Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 143 ครอบงํา

 

ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 143 ครอบงํา

 

ประโยคของเยี่ยฉวนทําให้ทุกคนตกตะลึง

 

ข้อแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างสํานักอสูรเมฆาและสํานักอื่นๆ คือผู้ปกครองไม่ใช่เจ้าสํานัก หากแต่เป็นราชินีเผ่าอสูรที่สืบทอดโดยสตรีผู้ได้รับการคัดเลือกจากบรรดา ศิษย์หญิงในสํานัก

 

ราชินีเผ่าอสูรทุกพระองค์เป็นประมุขสูงสุดของสํานักและเป็นยอดปรมาจารย์ที่ระดับการฝึกตนสูงส่งกว่า เหล่าผู้อาวุโสตําแหน่งผู้พิทักษ์สํานักจะมีการเปลี่ยนแปลง ทุกสิบปีและตําแหน่งผู้อาวุโสจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกร้อยปี ขณะที่ราชินีเผ่าอสูรจะไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะผ่านไปสาม พันปี แปดพันปีหรือหลายหมื่นปีก็ตาม

 

ราชินีเผ่าอสูรจะส่งมอบผ่านการสืบทอดเท่านั้น โดยราชิน้องค์ใหม่จะถูกแต่งตั้งขึ้นเมื่อผู้ครองตําแหน่งคนก่อนนชีพหรือบรรลุการตื่นรู้ถึงขั้นเต๋อันยิ่งใหญ่และไปสู่โลกที่ สูงส่งกว่าแดนสวรรค์โดยปกติราชินีเผ่าอสูรจะฝึกตนอย่าง สันโดษนับพันปีโดยไม่ปรากฎกายต่อหน้าสาธารณชนหากไม่มีเรื่องใหญ่ถึงขั้นสะเทือนแผ่นดิน เหล่าผู้อาวุโสจึงเป็นผู้จัดการเรื่องเล็กใหญ่ในสํานักทั้งหมด ตลอดชีวิตของศิษย์สํา นักอสูรเมฆาแทบทุกคนไม่เคยมีโอกาสได้เห็นราชินีเผ่าอสูรแม้แต่ครั้งเดียว พวกเขาได้ยินเพียงเรื่องราวของพระองค์บ้างเท่านั้นนับประสาอะไรกับคนนอก

 

เยี่ยฉวนอายุเท่าใดกันจึงรู้เรื่องการมีอยู่ของราชินีเผ่าอสูร?

 

เหตุใดจึงต้องการเข้าเฝ้าองค์ราชินี?

 

ทุกคนแม้แต่จ้าวต้าจอและผู้พิทักษ์หยางเทียนกวงต่างสับสนและตกใจ

 

หยางเทียนกวงผู้อยู่ในอ้อมอกของเจ้าอ้วนมองไม่เห็นเพราะดวงตาโชกเลือดแต่หูของเขายังคงใช้การได้ดี เขาไม่เคย ได้ยินเรื่องราวของราชินีเผ่าอสูรมาก่อนอีกทั้งอาวุโสสูงสุดก็ ไม่ได้บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ คําพูดของเยี่ยฉวนจึงทําให้เขาทั้งงุนงงและประหลาดใจ

 

“เหตุใดจึงตามหาองค์ราชินีของเรา?”

 

สีหน้าของเถียนกู่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและตึงเครียดเมื่อเยี่ยฉวนเอ่ยถึงราชินีเผ่าอสูร “ไอ้หนู! อธิบายมาซะดีๆไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าและนําร่างเจ้าไปยังสํานักหมอกเม ฆาเพื่อขอคําอธิบายแล้วถอนรากถอนโคนทั้งสํานักให้หมด สิ้น!”

 

ภายใต้แสงจันทร์สลัวยามค่ําคืน ใบไม้ที่ปลิวว่อนในอากาศพลันร่วงลงบนพื้น

 

นักรบพฤกษาไม่ได้เปิดฉากโจมตีแต่กลับแผ่จิตสังหารแรงกล้าปกคลุมทั่วท้องฟ้า

 

ตัวตนภายนอกของเถียนคู่คือผู้อาวุโสแห่งสํานักอสูรเมฆาทว่าอีกตัวตนเป็นถึงทหารองครักษ์ของราชินีเผ่าอสูรและเป็นองครักษ์เพียงผู้เดียวที่ได้เคียงบ่าเคียงไหล่องค์รา ชินีตําแหน่งของเขาสูงส่งและมียศถาบรรดาศักดิ์ไม่ด้อยไป กว่าอาวุโสสูงสุดเถียนชิง และมียศต่ํากว่าราชินีเผ่าอสูรเพียงผู้เดียวเท่านั้น

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงมองเป็นเรื่องน่าขันไร้สาระ เมื่อเยี่ยฉวนกล่าวว่าเขามีอํานาจไม่เพียงพอแต่การที่เยี่ยฉวนต้องการเข้าเฝ้าราชินีเผ่าอสูรนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต่อให้ เจ้าสํานักหมอกเมฆามาที่นี่ด้วยตนเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าเฝ้านับประสาอะไรกับเยี่ยฉวน? เขายิ่งใหญ่มาจากไหนกันเชียว?

 

เยี่ยฉวนช่างอวดดีไม่รู้จักที่ต่ําที่สูง! หากว่ากันตามตรงคือ เขากําลังหมุนเกียรติราชินีเผ่าอสูรผู้เป็นเจ้าเหนือหัวของสํานักอสูรเมฆา!

 

“ข้าบอกว่าข้ามาเพื่อหยิบยืมบางสิ่ง ส่วนรายละ เอียดอื่นๆ ข้าจะกราบทูลองค์ราชินีเผ่าอสูรโดยตรงหลังได้เข้าเฝ้าพระองค์แล้ว”เยี่ยฉวนทอดสายตามองเถียนกู่อย่าง ใจเย็นพร้อมเอ่ยด้วยน้ําเสียงราบเรียบ “ขันการฝึกตนของ เจ้ายอดเยี่ยมทีเดียว แต่หากต้องการถอนรากถอนโคนสํานักหมอกเมฆาก็ยังถือว่าห่างชั้นนัก อย่าว่าแต่เจ้ามีฝีมือเพียงพอหรือไม่เลยราชินีเผ่าอสูรจะเป็นผู้หยุดเจ้าเอง ศิษย์รุ่นเยาว์เช่นเจ้าคงไม่อาจเข้าใจสายสัมพันธ์ระหว่างสํานักเมื่อหลายล้านปีก่อนและคงไม่มีปัญญาชดใช้ที่บังอาจดูห มิ่นสายสัมพันธ์นี้ได้หรอกนับแต่นี้ไประวังคําพูดให้ดีอย่าได้เอ่ยคําที่ทําให้บรรพบุรุษของพวกเจ้าต้องอับอายเลย”

 

เยี่ยฉวนไม่สะดุ้งสะเทือนแม้อยู่ภายใต้แรงกดดันของ เถียนกู่ ตรงกันข้ามเขากลับสงบนิ่งและสั่งสอนอีกฝ่ายต่อห น้าฝูงชน

 

เถียนกู่ทั้งสันโดษและห่างเหินในสายตาของศิษย์สํานักอ สูรเมฆา แต่เยี่ยฉวนกลับไม่แยแสเขาแม้แต่น้อย

 

ถ้อยคําของเขาฟังดูหยาบกระด้าง อวดดี และโง่เขลา ทว่าเยี่ยฉวนกลับไม่รู้สึกอะไร หากย้อนกลับไปในยามที่เขาเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์แล้วราชินีเผ่าอสูรต้องเป็น ฝ่ายขอเข้าพบเขาเสียด้วยซ้ําแม้แต่ผู้ก่อตั้งสํานักอสูรเมฆาอ ย่างราชินีอสูรเนตรสีครามยังต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ การที่เยี่ยฉวนต้องเป็นฝ่ายมาเยือนและขอเข้าเฝ้าราชินี เผ่าอสูรเช่นนี้ถือเป็นการดูหมิ่นเขามากพอแล้ว หากนางได้ล่วงรู้คงประหม่าและร้อนรนไม่น้อย

 

สีหน้าของผู้คนทั้งประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อ และตกตะลึง เสียจนพูดไม่ออก

 

“ฮ่าๆๆ ไอ้หนู เจ้าว่าใครนะที่ต้องระวังคําพูด? ได้! ข้าจะ ฆ่าเจ้าเสียตอนนี้เลย!”

 

นักรบพฤกษาตกตะลึงและโกรธเสียจนต้องหัวเราะออก มา เขาแบมือออกก่อนกิ่งไม้แห้งยาวร้อยเมตรจะคดเคี้ยวขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับงูเหลือมสีเหลืองซีด กระแสพลังงานพุ่งสูงจนฮัวชานผู้บรรลุขันปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับหนึ่ง แทบหายใจไม่ออกราวกับว่าหากเถียนสะบัดแส้นี้ออกไปจะทําให้ท้องฟ้าฉีกขาด!

 

“อย่าบังอาจ เจ้ามีหน้าที่รายงานต่อองค์ราชินีเท่านั้นการตัดสินใจสําเร็จโทษข้าเป็นหน้าที่ของพระองค์” เยี่ยฉวนมองเถียนกู่อย่างเฉยเมยและยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับ ถูกผนึกไว้

 

ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นบนแผ่นน้ําใสกระจ่างของทะเลสา บมังกรสวรรค์ตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบคลื่นนั้นลูกใหญ่ขึ้น เรื่อยๆ และสาดกระทบโขดหินบนชายฝั่ง เมื่อเงี่ยหูฟังจะ ได้ยินเสียงคํารามโกรธเกรี้ยวมาพร้อมกับเสียงสาดซัดเสียงนั้นแผ่วเบาจนยากจะบอกว่ามีอยู่จริงหรือไม่แต่กลับทําให้จิตใจของผู้คนสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว

 

ร่องรอยความไม่สบายใจฉายชัดในแววตาของเถียนกู่ เขา มองคลื่นในทะเลสาบมังกรนิทราด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออกและไม่กล้าสะบัดแส้อันน่าเกรงขามในมือ

 

คําพูดของเยี่ยฉวนหยาบกระด้างและจองหองเกินบรร ยายทว่าไม่ได้ผิดไปจากความจริงนักแม้ตําแหน่งจะสูงส่ง เพียงใดแต่เถียนกู่ก็ยังเป็นเพียงทหารองครักษ์ ครั้งนี้เขาจากตําหนักอนธการมาเพียงเพื่อระบุตัวตนแขกผู้พํานักอยู่ ในลานเล็กบนภูเขามังกรนิทราตามพระบัญชาของราชินีเผ่าอสูรฉะนั้นเขาจําเป็นต้องคิดทบทวนให้ดีก่อนลงมือปลิดชีพเยี่ยฉวนแม้จิตสังหารในยามนี้จะแรงกล้าเพียงใดก็ตาม

 

“ฆ่ามัน! ฆ่ามันเลย!”

 

ฮั่วชานจ้องเยี่ยฉวนอย่างโหดเหี้ยมพลางพึมพํากับตนเอง เขาหวังให้เถียนลงมือฆ่าเยี่ยฉวนเดี๋ยวนี้

 

เคราะห์ร้ายที่ยิ่งคาดหวังมากเท่าใดก็ยิ่งผิดหวังมากเท่า นั้น และนี่เป็นอีกครั้งที่ชั่วชานต้องพบกับความผิดหวัง

 

เถียนกู่เก็บแส้หลังจากลังเลอยู่ครู่ใหญ่ “ก็ได้ไอ้หนู ข้าจะ รายงานเรื่องนี้กับองค์ราชินี ต้องขอบคุณความโชคดีของเจ้าไม่เช่นนั้นเจ้าคงตายไปแล้ว!”

 

เถียนกู่จากไปเพื่อรายงานราชินีเผ่าอสูรอย่างเหนือควา มคาดหมายของทุกคน

 

ศิษย์สํานักอสูรเมฆาที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมองอ ย่างไม่เชื่อสายตา ส่วนเจ้าอ้วนและผู้พิทักษ์หยางโล่งใจเช่นเดียวกับเยี่ยฉวน

 

“ไม่… ไอ้เด็กเหลือขอ! ท่านอาวุโสไม่ฆ่าเจ้าแต่ข้าจะฆ่า เจ้าเอง!”

 

ฉับพลัน ฮั่วชานพุ่งเข้าใส่เยี่ยฉวนอย่างดุดันพร้อมฟาดฝ่า มือมาทางเขาอย่างสุดกําลัง!

 

ความเคียดแค้นพลุ่งพล่านจากก้นบึงของจิตใจเพียงนึกถึง ร่างไร้วิญญาณของฮัวหยวนชางและคงไม่มีวันหมดไปจนกว่าจะได้สังหารเยี่ยฉวน บัดนี้เพลิงโทสะในใจของเขาปะทุรุนแรงยิ่งกว่าภูเขาไฟ!

 

ฮั่วชานบุกโจมตีโดยไม่คาดคิดยามที่เยี่ยฉวนไม่ทันระวัง ตน ณ วินาทีนี้เขาถูกครอบงําราวกับคนบ้าและละทิ้งคําสั่งของเถียนกู่รวมถึงสิ่งอื่นใดในหัว หลงเหลือเพียงความคิดอยากฆ่าเยี่ยฉวนด้วยน้ํามือตนเองเท่านั้น!

 

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness, 蛮荒风暴
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทนำ ณ ห้องโถงใหญ่บนยอดเขาเมฆาอินทนิล…เหล่าผู้อาวุโสทั้งห้าและบรรดาลูกศิษย์ในสำนักนับพันชีวิตต่างจ้องมองไปทางเดียวกันอย่างไม่เชื่อสายตา! ทุกคนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้วในสุสานเทพเจ้าเมื่อสามเดือนก่อน! แม้แต่ผู้พิทักษ์ขั้นซิ่วฉือระดับห้ายังถูกลอบโจมตีจนสิ้นชีพ แล้วเหตุใดผู้ที่บรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อระดับที่หนึ่งเช่นเขาจึงมีชีวิตรอดจากหายนะในภารกิจครั้งนั้น?! ใช่…เขาตายไปแล้ว… ‘เยี่ยฉวน’ คนเก่าจอมขลาดเขลาและเหยียมอายคนนั้นตายไปแล้ว! บัดนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือเยี่ยฉวนคนใหม่ที่ฝึกตนจนบรรลุขั้นอู่เจ๋อระดับสี่โดยใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน! เขาได้พบเคล็ดวิชาลึกลับ ‘ขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์’ จากสุสานเทพเจ้าโดยบังเอิญ วิชานี้มีพลานุภาพมหัศจรรย์เหนือกว่าเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์เสียอีก! หากเขาฝึกฝนเคล็ดวิชานี้จนสำเร็จต้องมีระดับขั้นการฝึกตนที่สูงกว่าภพชาติก่อนเป็นแน่! หรือบางทีอาจบรรลุถึงขั้นผู้อมตะแห่งเต๋าที่เป็นเพียงตำนาน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset