันไม่ใช่ท่าเรือที่เละเทะไปหมด”

 

ฮันเตอร์มองไปรอบๆเหมือนเป็นนักท่องเที่ยวที่มาชมเมือง

 

“ห๊ะ นี่ฝนศักดิ์สิทธิ์เหรอ? สีมัน…”

 

“เข้าที่ร่มเร็ว! เร็วเข้า!”

 

“เฮ้ มันบอกว่าให้เลือกบทบาทเป็นรางวัลของฉัน”

 

“บทบาท? อะไรล่ะนั่น?”

 

เหล่าฮันเตอร์ไม่เข้าใจสถานการณ์ เป็นเพราะพวกเขามาถึงช้ากว่าเราหรือเปล่า?

 

‘แม้แต่แรงเกอร์อันดับสูงก็ยังสงสัยและต่อสู้กันเอง’

 

คนสามคนต้องตายเพียงเพราะพวกเขาถูกสงสัย มันจะแย่แค่ไหนสำหรับฮันเตอร์ที่เหลือ! มันไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มากนักจากฮันเตอร์ที่เพิ่งเข้ามายังด่านนี้

 

‘มันไม่มีเวลาที่จะโน้มน้าวผู้เล่นแล้ว’

 

เพราะกองทัพของราชาปีศาจกำลังใกล้มาถึงแล้ว

 

‘เราต้องหยุดการโจมตีพร้อมกับ NPC ก่อน!’

 

ฉันไม่สนใจพวกฮันเตอร์และวิ่งไปตามถนน มันก็ยิ่งแออัดมากขึ้น แต่โชคดีที่มีมินิแมปกับตัวฉัน ฉันใช้เส้นทางที่เร็วที่สุดไปยังกำแพงเมือง

 

“คิม กงจา”

 

เป็นตอนที่ฉันออกจากวัง มีใครบางคนปรากฏตัวข้างๆฉัน

 

“แม่มด?”

 

“เรียกฉันว่าหัวหน้ากิลด์มังกรดำ ฉันไม่ชอบชื่อเล่นของฉันขนาดนั้น”

 

แม่มด ฮันเตอร์อันดับ 2 และฉันกำลังวิ่งไปด้วยกัน เธอมีออร่าที่เท้าของเธอหรือเปล่า? เธอวิ่งไปตามถนนเหมือนกำลังไถลไปบนถนน

 

“ทำไมจู่ๆคุณถึงมาที่นี่”

 

“ …มันเป็นสกิลของฉัน ฉันสามารถเทเลพอร์ตไปยังที่ที่ฉันมองเห็นได้”

 

มันเป็นสกิลที่โกงเป็นบ้า

 

– เฮ้ ซอมบี้ นายควรจะตายเพราะคนคนนี้สักครั้ง! เทเลพอร์ตโคตรเจ๋ง! ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคนอื่น แต่ถ้าเป็นฉันคนนี้ ฉันจะรีบพยักหน้าแล้วไปตายทันที!

 

ฉันไม่สนใจสิ่งที่แบ ฮุรยองพูดและถาม

 

“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ แต่ไม่ใช่ที่กำแพงเมือง?”

 

“ฉันมาเพื่อรับนาย”

 

เธอตอบอย่างไร้อารมณ์ เรากำลังวิ่ง แต่เธอดูไม่เหนื่อยเลย

 

“ฉันเห็นที่ชั้น 11 นายมีดาบที่ใช้งานได้กับ NPC ใช่ไหม? ฉันไม่รู้ว่ามันคือดาบประเภทไหน แต่มันสามารถปลุกขวัญกำลังใจของพวกเขาได้ สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ฉัน แต่เป็นนาย”

 

เธอมองมาที่ฉัน

 

“ตอบตกลงซะ”

 

“อะไรนะ?”

 

“ตอบตกลงว่านายจะเทเลพอร์ตไปกับฉัน ถ้าไม่ตกลง ฉันจะเทเลพอร์ตนายไม่ได้ นั่นคือข้อจำกัดสกิลของฉัน”

 

ฉันผงะเล็กน้อย

 

“เดี๋ยวก่อน การเทเลพอร์ตอย่างน้อยต้องเป็นสกิลระดับ S  คุณสามารถเปิดเผยข้อจำกัดแบบนี้ได้เหรอ? มันคืออาวุธลับของคุณ”

 

“ตลกจริง”

 

เธอปาดหน้าผากของเธอ ด้านบนเราฝนสีแดงเทลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมติดอยู่บนหน้าผากขาวของเธอเพราะฝน

 

ดวงตาสีดำของเธอมองมาที่ฉัน

 

“อย่างที่นายพูดฉันเป็นอัครมหาเสนาบดีของอาณาจักรนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่อัครมหาเสนาบดีจะเปิดเผยอาวุธลับของพวกเขาไม่ใช่เหรอ?”

 

“…….”

 

 

“ไม่มีเวลาแล้ว มันไม่สำคัญว่านายจะว่ายังไง รีบตอบตกลงเร็วเข้า”

 

ฉันพยักหน้า

 

“ฉันตกลงกับการใช้สกิลของหัวหน้ากิลด์มังกรดำ”

 

ทันใดนั้นเองแม่มดก็จับมือขวาของฉัน มือที่เปียกชุ่มกุมมือของฉันไว้ นิ้วของเธอเกี่ยวพันกับนิ้วของฉันเพื่อไม่ให้ลื่นจากฝน

 

“ฮะ?”

 

“-นี่เป็นอีกข้อจำกัด”

 

แม่มดกระซิบขณะจับมือฉัน

 

“เคลื่อนย้าย”

 

ในพริบตาเราก็อยู่ด้านบนของกำแพงเมือง

 

อย่างที่คาดไว้ มันยุ่งเหยิง สัตว์ประหลาดกำลังเข้ามา แต่ทหารก็ไมไ่ด้สู้กลับ ไม่พวกเขาไม่ได้ทำ พวกเขากำลังซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงหรือภาวนาต่อพระเจ้าของพวกเขา

 

“มันจบสิ้นแล้ว…”

 

“พระเจ้า ได้โปรดสงสารเราและ…”

 

“ฮือ ฮือ…”

 

เหล่า NPC ไม่ต่างจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะเป็นภาพลวงตา แต่ความกลัวที่พวกเขารู้สึกก็เป็นของจริง

 

“หัวหน้าากิลด์มังกรดำ คุณพาผมมาที่นี่ ตั้งแต่นี้ไป…”

 

“เดี๋ยวก่อน”

 

แม่มดถอนหายใจ

 

“ฉันปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้หลังจากแสดงให้เห็นด้านที่น่าสมเพชของฉัน”

 

“ว่ายังไงนะ?”

 

“ฉันไม่ได้เป็นกิลด์มาสเตอร์โดยไม่มีเหตุผล”

 

เธอหายใจเข้าลึกๆ และอ้าปาก

 

“ – เหล่าทหารของจักรวรรดิเอจิม!”

 

ออร่าสีดำพรั่งพรูออกมาจากร่างกายของเธอ สีดำที่เข้มกว่าสีแดงเล็กน้อย

 

“จงลุกขึ้น! พวกนายมาทำอะไรที่นี่? พวกนายคิดว่ากำแพงที่ทำจากหินจะปกป้องนายได้เหรอ? พวกนายไม่รู้หรือว่าสิ่งที่ปกป้องอาณาจักรนั้นไม่ใช่กองหิน แต่เป็นพวกนายทุกคน”

 

ทหารที่หมอบอยู่หลังกำแพงเงยหน้าขึ้น

 

“ท่านอัครมหาเสนาบดี…?”

 

“มันเป็นท่านอัครมหาเสนาบดี”

 

สำหรับพวกเขา แม่มดเป็นอัครมหาเสนาบดี มีคนจำอัครมหาเสนาบดีได้และสิ่งที่เขาพูดก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนฝนที่เทลงมา

 

แม่มดพยักหน้า

 

“ลุกขึ้น!”

 

แม่มดดูโกรธ เธอมองลงไปที่กำแพงด้วยความโกรธและทหารก็จ้องมองเธอ

 

“ลุกขึ้น ทหารของจักรวรรดิ! กำแพงสุดท้ายของเอจิม! หยิบโล่ของพวกนาย! ยกดาบขอพวกนาย จนกว่าพวกนายจะยกมันไม่ไหว! ลุกขึ้นเพื่ออาณาจักรและเพื่อตัวพวกนาย!”

 

แม่มดคว้ามือของฉัน

 

“เทพธิดากำลังปกป้องเราอยู่!”

 

เธอยกมือขวาของฉันขึ้น

 

ฉันรู้ตัวว่าต้องทำอะไร

 

ชิ้ง!

 

ดาบศักดิ์สิทธิ์ถูกชักออกมาจากฝักดาบ

 

ฉันยกดาบขึ้นสูง มันส่องลงไปที่กำแพงเมือง บนใบหน้าของเหล่าทหาร

 

“ดาบแห่งการเริ่มต้น…”

 

“มันคือดาบศักดิ์สิทธิ์ ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เทพธิดาได้พิสูจน์!”

 

และ

 

[เทพธิดาแห่งการปกป้องแสดงความขอบคุณที่ตัวเลือกของท่าน]

 

[เทพธิดาแห่งการปกป้องจะสำแดงพลังเฮือกสุดท้ายของเธอออกมา]

 

จากนั้นก็มีแสง

 

ไม่มีใครรู้ว่าแสงพวกนี้มาจากไหน

 

– สิ่งชีวิตที่น่าเวทนา

 

มันปรากฏตัวทุกครั้งเมื่อฝนตกลงมาเป็นฝนสีแดง

 

– สิ่งมีชีวิตที่ไม่เห็นมนุษย์เป็นมนุษย์

 

เลือดไหลจากตรงที่ฝนตกลงมา

 

– พวกเจ้าเข่นฆ่ามนุษย์หลังจากเกิดมาเป็นมนุษย์ พวกเจ้าบอกว่านั่นเป็นชะตากรรมของมนุษย์หรือ? ข้าคิดว่านั่นคือสัญชาติญาณของสัตว์ร้าย อะไรคือเหตุผลที่ข้าไม่ควรฆ่าสัตว์ร้ายกัน?

 

ห่าฝนแห่งฝันร้าย

 

ฉันเห็นบาดแผลในใจของนายพลตอนที่ฉันถูกฆ่าโดยนายพล NPC ที่ชั้น 11 ในฝันร้ายนายพลกำลังกรีดร้อง

 

ไม่เพียงแต่นายพลเท่านั้น แม้แต่เป็นชาวบ้านทั่วไป

 

– ถอย!

 

– ฝนตกอีกแล้ว…

 

– รีบวิ่งไปที่ที่ฝนไม่ตก!

 

ประเทศเล็กๆในดินแดนห่างไกลล่มสลายก่อน

 

หลังจากนั้นจักรวรรดิก็เริ่มล่มสลาย

 

ประเทศและอาณาจักรเล็กๆอื่นๆ ล่มสลายอย่างไร้สุ้มเสียง ทุกครั้งที่ดินแดนหนึ่งได้ล่มสลาย พื้นที่ที่ปลอดภัยของมนุษย์ก็หดเล็ก ประวัติศาสตร์ของมนุษย์สั้นลงเมื่อกษัตริย์หายตัวไป

 

มีเพียงฝนเท่านั้นเทลงมา

 

– ที่ที่ฝนไม่ตก…

 

ฝนเทลงมา

 

– มันคือจุดจบ เราจบสิ้นแล้ว

 

ฝนเทลงมา

 

– ท่านเทพธิดา ได้โปรดอย่าทอดทิ้งเรา…

 

และฝนก็เทลงมา

 

ในที่สุดก็เหลือเพียงผืนดินเล็กๆสำหรับมนุษย์และมีเพียงชิ้นส่วนประวัติศาสตร์เล็กๆของมนุษย์ที่เหลืออยู่ นักประวัติศาสตร์ใช้ปากกาอย่างมีค่า พวกเขายอมรับว่าจะเขียนว่า “แล้วมนุษย์ก็สูญพันธุ์ไป”

 

เหลือเพียงจักรวรรดิเดียวในทวีป

 

– สิ่งมีชีวิตที่น่าสังเวช

 

เจ้าของฝันร้าย

 

ราชาแห่งปีศาจทั้งมวล

 

และนักประวัติศาสตร์คนสุดท้ายตั้งชื่อให้กับมัน

 

ราชาปีศาจแห่งห่าฝน

 

ฝนตกลงมา

 

กับแสงเจิดจรัส

 

ฝนตกที่พื้นและแสงสว่างก็ส่องขึ้นไปบนฟ้า

 

“โว้”

 

ในที่ที่แสงส่องลงมา ฝนเลือดก็หยุดตกลงมา

 

ทหารมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยใบหน้าเปื้อนเลือด

 

ฝนได้หยุดตกแล้ว

 

“ท่านเทพธิดา….”

 

นั่นแหล่ะ

 

เลือดได้หยุดเทลงมาแล้ว

 

และมันก็ไม่ได้หยุดโดยสิ้นเชิง

 

มันหยุดเพียง ณ จุดที่ดาบศักดิ์สิทธิ์ส่องแสง

 

มันเป็นเพียงแค่แสงจางๆ เพียงแสงเล็กๆ

 

“ท่านเทพธิดา….”

 

“ท่านเทพธิดากำลังปกป้องจักรวรรดิ!”

 

อย่างไรก็ตาม มีหลายครั้งที่สิ่งเล็กๆน้อยๆก็ทำให้ผู้คนตื่นเต้น

 

มันเกิดขึ้นกับคนที่เหลือบางสิ่งเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

 

ดินแดนแห่งนี้เป็นเพียงพื้นที่ปลอดภัยแห่งเดียวสำหรับผู้คนในจักรวรรดิ มันเป็นหน้าสุดท้ายของหนังสือประวัติศาสตร์ พลเมืองของจักรวรรดิรู้ นายพลรู้และผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงและการศึกษารู้

 

นั่นคือสาเหตุที่ไม่มี NPC อยู่ในห้องรับรอง

 

เป็นเพราะอัครมหาเสนาบดีได้ยุติบทบาททางการเมืองแล้ว

 

เป็นเพราะแม่ทัพสูงสุดได้ออกจากกองทัพแล้ว

 

เป็นเพราะเหล่าองครักษ์ไม่ได้ปกป้องจักรพรรดิอีกแล้ว

 

เป็นเพราะอัศวินไม่ได้ทำหน้าที่ของอัศวินอีกแล้ว

 

มันเป็นจักรวรรดิที่ทุกคนละทิ้ง

 

นั่นคือเหตุผลที่หอคอยเลือกจักรวรรดิแห่งนี้เป็นเวทีสำหรับด่านนี้

 

เหมือนกับบ้านบนชั้นที่ 10 กับเด็กๆที่ทุกคนทอดทิ้ง

 

“ลุกขึ้นมา!”

 

แม่มดจากมังกรดำตะโกน

 

ทหารทั้งหมดลุกขึ้นยืน มีบางคนที่เกาะกำแพงเพื่อยืนขึ้น มีบางคนที่แทบจะต้องพยุงตัวเองด้วยหอก มีบางคนที่ยกตัวเองด้วยความช่วยเหลือจากสหายของพวกเขา

 

“จงลุกขึ้น!”

 

แม่มดสั่งพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย ใช่ พวกเขาจะเป็นกำแพงของเมือง พวกเขาทั้งหมดขานคำสั่งของเธอราวกับว่าพวกเขาต้องมนต์

 

“จงลุกขึ้น!”

 

“อัครมหาเสนาบดีอยู่ที่นี่! อยู่กับพวกเรา!”

 

“ดาบบรรพบุรุษของเรากำลังปกป้องพวกเรา!”

 

เช่นนี้กำแพงเมืองจึงกลายเป็นกำแพงเมือง หอกจึงกลายเป็นหอกและทหารก็กลายเป็นทหาร

 

“ลุกขึ้นเร็วเข้า!”

 

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรต่อหน้าท่านอัครเสนาบดี!”

 

ทหารทุกคนต่างได้สติ พวกเขาจัดหมวกของพวกเขา

 

ฝนสีแดงตกลงบนศีรษะของพวกเขา แต่สายฝนไม่ได้ปิดบังดวงตาของพวกเขาอีกต่อไป พวกเขามองไปข้างหน้า

 

“เฮ้อ…”

 

แม่มดถอนหายใจเบาๆ

 

ออร่าสีดำจากร่างกายของเธอค่อยๆจางหายไป เธอมำเกินหรือเปล่า? ไม่ใช่แค่หยดเลือดบนหน้าผากของเธอ แต่มันยังมีเหงื่ออีกด้วย

 

“…อะไร?”

 

“เป็นครั้งแรกที่นายเห็นคนยูเครนกล่าวสุนทรพจน์หรือยังไง”

 

“เอ่อ…”

 

“ในประเทศของเรา พวกคอมมิวนิสต์ทำแบบนี้”

 

แม่มดยกมุมปากของเธอ

 

เธอรู้ตัวช้าเกินไปว่าเธอกำลังยิ้ม

 

“ฉันไม่ได้ชอบคอมมิวนิสต์ แต่พวกเขาพูดสุนทรพจน์ได้ดี มีหลายอย่างที่ฉันสามารถเรียนรู้ได้”

 

“ว่าอะไรนะ?”

 

“…ช่างมันเถอะ”

 

ใบหน้าของแม่มดกลับไร้ความรู้สึกอีกครั้ง ฮะ? ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่หัวหน้ากิลด์มังกรดำพูด

 

– รอก่อน

 

แบ ฮุรยองแทรกตัวเข้ามาในการสนทนา

 

– ฉันคิดว่าเธอแค่อายที่มุขตลกมันขำ

 

‘เอ๋ นั่นเป็นมุขตลกเหรอ?’

 

ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร

 

ฉันไม่รู้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน

 

“คิม กงจา นายจะทำอะไรต่อจากนี้?”

 

สถานการณ์ค่อนข้างดีขึ้นด้วยคำพูดของเธอ

 

“เราจะต้องยื้อกองกำลังปีศาจที่กำแพงเมือง”

 

“ใช่”

 

ฉันหรี่ตาลงมองไปที่ขอบฟ้าสีแดง

 

มอนเสเตอร์นับไม่ถ้วนอยู่รอบราชาปีศาจ แม้ว่าสกิลการเทเลพอร์ตของแม่มดจะพาฉันไปที่นั่ได้น แต่ก็ไม่มีการรับประกันใดๆว่าฉันจะถูกราชาปีศาจฆ่า

 

อย่างแรก มันจำเป็นต้องเป็นการเผชิญหน้ากับราชาปีศาจแบบตัวต่อตัว

 

“เราจำเป็นต้องนำฮันเตอร์ในขณะที่ NPC คอยยื้อสถานการณ์ จากนั้นเราจะไม่ถอยในการต่อสู้ หากราชาปีศาจพยายามที่จะพามอนสเตอร์โถมเข้ามามากขึ้นโดยการสั่งให้พวกมันเข้าไปในกำแพงเมือง…”

 

“กำแพงเมือง?”

 

“เทเลพอร์ตราชาปีศาจมาตรงหน้าผม”

 

แม่มดมองหน้าฉันอย่างเปิดเผย

 

“ปฏิบัติการจู่โจม”

 

“ใช่”

 

“นี่นายวางแผนจะฆ่าตัวตายหรือยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset