Super God Gene – ตอนที่ 1959

“ทำไมข้าถึงควรเชื่อเจ้า? ถ้าข้ามอบทรายดาราจักรให้กับเจ้า มันมีอะไรรับประกันว่าเจ้าจะปล่อยสปีชเลสส์ไป?” ราชาเคลียร์ซีไม่ได้ดูโกรธอะไร เขายังพูดด้วยโทนเสียงที่ดูปกติ

 

“มอบทรายดาราจักรให้กับข้า และข้าจะพาเจ้าไปหานาง” หานเซิ่นพูดอย่างไม่อ้อมค้อม

 

“จนกว่าข้าจะได้เห็นนาง เจ้าจะไม่ได้อะไรทั้งนั้น” ราชาเคลียร์ซีพูด

 

หานเซิ่นหัวเราะและพูด “ถ้าอย่างนั้นก็ลงมือฆ่าข้าซะ ข้าบอกเจ้าได้แค่ว่าสปีชเลสส์อยู่ที่ไหนสักแห่งบนดาวดวงนี้ มอบทรายดาราจักรให้กับข้าและข้าจะพาเจ้าไปหานาง ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันอีก”

 

ราชาเคลียร์ซีถามหานเซิ่น “สปีชเลสส์อยู่ที่ไหนสักแห่งบนดาวดวงนี้จริงๆอย่างนั้นหรอ?”

 

หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มออกมา

 

ราชาเคลียร์ซีถามเขาอีก 2-3 คำถาม แต่ทั้งหมดที่หานเซิ่นทำก็คือยิ้ม จนในที่สุดเขาก็รู้ตัวว่าหานเซิ่นไม่คิดจะพูดอะไรไปมากกว่านั้น

 

ราชาเคลียร์ซีเลิกถามและกลับออกไปหาราชาแบทเทิล

 

หานเซิ่นไม่ได้เร่งรีบอะไร เขายังคงรออยู่ในนั้น เขารู้ว่าราชาแบทเทิลจะทำการค้นหาทั้งดวงดาวอีกครั้ง แต่พวกเขาก็จะไม่พบอะไร และเมื่อถึงตอนนั้นราชาเคลียร์ซีก็จะกลับมาพูดกับเขาอีก

 

บุดด้าเจ็ดวิญญาณตายไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้สปีชเลสส์จึงเป็นความหวังที่เหลืออยู่ของทางบุดด้า ตอนนี้เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าทำการสนับสนุนสปีชเลสส์ด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาไม่สามารถปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอได้

 

วันต่อมาราชาเคลียร์ซีก็กลับมาหาหานเซิ่นและถาม “เจ้าบอกว่าสปีชเลสส์ยังคงอยู่บนดาวดวงนี้อย่างนั้นใช่ไหม?”

 

“ใช่แล้ว มอบทรายดาราจักรให้กับข้า และข้าจะพาเจ้าไปหานาง มันจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง” หานเซิ่นพูดอย่างสงบ

 

ราชาเคลียร์ซีมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ เพราะไวเคานต์ทั่วๆไปไม่ควรจะสงบเยือกเย็นได้แบบนี้เมื่อต่อหน้าราชัน

 

“ทำไมเจ้าถึงได้ลักพาตัวสปีชเลสส์?” ราชาเคลียร์ซีถาม

 

“เพราะเจ้าหมายตาเจ็ดน้อยของข้า” หานเซิ่นพูด

 

“อมิตาพุต! นั่นเป็นธุระของราชาแบทเทิล มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา” ราชาเคลียร์ซีพูด

 

“สปีชเลสส์บอกข้าว่าที่พวกเจ้าต้องการซื้อตัวพวกมีก้าเด็กไปก็เพื่อซ่อมแซมอาวุธระดับเทพเจ้าบางอย่าง” หานเซิ่นพูด

 

ราชาเคลียร์ซีขมวดคิ้ว แต่นี่ก็ยืนยันให้เขารู้ว่าดอลลาร์ลักพาตัวสปีชเลสส์ไปจริงๆ เพราะนอกจากราชาเคลียร์ซีแล้ว มีเพียงแค่สปีชเลสส์เท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้แต่ราชาแบทเทิลก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะซื้อพวกมีก้าเด็กๆไปทำไม

 

ในขณะที่ราชาเคลียร์ซีกำลังนั่งเงียบ เสียงของราชาแบทเทิลก็ดังขึ้นในหูของเขา “ถ้าสปีชเลสส์ยังอยู่บนดาวดวงนี้จริงๆ เจ้าควรตอบตกลงเขา และข้าจะทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ได้รับอะไรกลับไป ข้าจะขอรับผิดชอบในเรื่องนี้เอง”

 

ราชาแบทเทิลรู้ว่าที่ราชาเคลียร์ซียังไม่ตัดสินใจ นั่นเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายยังคงสงสัยว่าเขาอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการลักพาตัว ดังนั้นราชาแบทเทิลจึงต้องแสดงว่าเขาบริสุทธิ์ในเรื่องทั้งหมดนี้

 

เขามั่นใจว่าดอลลาร์ไม่สามารถหนีไปพร้อมกับทรายดาราจักรได้

 

หลังจากที่ได้ยินราชาแบทเทิล ราชาเคลียร์ซีก็ไม่ลังเล

“พวกเรายอมตกลงในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ พาข้าไปหาสปีชเลสส์”

 

หานเซิ่นมองราชาเคลียร์ซีและยิ้มออกมา แต่เขาไม่ได้พูดอะไร มันเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการอะไร

 

“ข้าจะมอบทรายดาราจักรให้กับเจ้า แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าสปีชเลสส์ยังคงอยู่บนดาวดวงนี้” ราชาเคลียร์ซีจ้องไปที่หานเซิ่น

 

“ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าเดินไปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เจ้าคิดว่าข้าเดินออกจากดวงดาวดวงนี้ใน 30 นาทีอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นยิ้ม

 

ราชาเคลียร์ซีมองหานเซิ่นอยู่สักพัก และในที่สุดเขาก็วางกล่องๆหนึ่งลงบนโต๊ะ เขาเปิดมันออกและเผยให้เห็นคริสตัลจำนวนมากที่อยู่ภายใน มันส่องประกายด้วยรัศมีของเพชร มันเป็นประกายซะจนยากที่จะมอง

 

พลังงานมหาศาลของมันสามารถสัมผัสได้ในทันที ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าพวกมันเป็นของดี

 

ราชาเคลียร์ซีปล่อยแสงสีทองออกมาเพื่อทำลายโซ่สีแดงที่ล่ามหานเซิ่นอยู่ หลังจากนั้นแสงสีทองก็ห่อหุ้มหานเซิ่นเอาไว้

 

หานเซิ่นยกกล่องขึ้นมาและนับของข้างใน หลังจากนั้นเขาก็เก็บมันเข้าไปในกระเป๋า “จำนวนของมันถูกต้อง พวกเราไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปหาสปีชเลสส์ โอ้อีกอย่างหนึ่งนำเจ็ดน้อยมาคืนข้า”

 

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ยืนขึ้นและเดินไปที่ประตู

 

ยามเฝ้าประตูไม่ได้หยุดหานเซิ่นเอาไว้ หลังจากนั้นก็มีคนนำเจ็ดน้อยมาคืนให้กับหานเซิ่น หานเซิ่นรับเจ็ดน้อยกลับไปและเดินออกจากบ้านของราชาแบทเทิลไป ไม่มีใครมาหยุดเขาเอาไว้ แต่คนของราชาแบทเทิลอยู่ทุกหนทุกแห่งในระยะหนึ่งร้อยไมล์ แม้แต่ยุงตัวหนึ่งก็ไม่เล็ดลอดจากสายตาของพวกเขา

 

“ดูสิว่าเจ้าจะยังมีลูกหมายอะไรอีก เมื่อเจ้าปล่อยตัวบุดด้าหญิงไปแล้ว ข้าจะทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมาน” สีหน้าของราชาแทบเทิลดูโหดเหี้ยมขณะที่จ้องไปที่หน้าจอ

 

ราชาเคลียร์ซีเดินเคียงข้างหานเซิ่นไป เขาเชื่อว่าหานเซิ่นไม่สามารถหนีไปพร้อมกับกล่องทรายดาราจักรได้

 

หานเซิ่นเดินไปอย่างช้าๆพร้อมกับมองไปรอบๆ ถนนต่างๆถูกปิดเอาไว้โดยคนของราชาแบทเทิล ดังนั้นมันไม่มีโอกาสที่เขาจะวิ่งหนีไปได้

 

“แน่ใจหรือว่าเจ้าไม่ต้องการเดินไปให้เร็วกว่านี้? ถ้าข้าไม่เห็นสปีชเลสส์ในครึ่งชั่วโมง ข้อตกลงก็เป็นอันยกเลิก และข้าก็จะฆ่าเจ้า”

ราชาเคลียร์ซีมองดูหานเซิ่น ท่าทางใจเย็นของหานเซิ่นเริ่มจะทำให้เขากังวลขึ้นมา

 

ราชาเคลียร์ซีไม่สามารถสัมผัสพลังที่ยิ่งใหญ่อะไรจากตัวของดอลลาร์ได้ ดังนั้นเขาไม่เชื่อว่าดอลลาร์จะสามารถหนีไปได้

 

“แค่ครึ่งชั่วโมงก็เพียงพอ” หานเซิ่นยิ้มและเดินต่อไป

 

กล้องทุกตัวและสายตาของขุนนางทุกคนจับจ้องไปที่หานเซิ่น ถึงแม้หานเซิ่นจะสามารถบินได้ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีออกไปจากที่นี่

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และมันก็เกือบจะถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่หานเซิ่นก็ยังไปไม่ถึงไหน ราชาแบทเทิลเริ่มขมวดคิ้วขึ้นมา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหานเซิ่นถึงยังใจเย็นอยู่ได้

 

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป และราชาเคลียร์ซีก็หยุดหานเซิ่นเอาไว้ “เวลาหมดลงแล้ว นางอยู่ที่ไหน?”

 

“อยู่ที่นี่” หานเซิ่นมองคนของราชาแบทเทิลที่อยู่รอบๆและหันกลับมาที่ราชาเคลียร์ซี ก่อนที่จะดีดนิ้ว

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset