Super God Gene – ตอนที่ 1990

มาดูเชิง

บนเกาะวิถีนภา ผู้คนในระดับที่แตกต่างกันกำลังรอคอยการสอบของพวกเขา มันมีการสอบตั้งแต่บารอนไปจนถึงมาร์ควิส

 

แต่ส่วนที่ยอดนิยมที่สุดของวันนี้เป็นการสอบของระดับเอิร์ล ราชาและขุนนางหลายคนต่างก็มาเพื่อดูการประลอง ทำให้บนอัฒจันทร์นั้นเต็มไปด้วยผู้คน

 

แม้แต่ศิษย์ระดับบารอนและไวเคานต์ก็ยังมาดูการสอบของระดับเอิร์ลเช่นกัน ซึ่งทุกคนมาเพื่อดูไผ่เดียวดาย

 

หานเซิ่นไม่ได้เป็นที่สนใจอะไร นอกจากอวี้จิงและคนที่ทำการเดินพันกับเขาแล้ว มันไม่ได้มีใครคนอื่นที่ตั้งตารอการต่อสู้ระหว่างเขากับไผ่เดียวดาย

 

เมื่อไผ่เดียวดายมาถึง เขาก็ดึงดูดสายตาของทุกคน ผู้คนพูดถึงกันแต่เรื่องของเขาและพยายามจะคาดเดาว่าเขาตัดสินใจเข้าร่วมการสอบครั้งนี้ทำไม ไม่มีใครสามารถคาดเดาเหตุผลที่แท้จริงของเขาได้

 

ผู้คนต่างมองไปที่ไผ่เดียวดาย ซึ่งทำให้ง่ายสำหรับหานเซิ่นที่จะสังเกตเห็นเขาเช่นเดียวกัน เมื่อหานเซิ่นเห็นใบไผ่เดียวดาย เขาก็ดูประหลาดใจ “หมอนั่นคือไผ่เดียวดายหรอเนี่ย?”

 

เขาคือชายหยิ่งยโสที่หานเซิ่นเจอบนชั้นที่ 7 ของสถานหยกขาว

 

เมื่อเห็นตารางการต่อสู้ หานเซิ่นก็พบว่าต้องรอให้จบรอบของไผ่เดียวดายซะก่อนถึงจะเป็นรอบของเขา ดังนั้นเขาจึงนั่งลงที่ด้านข้างเพื่อดูการต่อสู้ของไผ่เดียวดาย

 

ศิษย์ทุกคนในปราสาทนภาต่างก็แข็งแกร่งกันทุกคน ดังนั้นมันไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะมาจากเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่มีชื่อเสียง มันมีตัวแทนที่แข็งแกร่งจากหลายเผ่าพันธุ์อยู่ที่นี่ และพวกเขาทุกคนก็มีวิชาจีโนที่ยอดเยี่ยม

 

หานเซิ่นรู้สึกสนุกสนานที่ได้เห็นยอดฝีมือต่อสู้กัน แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นไผ่เดียวดายเดินเข้ามาในลานประลอง

 

มันไม่ใช่แค่หานเซิ่นเท่านั้นที่หันไปมองไผ่เดียวดาย มุมหนึ่งของลานประลองกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของทั้งอัฒจันทร์

 

หลังจากนั้นศิษย์ระดับเอิร์ลของปราสาทนภาคนหนึ่งก็เดินขึ้นมาบนสนามประลอง เขาเดินตรงเข้าไปมาไผ่เดียวดาย

 

ทุกคนคิดว่าพวกเขานั้นจะได้เห็นไผ่เดียวดายต่อสู้ แต่เอิร์ลคนนั้นเดินเข้าไปขอจับมือกับไผ่เดียวดายพร้อมกับพูด
“ศิษย์พี่ไผ่เดียวดาย ในที่สุดข้าก็ได้พบกับศิษย์พี่สักที ข้าเป็นแฟนคลับของศิษย์พี่มาตั้งแต่ที่ยังเล็ก”

 

การต่อสู้กลับกลายเป็นการพบปะของแฟนคลับและไอดอล หลังจากที่เอิร์ลคนนั้นพูดจบแล้ว เขาก็ขอยอมแพ้และเดินลงจากสนามประลองไป

 

หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังที่เห็นอย่างนั้น แต่คนที่อยู่ข้างๆหานเซิ่นดูจะผิดหวังยิ่งกว่าซะอีก หลายๆคนนั้นรู้สึกโกรธเอิร์ลคนนั้น

 

“เจ้านั่นหน้าด้านเกินไปแล้ว เขารู้ตัวว่าไม่มีทางต่อกรกับไผ่เดียวดายได้ เขาจึงทำอย่างนี้ก็เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องขายหน้า”

 

“มันคงจะไม่เป็นแบบนี้ไปตลอดใช่ไหม? มันจะมีใครกล้าสู้กับเขาหรือเปล่า?”

 

“มันยากที่จะบอกได้ ทุกคนรู้ถึงความแข็งแกร่งของไผ่เดียวดายดี แต่บางทีมันอาจจะมีใครสักคนที่อวดดีและคิดว่าตัวเองท้าชิงกับไผ่เดียวดายได้”

 

“ศิษย์พี่ไผ่เดียวดายนี่ฉลาดจริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้ แต่เขาก็ยังได้รับชัยชนะอีกต่างหาก”

 

หลังจากนั้นก็ถึงรอบของหานเซิ่น หานเซิ่นเดินเข้าไปในลานประลอง แต่เขาไม่ได้เป็นที่สนใจอะไรมากนัก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักหานเซิ่น ซึ่งคนที่รู้ว่าเขาถูกแบกเข้าไปในปราสาทนภาก็ไม่คิดจะเสียเวลามาดูการต่อสู้ของเขา

 

คู่ต่อสู้ของหานเซิ่นนั้นมีชื่อว่าคูลเจด เขาเป็นคนที่มีฝีมือค่อนข้างดีในหมู่เอิร์ล แต่ภายในปราสาทนภานั้นมีคนที่มีฝีมือเท่าๆกับเขาอยู่เต็มไปหมด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร

 

ยวิ๋นซู่อีอดไม่ได้ที่จะมองดูการต่อสู้ของหานเซิ่น ส่วนอวี้จิงไม่กล้าจะปรากฏตัวออกมา เพราะเขากลัวว่าจะบังเอิญไปเจอกับคนที่เขาทำการเดิมพันด้วย

 

ยวิ๋นซู่อีได้ยินผู้ชายหลายคนกำลังพูดคุยกัน

 

“ไหนๆพวกเราก็กำลังเบื่อ ทำไมพวกเราไม่ลองดูสิว่าหานเซิ่นคนนี้จะแข็งแกร่งสักแค่ไหนถึงได้ทำให้อวี้จิงมั่นใจในตัวเขาซะขนาดนั้น”

 

“มันไม่สำคัญว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน ยังไงซะเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับไผ่เดียวดายอยู่ดี”

 

“อย่าเพิ่งพูดอะไรแบบนั้น บางทีเขาอาจจะแพ้ก่อนที่จะได้ไปเจอกับไผ่เดียวดายด้วยซ้ำ!”

 

“เจ้าพูดถูก ฮ่าๆ”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น มันก็ทำให้ยวิ๋นซู่อีขมวดคิ้ว ในจังหวะที่เธอกำลังจะพูดขึ้นมานั้นจู่ๆก็มีคนๆหนึ่งเดินเข้ามาและนั่งลงถัดไปจากเธอ

 

“ศิษย์พี่ไผ่เดียวดาย?” หลังจากที่ยวิ๋นซู่อีเห็นว่าคนๆนั้นเป็นใคร เธอก็ดูแปลกใจอย่างมาก

 

ทุกคนหันมามองไผ่เดียวดายและพวกเขาก็ดูตกใจเช่นเดียวกัน ผู้หญิงหลายคนมองไปที่เขาด้วยสายตาที่หลงใหลอย่างที่สุด

 

“ทำไมไผ่เดียวดายถึงมาอยู่ที่นี่? ใครกันที่เขากำลังจับตาอยู่?”

 

“แต่มันไม่มีใครที่คู่ควรจะทำให้เขาสนใจนิ”

 

“แน่นอนว่ามันไม่มี มันไม่มีเอิร์ลคนไหนในที่นี้ที่คู่ควรให้เขาสนใจ”

 

“หรือบางทีเขาอาจจะมาที่นี่เพื่อดูเพื่อนของเขา?”

 

“นั่นมันก็เป็นไปได้”

 

“หรือมันจะเป็นเพราะยวิ๋นซู่อี?”

 

“นั่นก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน ความงดงามและพรสวรรค์ของยวิ๋นซู่อีหาใครเปรียบไม่ได้ในปราสาทนภาแห่งนี้”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้นยวิ๋นซู่อีก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง เธอมองไปที่ไผ่เดียวดาย และเห็นว่าเขามองลงไปในลานประลองด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์

 

หัวใจของยวิ๋นซู่อีก็สะดุ้งขึ้นมา เธอคิดกับตัวเอง ‘หรือว่าไผ่เดียวดายจะมาที่นี่เพื่อดูหานเซิ่น?’

 

มันมีการต่อสู้หลายคู่อยู่ในลานประลอง และทุกคู่ก็ต่อสู้ในเวลาเดียวกัน มันจึงยากที่จะบอกได้ว่าเขากำลังมองดูใครอยู่

 

แต่หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงสายตาของไผ่เดียวดาย หานเซิ่นหันไปมองและเห็นว่าไผ่เดียวดายจ้องตรงมาที่เขา หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ทำไมเขาถึงได้มองมาที่ฉันกัน?’

 

คูลเจดชักดาบยาวของเขาออกมาและกวัดแกว่งมันใส่หานเซิ่น

 

หานเซิ่นเรียกมนตราออกมาและให้เธอใช้ปืนคู่ยิงใส่คูลเจด

 

เคร๊ง! เคร๊ง! เคร๊ง!

กระสุนถูกยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง คูลเจดกวัดแกว่งดาบยาวของเขาเพื่อปัดป้องกระสุนที่เข้ามา แต่ว่ามันมีกระสุนที่ยิงออกมามากเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถป้องกันได้หมด หลายลูกถูกเข้าที่ร่างกายและชุดเกราะของเขา สุดท้ายเขาก็บินออกจากสนามและขอยอมแพ้

 

“ว้าว! นั่นมันอะไรกัน? นั่นคืออาวุธจีโนของเขาอย่างนั้นหรอ?”

 

“มันดูแข็งแกร่งมากๆ”

 

“อาวุธจีโนแบบนั้นมันน่าดูยิ่งกว่าการต่อสู้ซะอีก”

 

ชัยชนะของหานเซิ่นไม่ได้ดึงความสนใจมากนัก เนื่องจากหลายคนสนใจมนตรามากกว่าตัวของหานเซิ่น

 

หานเซิ่นเรียกมนตรากลับและเดินลงจากสนามไป

 

หลายคนหันไปมองในตำแหน่งที่ไผ่เดียวดายนั่งอยู่และสังเกตเห็นว่าเขาหายตัวไปแล้ว ยวิ๋นซู่อีที่นั่งอยู่ข้างๆเขาก็หายไปเช่นกัน

 

ตอนนี้หลายคนเชื่อว่าพวกเขาคาดเดาถูก และเชื่อว่าไผ่เดียวดายมาเพื่อยวิ๋นซู่อี

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset