Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 67 ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าจะรักท่านจนวันตาย

บทที่ 67 ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าจะรักท่านจนวันตาย

จ้าวต้าจื่อวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีจนทั้งกายชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อแต่กลับไร้ประโยชน์

เขาวิ่งไกลออกมาจากตลาดมืดกว่าสิบลี้แล้วแต่ความรู้สึกเหมือนถูกไล่ตามนั้นยังไม่หายไปแต่กลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาใกล้เข้ามาทุกขณะ

เจ้าอ้วนหันกลับไปมอง แน่นอนว่าร่างกำยำของปีศาจเขาโค้งกำลังไล่ตามเขามาอย่างไม่ช้าไม่เร็วนัก “พ่อหนุ่มน้อย เหตุใดจึงวิ่งเร็วนัก? ข้าน่ากลัวถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ฮ่าๆๆ…”

เสียงของปีศาจเขาโค้งดังแว่วมาในอากาศ เขากระโดดตามเจ้าอ้วนราวกับซากศพแข็งทื่อ แม้การเคลื่อนไหวนั้นจะดูน่าขันแต่กลับว่องไวยิ่ง

ในตลาดมืดใต้ดิน ปีศาจเขาโค้งระแวดระวังอย่างมากเพื่อหลีกเลี่ยงการเผยตัวตน แต่เขาไม่มีความกังวลอันใดในดินแดนรกร้างไร้ผู้คนแห่งนี้

ยันต์ปีศาจที่จ้าวต้าจื่อขายนั้นไม่มีประโยชน์กับคนทั่วไปนัก แต่สำหรับผู้ฝึกมารแล้ว สิ่งนี้คือขุมทรัพย์อันประเมินค่าไม่ได้ สามารถใช้ขัดเกลาดวงจิตอสุรกายและแยกหัวใจของปีศาจที่หลอมรวมกับอสุรกายออกมา

ครั้งนี้น่ากู่ซือได้ยินว่าอาณาจักรสวรรค์อันเก่าแก่ถูกค้นพบในเทือกเขาหมอกเมฆาจึงเดินทางมาเงียบๆ เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แม้สุดท้ายจะไม่พบสิ่งใดเกี่ยวกับอาณาจักรสวรรค์แต่กลับบังเอิญพบยันต์ปีศาจที่สาบสูญไปโดยไม่คาดคิด

เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ฝืนขัดเกลาอสุรกายดึกดำบรรพ์มีเขาไปและต้องเผชิญกับผลข้างเคียงจากดวงจิตของมันทำให้ร่างกายไม่สู้ดีนัก แข้งขากลับฝืดอีกทั้งเลือดยังจับตัวเป็นลิ่ม แค่จะก้าวเดินยังแสนลำบากจนต้องเคลื่อนไหวด้วยการกระโดดแทน และแล้วเขาก็บังเอิญพบยันต์ปีศาจนี้เข้าพอดี! อย่าว่าแต่เงินหนึ่งหมื่นตำลึงเลย หากต้องจ่ายสิบเท่าเขาก็ยินยอม

“ข้าไม่มียันต์แล้ว มีแค่ใบเดียวเท่านั้น ยะ…อย่าไล่ตามข้าเลย!”

จ้าวต้าจื่อหันกลับไปมองปีศาจเข้าโค้งที่กำลังไล่ตามเขา หัวใจสั่นสะท้านด้วยรู้ดีว่าสถานการณ์ย่ำแย่เพียงใด เขาวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งไปทางสำนักหมอกเมฆา พลันตระหนักขึ้นได้ว่าความตื่นกลัวทำให้เขาตัดสินใจผิดมหันต์ เขาไม่ควรหนีออกจากตลาดมืดแต่ควรอยู่ที่นั่นและขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์ของสำนักที่ดูแลตลาดมืดอยู่

หากศิษย์พี่ใหญ่ตกที่นั่งเดียวกับเขาคงไม่ตัดสินใจผิดพลาดเช่นนี้ แล้วตอนนี้เขาควรทำอย่างไร?

เจ้าอ้วนคลำร่างตนเองจนทั่วแต่กลับไม่พบสิ่งใดนอกจากตั๋วเงินปึกนั้น ไม่มียันต์ส่งสาร ในช่วงเวลาคอขาดบาดตายเช่นนี้เขากลับไม่มีหนทางติดต่อสำนักเพื่อขอความช่วยเหลือเลย

เมื่อหันไปดูก็เห็นปีศาจเขาโค้งกำลังใกล้เข้ามา เจ้าอ้วนหวาดกลัวเสียจนหัวใจเต้นรัวแรง ตอนนี้ขาข้างหนึ่งลงไปอยู่ในหลุมศพเสียแล้ว เขาไม่ได้นึกถึงเจ้าสำนักแต่กลับนึกถึงศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวน เจ้าอ้วนพยายามคิดอีกมุมหนึ่ง หากเป็นเยี่ยฉวนที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้จะจัดการอย่างไร?

ตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่เคียงข้างเยี่ยฉวน จ้าวต้าจื่อไม่เพียงได้รับยาเม็ดชำระไขกระดูกและบรรลุขั้นซิวฉือแต่เขายังเรียนรู้การทำใจให้สงบนิ่ง ยิ่งสถานการณ์คับขันมากเท่าใดเขายิ่งต้องใจเย็นมากเท่านั้น

ปีศาจเขาโค้งหัวเราะลั่นด้วยสุ้มเสียงประหลาดเมื่อระยะห่างระหว่างเขากับเจ้าอ้วนลดลงเรื่อยๆ เขาวิ่งตามจ้าวต้าจื่ออย่างสบายๆ รอเวลาที่เจ้าอ้วนจะหมดแรงราวกับแมวไล่จับหนู แต่ทันใดนั้นกลับสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ

เจ้าอ้วนผู้สิ้นหวังได้เปลี่ยนรูปแบบการวิ่งหนี เขาไม่ดันทุรังวิ่งเป็นเส้นตรงแต่กลับเคลื่อนที่เป็นรูปฟันปลา ทำให้ปีศาจเขาโค้งที่ใช้วิธีกระโดดตามนั้นเปลี่ยนทิศทางอย่างยากลำบากจนความเร็วลดลงและค่อยๆ ทิ้งห่างออกไป

เจ้าอ้วนผู้สงบสติอารมณ์แล้วคิดหาวิธีสลัดอีกฝ่ายทิ้ง เขารวบรวมความกล้าวกกลับไปมาและพบว่าวิธีนี้ได้ผลชะงัด!

“ฮึ่ม เจ้าอยากวิ่งงั้นหรือ?”

ปีศาจเขาโค้งพ่นลมหายใจเย็นเยียบ ดวงตาสีแดงเข้มทอประกายกล้า เขาไม่มีเวลาจะมาเล่นกับเจ้าอ้วนอีกต่อไป ร่างใหญ่โตพลันออกแรงกระโดดครั้งเดียวไกลกว่าสิบเมตร เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงข้างหลังเจ้าอ้วนก่อนจะเอื้อมมือออกไปคว้าตัวไว้ “ไอ้หนู ส่งยันต์ทั้งหมดที่เจ้ามีมา ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าทรมานจนรู้สึกว่าตายเสียยังดีกว่า!”

เจ้าอ้วนหันไปเห็นปีศาจเขาโค้งอยู่ข้างหลังก็ตกใจแทบสิ้นสติ แข้งขาพลันอ่อนแรง ความตระหนกทำให้เขาเผลอเหยียบก้อนหินเรียบลื่นและล้มลงบนพื้น หลุดรอดจากเงื้อมมือของปีศาจเขาโค้งที่คว้าไว้ได้เพียงเศษเสื้อผ้าอย่างเฉียดฉิว มือใหญ่

“ช่วยข้าด้วยศิษย์พี่ใหญ่ ช่วยข้าที อ๊า…”

เจ้าอ้วนลุกขึ้นวิ่งอย่างสิ้นหวังอีกครั้ง คราวนี้สมองของเขาว่างเปล่า ได้แต่ร้องขอความช่วยเหลืออย่างไร้สติ

“ฮ่าๆๆ ไอ้หนู อย่าเสียเวลาเลย ฮ่าๆๆ…”

ปีศาจเขาโค้งหัวเราะ ออกแรงกระโดดไกลอีกครั้ง

แม้จะซื้อยันต์ปีศาจมาด้วยเงินจำนวนมหาศาลแต่เพียงแค่ใบเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ ถึงยันต์ปีศาจจะช่วยเยียวยาหัวใจของเขาได้ในครั้งนี้ แต่ครั้งหน้าเมื่อขัดเกลาอสุรกายตนอื่นก็อาจประสบปัญหาเช่นนี้อีก ยันต์ปีศาจที่สาบสูญไปนั้นไม่ได้พบกันง่ายๆ เขาจึงอยากตามรอยไปยังต้นกำเนิดของมัน อยากรู้ว่าเจ้าอ้วนค้นพบยันต์ปีศาจนี้ได้อย่างไรและยังมีในครอบครองอีกหรือไม่

ฉับพลันเกิดลมพัดรุนแรงผ่านแดนรกร้างนี้

ร่างของเจ้าอ้วนถูกส่งขึ้นไปในอากาศและกระอักเลือดออกมาเต็มปากก่อนจะหนีไปได้ไกลกว่านี้ เขาดิ้นรนเอาชีวิตรอดเมื่อเห็นปีศาจเขาโค้งเยื้องกรายใกล้เข้ามา แต่หลังนั้นเจ็บปวดแสนสาหัสจนลุกยืนไม่ไหว

“เจ้าหนู ข้าบอกแล้วว่าเจ้าหนีไปไหนไม่รอดแน่และจะไม่มีใครช่วยเจ้าได้ ฮ่าๆๆ…”

ปีศาจเขาโค้งย่างเท้าเข้ามาช้าๆ เจ้าอ้วนคิดว่าชะตาของเขาคงถึงฆาตแล้วเป็นแน่ แต่แล้วเสียงหัวเราะก็หยุดลงกะทันหัน ปีศาจเขาโค้งพลันหันหลังกลับ

แสงสีจางปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพร้อมความหนาวเข้ากระดูก

มันคือกระบี่กำลังแผ่ปราณคมปลาบออกมาอย่างรุนแรง!

ปีศาจเขาโค้งเหวี่ยงหมัดออก กำปั้นปะทะเข้ากับกระบี่นั้นจนเกิดเสียงคล้ายโลหะกระทบกัน ฝุ่นควันคละคลุ้งและใบไม้ร่วงกราวจากแรงกระแทก เมื่อฝุ่นควันจางหายไปตรงหน้าของเขากลับว่างเปล่าและเจ้าอ้วนข้างหลังก็หายไปเช่นกัน ปีศาจร้ายส่งกระแสจิตบริสุทธิ์ออกไปและมองเห็นจุดสีดำเล็กๆ อยู่ไกลลิบ มันลอยออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ทางสำนักหมอกเมฆา

หนานเทียนโตวปรากฏกายขึ้นในพริบตาเพื่อช่วยเจ้าอ้วนผู้คิดว่าตนถึงคราวตายเป็นแน่ เขาแบกเจ้าอ้วนขึ้นหลังและออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง

“ศิษย์พี่เทียนโตว เป็นท่านหรือ?”เจ้าอ้วนยังคงตัวสั่นระริก สิ่งที่เกิดขึ้นช่างน่าเหลือเชื่อ

หนานเทียนโตวเป็นอัจฉริยะผู้หาตัวจับยากและไม่แยแสต่อสิ่งใด จึงน่าแปลกใจที่ผู้ช่วยชีวิตของเขาคือหนานเทียนโตวผู้ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด

“ศิษย์พี่ใหญ่ส่งข้ามารับเจ้า”

หนานเทียนโตวตอบอย่างเย็นชาแล้วเงียบไป แม้จะแบกเจ้าอ้วนที่น้ำหนักเกินแต่ความเร็วของเขากลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งวิ่งก็ยิ่งเร็ว มือขวาถือกระบี่คมกริบที่ส่องประกาย ใบหน้าไร้อารมณ์ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเพียงแต่แขนขวานั้นสั่นเล็กน้อยพร้อมมีเลือดไหลออก

“สมกับเป็นศิษย์พี่ใหญ่จริงๆ…”

เจ้าอ้วนสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลอาบแก้มจนเสื้อคลุมของหนานเทียนโตวเปียกชุ่ม

ตลอดหลายปีที่เขาเข้าร่วมสำนักหมอกเมฆา เขาทั้งโดนผู้คนสาปแช่ง ทุบตี เพิกเฉย และใช้งาน แต่ไม่เคยมีผู้ใดดูแลเขาเช่นนี้เลย

หนานเทียนโตวไม่ได้เอ่ยคำใด ได้แต่ปล่อยให้เจ้าอ้วนสะอื้นกับตัวเองอย่างเย็นชา เขาเร่งรุดไปข้างหน้าราวกับม้าที่ไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ทางเข้าสำนักหมอกเมฆาปรากฏให้เห็นตรงเส้นขอบฟ้า

ปีศาจเขาโค้งที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังมีสีหน้าขุ่นเคือง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ ได้แต่มองดูหนานเทียนโตวและจ้าวต้าจื่อหายลับไปในทางเข้าสำนักหมอกเมฆาและหันหลังจากไปอย่างคับข้องใจ

ถึงสำนักหมอกเมฆาจะเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงเป็นสำนักเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาและแข็งแกร่งกว่าที่มองเห็นจากภายนอกนัก แม้เขาจะโกรธเกรี้ยวและปรารถนายันต์ปีศาจอีกมากเพียงใดก็ไม่กล้าบุกเข้าไปเช่นกัน

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness, 蛮荒风暴
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทนำ ณ ห้องโถงใหญ่บนยอดเขาเมฆาอินทนิล…เหล่าผู้อาวุโสทั้งห้าและบรรดาลูกศิษย์ในสำนักนับพันชีวิตต่างจ้องมองไปทางเดียวกันอย่างไม่เชื่อสายตา! ทุกคนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้วในสุสานเทพเจ้าเมื่อสามเดือนก่อน! แม้แต่ผู้พิทักษ์ขั้นซิ่วฉือระดับห้ายังถูกลอบโจมตีจนสิ้นชีพ แล้วเหตุใดผู้ที่บรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อระดับที่หนึ่งเช่นเขาจึงมีชีวิตรอดจากหายนะในภารกิจครั้งนั้น?! ใช่…เขาตายไปแล้ว… ‘เยี่ยฉวน’ คนเก่าจอมขลาดเขลาและเหยียมอายคนนั้นตายไปแล้ว! บัดนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือเยี่ยฉวนคนใหม่ที่ฝึกตนจนบรรลุขั้นอู่เจ๋อระดับสี่โดยใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน! เขาได้พบเคล็ดวิชาลึกลับ ‘ขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์’ จากสุสานเทพเจ้าโดยบังเอิญ วิชานี้มีพลานุภาพมหัศจรรย์เหนือกว่าเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์เสียอีก! หากเขาฝึกฝนเคล็ดวิชานี้จนสำเร็จต้องมีระดับขั้นการฝึกตนที่สูงกว่าภพชาติก่อนเป็นแน่! หรือบางทีอาจบรรลุถึงขั้นผู้อมตะแห่งเต๋าที่เป็นเพียงตำนาน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset