Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 207 น่าเสียดายบั้นท้ายงาม

Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์ ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 207 น่าเสียดายบั้นท้ายงาม

บทที่ 207 น่าเสียดายบั้นท้ายงาม

โท่วปาเซียงเนียวยังคงถอยร่นอย่างต่อเนื่อง ความหวาดกลัวทําให้นางสะดุดจนแทบชนเข้ากับเยี่ยฉวน

 

แสงกระบี่พลันปรากฏขึ้นต่อสายตา

 

หลิวหงพุ่งไปข้างหน้าฉวยโอกาสโจมตีอย่างรุนแรงและรวดเร็วด้วยกระบี่บินคมกริบในมือ

 

โท่วปาเซียงเนียวกวัดแกว่งกระบี่บินของตนเช่นกัน “อึ้ง!” กระบี่ทั้งสองปะทะกัน! โท่วปาเซียงเนียวรู้สึกอึดอัดภายในอกราวกับโดนทุบด้วยค้อนที่มองไม่เห็น หลิวหงหัวเราะก่อนพุ่งเข้าไปกระแทกฝ่ามือใสร่างอีกฝ่ายจนกระเด็น!

 

“ฮ่าๆๆ วันนี้ไม่ว่าใครก็ช่วยไอ้เด็กสารเลวนี้ไม่ได้เฮ่าๆๆ”หลิวหงแผดเสียงหัวเราะพลางเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมขัดกับท่าที่สง่างาม

เป็นไปดังคาด โท่วปาเซียงเพียวผู้เคยเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ําสมเนื้อกับหลิวหงในกาลก่อนกลับต้านทานการโจมตีของอีกฝ่ายในตอนนี้ไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวตอนนี้ไม่มีใครสามารถหยุดเครื่องจักรสังหารนี้ได้อีกแล้ว!

“ไม่ อย่า…”

 

โท่วปาเซียงเนียวตะเกียกตะกายลุกขึ้น ต่อให้อยากเข้าไปช่วยเพียงใดก็สายเกินไปเสียแล้ว ทว่าเมื่อเหลือบไปเห็นตุ๊กตาหุ่นกระบอกข้างกายเยี่ยฉวนก็มีความหวังขึ้นมา

ตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่ทําให้รู้สึกสยดสยองและไม่สบายใจเมื่อครูกลับกลายเป็นความหวังเดียวของนาง ยิ่งมันแข็งแกร่งมากเท่าใดยิ่งดีเท่านั้น

 

วิธีรับมือสถานการณ์ต่างๆ ของเยี่ยฉวนมักคาดเดาไม่ได้แต่ในความจริงกลับมีกลอุบายซุกซ่อนเอาไว้เบื้องหลังทุกการกระทําเสมอ จู่ๆ เขาจะนําตุ๊กตาหุ่นกระบอกออกมาโดยไร้เหตุผลอย่างนี้ นหรือ? ไม่มีทาง!

 

โท่วปาเซียงเนียวและหลิวหงจับตาดูตุ๊กตาประหลาดอย่างใกล้

 

หลิวหงเหลือบไปเห็นตุ๊กตาหุ่นกระบอกตัวนี้ยืนอยู่หน้าเยี่ยฉวนจังหวะที่นางกําลังใช้เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามพุ่งเข้าไปแทงหน้าอกเขาพอดิบพอดี หญิงสาวจึงพินิจดูมันอย่างระแวดระวัง นางรู้สึกว่าตุ๊กตาตัวนี้แลดูแปลกประหลาดอย่างอธิบายไม่ได้เช่นเดียวกับโทวปาเซียงเนียว

“เจ้าลูกแกะน้อยตัวนี้ดูไม่เลวนี่ ใช้กลยุทธ์สับขาหลอกงั้นหรือ?หรือกําลังเล่นตลกอะไรกันแน่?”

หลิวหงจ้วงแทงไปทางตุ๊กตาหุ่นกระบอกด้วยสีหน้าชั่วร้าย แต่ยังไม่ทันแทงทะลุหว่างคิ้วก็ชักมือกลับและถอยห่างออกมาสามเมต รอย่างรวดเร็วนางพินิจดูโดยละเอียดอีกครั้งก่อนจะเตะหินก้อน เล็กไปกระทบตุ๊กตาอย่างแรง

“ตุบ!” ตุ๊กตาหุ่นกระบอกล้มลงไปนอนแน่นิ่งพร้อมรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าโคมบงกชสีครามในมือของมันก็ร่วงหล่นลงบนพื้นเช่ นกัน

 

หลิวหงถอยออกไปหลายก้าวด้วยความระแวง เมื่อเห็นมันไม่มีที่ท่าจะเคลื่อนไหวจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

โท่วปาเชียงเนียวผู้ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับตุ๊กตากลับต้องผิดหวังอย่างรุนแรง

“ฮ่าๆๆ ไอ้กระจอก คิดจะใช้อุบายไร้ประโยชน์พรรค์นี้หลอกให้กลัวงั้นหรือ? ฮ่าๆๆ…”

หลิวหงหัวเราะสุดเสียงเมื่อความหวาดวิตกในจิตใจมลายหายไปนางพุ่งไปข้างหน้าและใช้กระบี่บินประหนึ่งกริชแทงเข้าไปที่อกของเยี่ยฉวนอย่างโหดเหี้ยม

“กรี้ด! คุณชายเยี่ย…”

โท่วปาเชียงเนียวกรีดร้อง นางกัดฟันลุกขึ้นยืนและพุ่งเข้าไปล้างแค้นให้เยี่ยฉวนอย่างขาดสติโดยไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใด!

 

ต่อให้มีขั้นการฝึกตนที่สูงส่ง แต่จะรอดชีวิตได้อย่างไรหากถูกกระบี่บินแทงทะลุหัวใจเช่นนี้?!

 

โท่วปาเชียงเนียวเกรี้ยวกราดสุดขีดด้วยไม่คาดคิดว่าหลิวหงจะมีจิตใจอํามหิตถึงเพียงนี้

หลิวหงที่จู่โจมสําเร็จในกระบวนท่าเดียวแผดเสียงหัวเราะลั่น นางวางแผนด้วยจิตใจกระวนกระวายมาเป็นเวลานาน ทว่าน่าประหลาดใจที่การลงมือจริงแทบไม่ต้องใช้พลังงานหรือระยะเวลายืดเยื้อเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วเสียงหัวเราะของนางกลับต้องหยุดลงกะทันหัน

กระบี่บินคมกริบหยุดชะงักหลังแทงร่างของเยี่ยฉวนเข้าไปได้เพียงสองนิ้วราวกับถูกแผ่นเหล็กสกัดกั้นและไม่อาจแทงลึกลงไปอีกแม้แต่นิ้วเดียว หากเป็นเช่นนี้ใบมีดอาจทิ้งรอยแผลลึกไว้แต่ไม่ถึงชีวิตอย่างแน่นอน!

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”

 

หลิวหงตกตะลึงยิ่ง ไม่อยากเชื่อว่ากระบี่บินของนางไม่สามารถแทงเข้าไปลึกกว่านี้ แม้จะใช้พละกําลังทั้งหมดที่มีก็ไม่เป็นผลกระบี่จึงติดอยู่ในร่างของเขาเหมือนครั้งที่เยี่ยฉวนแทงมังกรปีศาจด้วยใบมีดไม่มีผิด

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกศิษย์พี่ใหญ่หลิว บั้นท้ายของเจ้ามันโผล่ออกมาหมดแล้ว”

 

ฉับพลันเยี่ยฉวนลืมตาขึ้นมองหลิวหงพร้อมรอยยิ้มเย็นเยียบ “เจ้าแทงกระบี่เข้ามาได้โหดเหี้ยมดีแล้ว น่าเสียดายที่แรงของศิษย์พี่ใหญ่หลิวดูท่าจะไม่พอ สตรีก็ยังเป็นสตรีอยู่วันยังค่ํา ช่างไม่เหมาะกับการเรียนรู้เอาเสียเลย เช่นเจ้าที่เรียนรู้วิธีต่อสู้และสังหารได้ แย่เสียจริงอีกอย่างมาเปิดเผยบั้นท้ายและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเช่น นี้มันดูไม่งามไม่ใช่หรือ? เฮ้อ… ข้าใคร่รู้นักว่าข้าไปทําให้เจ้าขุ่นเคืองตอนไหนกัน”

 

ร่างของเยี่ยฉวนไม่สั่นสะท้านอีกต่อไปและกล้ามเนื้อที่บิดเบี้ยวก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ภายนอกของเขาแลดูไม่เปลี่ยนแปลงมากนักแต่ถ้าหากยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าอยู่ที่นี่ย่อมรู้ดีว่าภายในนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง กระดูกของเขาส่องประกายแวววาวและโปร่งแสงราวกับหยกขาวอีกทั้งยังหนาแน่นขึ้นกว่าเดิม กระแสพลังงานหมุนวนต่อเนื่องอยู่ที่จุดตันเถียนรูปร่างคล้ายมังกรปีศาจ

อักขระมังกรปีศาจ!

 

ยันต์กลืนกินสวรรค์ใบใหม่กําลังจะก่อรวมขึ้นอีกครั้ง!

ขั้นการฝึกตนของเยี่ยฉวนหลังขัดเกลาหยาดโลหิตสีขาวของมังกรปีศาจยังคงเป็นขั้นซิวฉือระดับสี่ดังเดิม ทว่าร่างกายของเขากลับเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นสัญญาณการก่อรวมยันต์กลืนกินสวรรค์ใบใหม่ทั้งเนื้อหนังโลหิตและกระดูกทวีคูณความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นน่าเสียดายที่เขาได้หยาดโลหิตมังกรมาเพียงหยดเดียว ไม่เช่นนั้นก ระบี่ของหลิวหงคงแทงลึกเข้ามาไม่ถึงสองนิ้วหรืออาจไม่สามารถแทงทะลุผิวหนังของเขาได้เลยด้วยซ้ํา!

เยี่ยฉวนรู้สึกเสียดายเมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่าง

 

อันที่จริงเขาได้ระงับผลจากการขัดเกลาหยาดโลหิตมังกรปีศาจเอาไว้หลังหลิวหงมาถึงได้ไม่นานและนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหวเพื่อรอดูว่าหญิงสาวจะชั่วช้าเลวทรามได้มากเพียงใดยิ่งไปกว่านั้นยังใช้โอกาสนี้ทดสอบความทนทานของร่างกายอีกด้วย

 

หากศิษย์คนอื่นจากทั้งสามสําานักได้ครอบครองร่างกายที่แข็งแกร่งจนกระบี่บินฟันแทงไม่เข้าเช่นนี้คงคึกคะนองด้วยความปีติยินดีแต่เท่านี้ยังไม่เพียงพอสําหรับเยี่ยฉวน เทือกเขาหมอกเมฆายังไม่กว้างใหญ่พอ เขามองไปไกลถึงทั้งดินแดนรกร้างหรือแม้กระทั้งโลกพิศวงเกินคาดเดาที่สูงส่งกว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พลังเพียง เท่านี้ใช้ตามหาผู้ที่กักขังเขาในสุสานเทพเจ้าเมื่อชาติที่แล้วเพื่อล้างแค้นยังไม่ได้ด้วยซ้ํา… นับประสาอะไรกับการสยบทั้งดินแดนรกร้าง

“ไอ้หนู เจ้าคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งนักงั้นหรือ?! ข้าไม่คิดเช่นนั้น!”

หลิวหงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันหากแต่ตัดสินใจถอยกลับทันท่วงทีนางรู้ดีตั้งแต่วินาทีที่เยี่ยฉวนลืมตาขึ้นมาว่าไม่มีทางสังหารเขาได้อีกแล้ว

“หากเจ้าไม่คิดเช่นนั้นก็ลืมมันไปเสีย ว่าแต่เหตุใดจึงยอมแพ้ง่ายดายเช่นนี้เล่า?!”

เยี่ยฉวนยังคงนั่งนิ่งพลางส่งยิ้มเย็นชามาให้ ทันใดนั้นหว่างคิ้วของหลิวหงกระตุกเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง…. อันตรายที่ไม่ได้มาจากเยี่ยฉวนหากแต่มาจากข้างหลัง!

ท่าไม่ดีเสียแล้ว… ตุ๊กตาหุ่นกระบอกตัวนั้น!

หลิวหงฉุกคิดขึ้นได้ จังหวะที่นางกําลังจะหันไปนั้นพลันรู้สึกเจ็บปวดที่บั้นท้ายราวกับถูกกริชแทงเข้ามาอย่างดุดัน

โท่วปาเซียงเนียวที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลเผยสีหน้าตกตะลึงพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปาก

ตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นเมื่อครู่ดึงกริชแหลมคมออกมาจากอกและกระโดดแทงเข้าที่บั้นท้ายขาวกระจ่างของหลิวหง!หลิวหงผู้น่าสงสาร… บั้นท้ายตึงแน่นที่นางแสนภาคภูมิใจและทําให้เหล่าศิษย์น้ําลายหกกลับหลั่งเลือดราวกับหมูถูกเชือดหญิงสาวกระโดดออกไปราวกับกระต่ายตื่นตูมที่พ่ายแพ้ย่อยยับ

 

“กร็ด… เยี่ยฉวน! ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่…”

 

หลิวหงวิ่งหนีไป ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง

เยี่ยฉวนไม่ได้ใช้กลยุทธ์หลอกให้กลัวหากแต่มีการวางอุบายอย่างแยบยลเขารอเวลาจนถึงวินาทีสุดท้ายเพื่อให้ตุ๊กตาหุ่นกระ บอกเคลื่อนไหวอีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าจงใจเลือกแทงบั้นท้ายของนาง “ไอ้เด็กเหลือขอนี่ชั่วช้าเสียจริง!”

หลิวหงขบกรามแน่นขณะวิ่งจากไปพร้อมโทสะและความเกลียด

 

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness, 蛮荒风暴
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทนำ ณ ห้องโถงใหญ่บนยอดเขาเมฆาอินทนิล…เหล่าผู้อาวุโสทั้งห้าและบรรดาลูกศิษย์ในสำนักนับพันชีวิตต่างจ้องมองไปทางเดียวกันอย่างไม่เชื่อสายตา! ทุกคนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้วในสุสานเทพเจ้าเมื่อสามเดือนก่อน! แม้แต่ผู้พิทักษ์ขั้นซิ่วฉือระดับห้ายังถูกลอบโจมตีจนสิ้นชีพ แล้วเหตุใดผู้ที่บรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อระดับที่หนึ่งเช่นเขาจึงมีชีวิตรอดจากหายนะในภารกิจครั้งนั้น?! ใช่…เขาตายไปแล้ว… ‘เยี่ยฉวน’ คนเก่าจอมขลาดเขลาและเหยียมอายคนนั้นตายไปแล้ว! บัดนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือเยี่ยฉวนคนใหม่ที่ฝึกตนจนบรรลุขั้นอู่เจ๋อระดับสี่โดยใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน! เขาได้พบเคล็ดวิชาลึกลับ ‘ขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์’ จากสุสานเทพเจ้าโดยบังเอิญ วิชานี้มีพลานุภาพมหัศจรรย์เหนือกว่าเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์เสียอีก! หากเขาฝึกฝนเคล็ดวิชานี้จนสำเร็จต้องมีระดับขั้นการฝึกตนที่สูงกว่าภพชาติก่อนเป็นแน่! หรือบางทีอาจบรรลุถึงขั้นผู้อมตะแห่งเต๋าที่เป็นเพียงตำนาน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset