Super God Gene – ตอนที่ 1986

คู่ต่อสู้ที่หิน

“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? ทำไมไผ่เดียวดายถึงมาเข้าร่วมการสอบในครั้งนี้ด้วย? เขาไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนั้น”
อวี้จิงไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้โชคร้ายขนาดนี้ ถ้ามันเป็นศิษย์ระดับเอิร์ลคนอื่น เขามั่นใจว่าหานเซิ่นจะเป็นฝ่ายชนะ

 

แต่ไผ่เดียวดายทำให้อวี้จิงรู้สึกสิ้นหวัง

 

ไผ่เดียวดายเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสเจ็ด แต่เขาทำผิดกฎร้ายแรง เขาจึงถูกถอดจากการเป็นศิษย์และถูกจับไปขังเพื่อทรมาน

 

การถูกจับขังของเขาถึงจะไม่ใช่โทษตาย แต่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการตายทั้งเป็น

 

ไผ่เดียวดายถูกขังในความฝันที่เลวร้าย เขาจะต้องใช้ชีวิตที่แสนเศร้าอยู่ความในฝันเป็นเวลาหมื่นปี เขาถึงจะสามารถตื่นขึ้นมาได้

 

ซึ่งสิ่งมีชีวิตทั่วๆไปไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนั้น และถึงพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ การที่หัวใจต้องแตกสลายจากฝันร้ายที่ยาวนานก็เป็นอะไรที่ยากเกินกว่าจะทนได้

 

ไผ่เดียวดายหลับใหลอยู่ในห้องขังเป็นเวลา 10 ปีก่อนที่จะตื่นขึ้นมา ซึ่งหลังจากที่ตื่นขึ้นมา เขาก็ได้ไปที่หน้าปราสาทนภาและคุกเข่าลงต่อหน้ามัน หลังจากนั้นประตูก็เปิดออก ผู้นำที่ไม่เคยรับลูกศิษย์มาเป็นเวลากว่าหนึ่งพันปีก็ตัดสินใจรับไผ่เดียวดายเป็นลูกศิษย์ หลังจากนั้นชีวิตที่สดใสของเขาก็เริ่มต้นขึ้น เขาได้ฝึกฝนตำราไร้อักษรในระดับที่ไม่มีใครสามารถเทียบชั้นกับเขาได้

 

แม้แต่กระเรียนพันขนที่ได้รับพรจากน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับไผ่เดียวดาย

 

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าสู้กับไผ่เดียวดายอีก แม้แต่ศิษย์ระดับมาร์ควิสและดยุกก็ไม่กล้าจะประมาทความสามารถของเขาเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าเขาสามารตื่นขึ้นมาหลังจากที่หลับใหลไปเพียงแค่สิบปีได้ยังไง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าเขาต้องผ่านอะไรมา

 

ผู้นำของปราสาทนภาเชื่อว่าไผ่เดียวดายสามารถกลายเป็นเทพเจ้าได้ และเขาก็ไม่ได้รู้สึกสงสัยในความเป็นไปได้นั้นเลยแม้แต่น้อย

 

ไผ่เดียวดายยังไปถึงระดับมาร์ควิส แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะเข้าร่วมการสอบ เพราะแม้แต่ศิษย์ระดับมาร์ควิสของปราสาทนภาก็ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกสนใจได้ แล้วการต่อสู้กับศิษย์ระดับเอิร์ลจะทำให้เขาสนใจได้ยังไง

 

อวี้จิงดูขื่นขม เขารู้สึกว่าตัวเองโชคร้าย เขาคิดว่าจะได้ร่ำรวยจากการใช้ประโยชน์จากหานเซิ่น แต่ตอนนี้เขากลับกำลังจะหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีใครเคยเห็นไผ่เดียวดายต่อสู้มาก่อนในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นมันไม่มีใครคาดคิดว่าจู่ๆเขาจะมาเข้าร่วมการสอบแบบนี้

 

หานเซิ่นอยู่บนเกาะโอลด์ไนท์เป็นเวลา 6 วัน เขาล่าซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ลได้ทั้งหมด 11 ตัว แต่สถานหยกขาวกำลังจะเปิดขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงต้องเดินทางออกจากเกาะและมุ่งหน้าไปที่นั่น และเมื่อไปถึง สิ่งที่เห็นก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกตกตะลึง

 

ครั้งก่อนหานเซิ่นมองเห็นสถานหยกขาวเพียงแค่แห่งเดียว แต่ตอนนี้มันมีสิ่งก่อสร้างที่เหมือนๆกันถึง 12 หอคอยอยู่บนเกาะ และที่ปลายของหอคอยในระหว่างหมู่เมฆก็มีเมืองอยู่ หานเซิ่นไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามีอะไรอยู่ในเมืองพวกนั้น แต่เขาสามารถเห็นเมืองทั้ง 5 ได้

 

ในตอนแรกหานเซิ่นไม่ได้รู้เรื่องอะไร แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจเกี่ยวกับสถานหยกขาวพอสมควร

 

ศิษย์ทั่วๆไปของปราสาทนภาจะมองเห็นสถานหยกขาวแค่ 7 แห่งเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาพอจะเข้าใจเกี่ยวกับมัน และถ้าพวกเขามองเห็นสถานหยกขาว 10 แห่ง พวกเขาก็จะถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะ

 

แต่พวกเขามองเห็นสถานหยกขาวทั้ง 12 แห่ง พวกเขาก็จะเป็นที่สุดของคนในรุ่นนั้นๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพียงแค่หนึ่งครั้งในรอบหมื่นปี

 

ปราสาทนภาอยู่มายาวนานหลายล้านปี แต่มันมีน้อยกว่าหนึ่งร้อยคนที่จะมองเห็นเมืองทั้ง 5 ได้

 

หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมองเห็นสถานหยกขาวทั้ง 12 และเมืองทั้ง 5 แต่ถึงเขาจะสับสนกับมัน เขาก็ยังเลือกจะเข้าไปฝึกบนชั้นที่ 7 ของสถานหยกขาวแห่งแรก เขาเชื่อว่าลมปราณหยกของที่นั่นเหมาะสมที่สุดสำหรับเอิร์ลคนหนึ่ง ดังนั้นหานเซิ่นจึงตั้งใจจะทำให้วิชากายหยกเลื่อนขั้นไปสู่ระดับเอิร์ลซะก่อน ถึงจะไปสำรวจสถานหยกขาวขั้นต่อไป

 

เมื่อหานเซิ่นขึ้นไปถึงชั้นที่ 4 ยวิ๋นซู่อีก็เดินตรงเข้ามาหาเขา

 

“หานเซิ่น! พี่สาวของข้าและศิษย์พี่กระเรียนกำลังรอเจ้าอยู่บนชั้นที่ 7 เจ้าควรจะไปพบกับพวกเขา ถึงแม้เจ้าไม่คิดจะไปฝึกบนชั้นที่ 7 แต่เจ้าก็ควรจะขึ้นไปเพื่อพบกับพวกเขา”

 

“มันมีเรื่องอะไรหรอ?” หานเซิ่นถามอย่างสับสน

 

“ลมปราณหยกกำลังจะปะทุขึ้นในอีกไม่ช้า ดังนั้นเจ้าขึ้นไปที่ 7 ก่อน และเมื่อมันสิ้นสุดลง ศิษย์พี่กระเรียนจะบอกรายละเอียดกับเจ้า” ยวิ๋นซู่อีพูด

 

“โอเค” หานเซิ่นพยักหน้าและเดินขึ้นไปยังชั้นที่ 7

 

เมื่อหานเซิ่นเดินหายไปบนบันได ยวิ๋นซู่อีก็ถอนหายใจและคิดกับตัวเอง
‘พระเจ้านั้นไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ทำไมเขาถึงต้องพบกับไผ่เดียวดายด้วย? ไผ่เดียวดายคิดอะไรอยู่กันแน่? ทำไมเขาถึงได้มาเข้าร่วมการสอบในครั้งนี้?’

 

แต่หลังจากนั้นยวิ๋นซู่อีก็คิดต่อ ‘แต่นั่นไม่เป็นไร จุดประสงค์ของเขาต่างหากที่สำคัญ ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับอันดับที่หนึ่ง ข้าก็ไม่คิดจะรังเกลียดอะไรเขา’

 

หานเซิ่นขึ้นไปถึงชั้นที่ 7 และที่นั่นเขาก็เห็นกระเรียนพันขน ยวิ๋นซู่ซางและเฟิร์สเดย์ แต่เขาไม่เห็นชายหนุ่มที่ดูหยิ่งยโสที่เขาเจอเมื่อสัปดาห์ก่อน

 

เมื่อเห็นหานเซิ่น กระเรียนพันขนก็เรียกเขาเข้าไปหาและถาม
“เจ้าเข้าร่วมการสอบอย่างนั้นหรอ?”

 

หานเซิ่นพยักหน้าและพูด “ข้าลงชื่อไปแล้ว”

 

กระเรียนพันขนยิ้มแห้งๆออกมาและพูด “ข้ากลัวว่าเจ้าจะต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่หินซะแล้ว”

 

“แล้วมันจะทำไม? มันมีคนใหญ่คนโตเข้าร่วมการสอบครั้งนี้ด้วยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยรอยยิ้ม

 

กระเรียนพันขนบอกหานเซิ่นเกี่ยวกับเรื่องที่ไผ่เดียวดายเข้าร่วมในการสอบครั้งนี้ด้วย หลังจากนั้นเขาก็เล่าเรื่องราวของไผ่เดียวดายให้หานเซิ่นฟัง เขายังคงบอกหานเซิ่นถึงเรื่องที่ตัวเขาเองนั้นพ่ายแพ้ให้กับไผ่เดียวดาย เขาไม่ได้ปกปิดอะไรแม้แต่น้อย

 

แต่ท่าทางในการพูดของกระเรียนพันขนแตกต่างจากท่าทางที่เขาบรรยายถึงศิษย์ของปราสาทนภาคนอื่นๆ กระเรียนพันขนพูดเหมือนกับว่าความแข็งแกร่งของไผ่เดียวดายอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าเป็นตำนาน

 

“บางทีเจ้าอาจจะไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ในตอนที่ข้าต่อสู้กับไผ่เดียวดาย ข้ารู้สึกราวว่าข้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตั้งแต่ไปยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ในระหว่างที่ต่อสู้กัน ข้ารู้สึกราวกับว่าเขากำลังสอนอะไรบางอย่างกับข้า ซึ่งหลังจาการต่อสู้ครั้งนั้น วิชาดาบของข้าก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก และมันก็ทำให้ข้ามาถึงจุดนี้ได้” กระเรียนพันขนพูด

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset