Super God Gene – ตอนที่ 1984

หลังจากที่หานเซิ่นกลับไปที่เกาะ เขาก็เห็นนกกระเรียนไร้ขานอนพักอยู่ใต้ต้นไม้ เขาวางเนื้อลงในถ้วยของมัน หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในบ้านเพื่อศึกษาวิชาใต้นภา

 

ใต้นภาเป็นวิชาที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก มันไม่ได้เป็นวิชาที่แข็งกระด้างเหมือนกับวิชามีดเขี้ยวดาบ แต่มันเป็นเหมือนกับริบบิ้น มันอาจจะเป็นวิชามีดที่ดูมั่วๆ แต่การเคลื่อนไหวทั้งหมดต่อเนื่องกัน

 

ด้วยการใช้วิชาใต้นภา หานเซิ่นจะสามารถควบคุมศัตรูได้ราวกับว่าพวกเขาเป็นหุ่นเชิด วิชาใต้นภาไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากวิชาหมากล้อมสวรรค์หรือศาสตร์ตงเสวียนมากนัก แน่นอนว่ามันยังคงมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

 

หมากล้อมสวรรค์นั้นเน้นไปที่รูปแบบการเคลื่อนไหว ขณะที่ศาสตร์ตงเสวียนเน้นไปที่การคาดเดาการเคลื่อนไหว ส่วนวิชาใต้นภานั้นเน้นไปที่การควบคุมโดยตรง

 

วิชาใต้นภาทำให้ผู้ใช้เป็นเหมือนกับราชินีในฝูงมด หรือก็คือผู้ใช้จะสามารถควบคุมสมรภูมิได้

 

แต่วิชามีดนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของมันลดลงอย่างมาก ในตอนที่หานเซิ่นได้เห็นยวิ๋นซู่อีใช้มัน เขาก็สามารถบอกได้ว่าวิชาใต้นภานั้นมีต้นกำเนิดมาจากไหน เขาคาดเดาว่ามันต้องมีต้นกำเนิดมาจากปราสาทนภา

 

ซึ่งการคาดเดาของหานเซิ่นถูกต้อง วิชาใต้นภานั้นมีต้นกำเนิดมาจากตำราไร้อักษรของปราสาทนภา

 

บุคคลที่คิดค้นวิชาใต้นภาขึ้นมาคงจะฝึกวิชาจากตำราไร้อักษะ และเขาก็ใช้มันเป็นรากฐาน รวมกับความรู้และพรสวรรค์ของเขา เขาก็คิดค้นส่วนที่เหลือของวิชามีดขึ้นมา

 

แต่การเข้าใจตำราไร้อักษรไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการฝึกวิชาใต้นภา เพราะถ้ามันเป็นสิ่งจำเป็นแล้วแบบนั้นวิชานี้จะมีประโยชน์อะไร เพราะยังไงซะมันก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถฝึกตำราไร้อักษรได้

 

ด้วยเหตุนั้นวิชาใต้นภาจึงขาดพลังของตำราไร้อักษรที่ใช้เป็นรากฐาน พลังในการควบคุมของมันจึงค่อนข้างอ่อน

 

มันจึงเกิดเป็นปัญหา 2 ด้านขึ้นมา ด้านหนึ่งคือคนที่ไม่ได้ฝึกตำราไร้อักษรจะไม่สามารถเรียนรู้วิชานี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือคนที่ฝึกตำราไร้อักษรนั้นไม่มีความจำเป็นต้องเรียนรู้วิชานี้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย

 

วิชาใต้นภาถูกทอดทิ้งนั่นก็เพราะไม่มีคนพบหนทางที่จะก้าวข้ามปัญหาข้อนี้ แม้แต่การปรับแต่งของอัจฉริยะหลายคนก็ยังไม่เพียงพอ

 

หานเซิ่นไม่ได้เชี่ยวชาญในวิชามีดอะไร แต่ปัญหาของวิชาใต้นภาบังเอิญเป็นอะไรที่หานเซิ่นคุ้นเคยอย่างมาก

 

ในตอนที่อยู่บนถนนสู่ทองฟ้า หานเซิ่นได้ปล่อยให้แรงกดดันของผู้นำแรกของปราสาทนภาเข้าไปในร่างกาย แรงกดดันนั้นทำให้หานเซิ่นรู้สึกประทับใจอย่างมาก นอกจากนั้นเขายังเชี่ยวชาญศาสตร์ตงเสวียนและวิชาหมากล้อมสวรรค์ ดังนั้นการแก้ปัญหาของมันจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับเขา

 

แต่หานเซิ่นได้เพียงแค่เห็นยวิ๋นซู่อีใช้มันเท่านั้น เขาไม่ได้เห็นตัววิชา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเรียนรู้และทำการแก้ไขปัญหาของมันได้ หลังจากที่คิดอยู่สักพัก หานเซิ่นก็ตัดสินใจโทรไปหายวิ๋นซู่อี เขาถามเธอว่าคนนอกนั้นสามารถเรียนรู้วิชาใต้นภาไหม แต่เธอตอบว่าไม่

 

ถึงมันจะเป็นวิชาที่บกพร่อง แต่มันก็เกี่ยวข้องกับตำราไร้อักษร ดังนั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะเรียนรู้มันได้ และที่ยวิ๋นซู่อีได้รับอนุญาตให้เรียนรู้มันได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าแต่เดิมแล้ววิชาใต้นภาถูกคิดค้นขึ้นมาโดยคนตระกูลยวิ๋น

 

หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังที่ได้ยินอย่างนั้น และที่หานเซิ่นตอบตกลงจะช่วยเธอ นั่นก็เพราะว่าเขาคิดต้องการจะเรียนรู้มัน

 

หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถเรียนรู้วิชาใต้นภาได้ หลังจากนั้นเขาก็ขอโทษยวิ๋นซู่อีและบอกกับเธอว่าคงจะช่วยแก้ปัญหาของมันไม่ได้

 

คืนนั้นอวี้จิงมาพบหานเซิ่นที่เกาะ

 

หานเซิ่นได้รู้เกี่ยวกับอวี้จิงมาจากยวิ๋นซู่อีพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้มีอคติอะไรกับชายคนนี้ ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติกับอวี้จิงอย่างปกติ

 

อวี้จิงมองไปรอบๆเพื่อดูว่าพวกเขาอยู่ตามลำพังจริงๆหรือเปล่า หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ศิษย์น้องหาน ถ้าเจ้าไม่สนใจรางวัลของการสอบ เจ้าจะช่วยเหลือข้าหน่อยได้ไหม? ด้วยพลังของเจ้า เจ้าจะต้องได้อันดับที่หนึ่งอย่างแน่นอน ถ้าเจ้ายอมช่วยเหลือข้าล่ะก็ ข้าจะมอบรางวัลที่คุ้มค่ายิ่งกว่านั้นให้กับเจ้า”

 

“เจ้าจะบอกว่าต้องการให้ข้าช่วยเจ้าโกงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นเข้าใจว่าอวี้จิงจะบอกว่าอะไร

 

“ฮ่าๆ! ข้าแค่จะบอกให้พวกเราช่วยเหลือกัน เพื่อที่พวกเราทั้งคู่จะได้ของที่พวกเราต้องการเท่านั้นเอง” อวี้จิงหัวเราะ

 

ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาพูดขึ้นมา “ข้ากลัวว่าคงจะช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว เพราะข้าเองก็จะเข้าร่วมการสอบเช่นกัน”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเจ้าเกิดเปลี่ยนใจล่ะก็ เจ้าติดต่อมาหาข้าได้ทุกเมื่อ” อวี้จิงผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

หลังจากที่เขาจากไปแล้ว หานเซิ่นก็โทรไปหายวิ๋นซู่อีอีกครั้งและถาม
“ซู่อี วิชาใต้นภาอยู่ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่า?”

 

“มันก็มีสำเนาอยู่ในนั้น ทำไมอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นซู่อีถามอย่างประหลาดใจ

 

“ถ้าข้าได้อันดับที่หนึ่งในการสอบ ข้าขอวิชาใต้นภาเป็นรางวัลได้ใช่ไหม?” หานเซิ่นถาม

 

“นั่นมันก็ใช่” หลังจากพูดอย่างนั้น ยวิ๋นซู่อีก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทำให้หน้าแดง

 

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่บอก” หานเซิ่นวางสาย ยวิ๋นซู่อีช่วยยืนยันความสงสัยของเขา ดังนั้นหานเซิ่นตัดสินใจจะเข้าร่วมการสอบและลองดูว่าเขาจะชิงอันดับที่หนึ่งมาได้ไหม ซึ่งถ้าเขาทำได้ล่ะก็ เขาก็จะเลือกวิชาใต้นภา

 

ยวิ๋นซู่อียังคงถือโทรศัพท์อยู่ในมือและครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เธอแก้มแดงและยิ้มออกมา ขณะที่คิดกับตัวเอง ‘นี่เขาคิดจะเข้าร่วมการสอบเพื่อข้าอย่างนั้นหรอ?’

มันยังเหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์ก่อนที่จะถึงวันสอบ หานเซิ่นจึงมีแผนที่จะออกไปล่าซีโน่เจเนอิคเพื่อเก็บยีนระดับเอิร์ลเพิ่ม เขายังคงต้องการจะเรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับยีนกลายพันธุ์

แต่ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ได้เข้าไปในถ้ำเสวียนเยวี๋ยน เนื่องจากที่นั่นมันซับซ้อนเกินไป และมันก็มีวิญญาณหยกเสวียนอยู่เป็นจำนวนมาก

 

หานเซิ่นได้แผนที่ของปราสาทนภามาหนึ่งฉบับ และเขาก็มองหาสถานที่ที่จะไปล่าซีโน่เจเนอิค ซึ่งหลังจากที่ไตรตรองดูแล้ว หานเซิ่นก็ตัดสินใจไปที่เกาะโอลด์ไนท์

 

ซีโน่เจเนอิคของเกาะโอลด์ไนท์นั้นค่อนข้างรวดเร็ว และพวกมันส่วนใหญ่ก็สามารถบินได้ ด้วยเหตุนั้นคนอื่นๆจึงไม่อยากจะไปที่นั่น เพราะการจะฆ่าซีโน่เจเนอิคที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งมันเป็นเรื่องยาก

 

แต่ทว่าหานเซิ่นไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะเขามีรองเท้าเขี้ยวกระต่ายและปีกมังกรอยู่ ดังนั้นการล่าซีโน่เจเนอิคของที่นั่นจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขา

 

หลังจากที่อวี้จิงยืนยันว่าหานเซิ่นจะเข้าร่วมการสอบ ความคิดหนึ่งก็ฝุดขึ้นมาในหัวของเขา

 

“ในการสอบครั้งนี้มันไม่ได้มีอัจฉริยะเข้าร่วมมากนัก และด้วยพลังของหานเซิ่น เขาคงจะติดอันดับ 1 ใน 5 ได้อย่างสบายๆ ข้าจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้น ชื่อเสียงของเขาค่อนข้างแย่และคนอื่นๆก็ไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงของเขา ข้าจะหาเงินจากเรื่องนี้ได้” อวี้จิงเริ่มคิดแผนการขึ้นมา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset