Super God Gene – ตอนที่ 1991

กินยา

ภายนอกสถานที่สอบ ยวิ๋นซู่อีกำลังไล่ตามไผ่เดียวดาย เขาเดินออกมาทันทีที่หานเซิ่นเริ่มต่อสู้

 

“ศิษย์พี่ไผ่เดียวดาย ได้โปรดรอก่อน!” ยวิ๋นซู่อีตะโกนขณะที่ไล่ตามจากด้านหลัง

 

ไผ่เดียวดายหยุดเดินและหันกลับมามองยวิ๋นซู่อี “ศิษย์น้องซู่อี เจ้าต้องการอะไรอย่างนั้นหรอ?”

 

“ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่ไผ่เดียวดายกำลังมองดูใครอยู่อย่างนั้นหรอ?”
ยวิ๋นซู่อีรู้จักกับไผ่เดียวดาย ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องพูดอ้อมค้อม

 

“ทำไมเจ้าถึงได้สนใจเรื่องอะไรแบบนั้น?” ไผ่เดียวดายขมวดคิ้ว

 

ยวิ๋นซู่อีรีบพูด “หานเซิ่นเป็นเพื่อนของข้า ศิษย์พี่กำลังจับตามองการต่อสู้ของเขาอย่างนั้นหรอ?”

 

ไผ่เดียวดายพยักหน้า เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องปิดบังความจริง
“เป็นเพราะเขา ข้าถึงได้เข้าร่วมการสอบในครั้งนี้ ข้าไม่ได้ต้องการอันดับที่หนึ่ง ข้าแค่ต้องการจะต่อสู้กับเขา”

 

ยวิ๋นซู่อีคาดเดาเอาไว้แล้วว่าไผ่เดียวดายมาที่นี่เพื่อหานเซิ่น แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนั้น

 

“ทำไมกัน?” ยวิ๋นซู่อีดูสับสน

 

หานเซิ่นแข็งแกร่งก็จริง แต่ไผ่เดียวดายแข็งแกร่งยิ่งกว่าซะอีก หลังจากที่ได้เห็นพลังของหานเซิ่น เธอก็ยังคงเชื่อว่าไผ่เดียวดายเหนือกว่า ความคิดนี้อยู่ในหัวของทุกคนในปราสาทนภา ไม่ว่าหานเซิ่นจะทำผลงานได้ดีแค่ไหน มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดนี้ของทุกคนได้

 

“มันเป็นเพราะเขากระตุ้นสิ่งก่อสร้างทั้ง 12 หลังและ 5 เมืองของสถานหยกขาว” ไผ่เดียวดายพูด ก่อนที่จะหันหลังและเดินออกไป

 

“อะไรนะ?” ยวิ๋นซู่อีตกตะลึง ในประวัติศาสตร์ของปราสาทนภา มันมีไม่ถึง 100 คนที่มองเห็นสิ่งก่อสร้างทั้ง 12 หลังและ 5 เมือง ซึ่งในเอิร์ลทั้งหมดที่เข้าร่วมการสอบ มีเพียงแค่ไผ่เดียวดายคนเดียวเท่านั้นที่เห็นสิ่งก่อสร้างและเมืองทั้งหมด

 

แม้แต่กระเรียนพันขนและยวิ๋นซู่ซางก็เห็นเพียงแค่สิ่งก่อสร้างทั้ง 12 หลังเท่านั้น พวกเขาไม่เห็นเมืองทั้ง 5 แม้แต่เมืองเดียว

 

หลังจากที่หานเซิ่นเอาชนะคูลเจดได้ เขาไม่ได้เดินทางกลับในทันที เขายังอยู่ต่อเพื่อดูการต่อสู้ของคนอื่นๆ

 

มันมีความแตกต่างระหว่างวิชาจีโนของจักรวาลจีโนกับวิชาจีโนของก็อตแซงชัวรี่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนกับว่ามันจะมีเส้นด้ายที่เชื่อมต่อพวกมันเข้าด้วยกัน วิชาจีโนของแต่ละคนต่างก็เป็นวิชาจีโนระดับสูง หลังจากที่ได้ดูการต่อสู้ หานเซิ่นก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย

 

หานเซิ่นออกจากที่นั่นในตอนที่การสอบของวันนั้นสิ้นสุดลง

 

ในหลายวันต่อมาหานเซิ่นไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอะไร มนตราสามารถเอาชนะทุกคนได้อย่างสบายๆ ในเวลาไม่นานหานเซิ่นก็เอาชนะศิษย์ระดับเอิร์ล 5 คนติดต่อกัน

 

มันน่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของหานเซิ่นไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงอะไร ด้วยเหตุนั้นชัยชนะอย่างต่อเนื่องของเขาจึงไม่ได้เป็นที่สนใจอะไรมากนัก แต่ผู้คนที่ได้เห็นการต่อสู้ของเขาต่างก็รู้สึกสนใจว่ามนตราเป็นอาวุธจีโนแบบไหนกันแน่

 

นอกจากการต่อสู้ในรอบแรกแล้ว ไผ่เดียวดายก็ไม่ได้มาดูหานเซิ่นในรอบอื่นๆอีก บางทีมันอาจจะเป็นเพราะว่าคู่ต่อสู้ของหานเซิ่นอ่อนแอเกินไป แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาก็ไม่ได้กลับมาดูการต่อสู้ของหานเซิ่นอีก

 

ส่วนการต่อสู้ของไผ่เดียวดายถูกเปลี่ยนกลายเป็นงานพบปะกับแฟนๆไป

 

ไม่มีใครในปราสาทนภาที่มีความกล้าพอจะต่อสู้กับไผ่เดียวดาย มันมีเพียงแค่คนเดียวที่มีความกล้าพอจะต่อสู้กับเขา แต่เมื่อไผ่เดียวดายชักดาบออกมา เขาก็ก้าวเพียงแค่หนึ่งก้าวเท่านั้น ก่อนที่เอิร์ลคนนั้นจะขอยอมแพ้

 

หานเซิ่นได้ดูการแข่งขันในรอบนั้น และเขาก็ต้องรู้สึกตกใจ ไผ่เดียวดายแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้

 

‘มิน่าล่ะ เขาถึงรอดมาจากฝันร้ายได้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

ถ้าหานเซิ่นต้องการได้อันดับที่หนึ่งเพื่อขอรับวิชาใต้นภา เขาก็จำเป็นต้องเอาชนะไผ่เดียวดายให้ได้ มันไม่มีหนทางอื่น

 

วันต่อมาจะเป็นวันที่หานเซิ่นจะต่อสู้กับไผ่เดียวดาย เมื่อกลับไปที่เกาะในคืนนั้น หานเซิ่นก็เริ่มทำการฝึกวิชากายหยกในทันที เขาไม่ได้กังวลอะไรกับการต่อสู้ในวันรุ่งขึ้น

 

เพราะไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ตราบใดที่พยายามอย่างเต็มที่นั่นก็เพียงพอแล้ว การกังวลกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเป็นอะไรที่เสียเวลา

 

“ศิษย์น้องหาน เจ้าอยู่ข้างในไหม?” อวี้จิงมาที่เกาะของหานเซิ่น

 

“มีเรื่องอะไร?” หานเซิ่นเดินออกมาจากประตูและเห็นอวี้จิงขี่นกกระเรียนหยกรัตติกาลบินวนอยู่บนท้องฟ้า

 

เมื่อเห็นหานเซิ่นเดินออกมา อวี้จิงก็ลงมาพร้อมกับนกของเขา เขาเดินมาตรงหน้าหานเซิ่นด้วยท่าทางกังวลและพูด
“ศิษย์น้องหาน เจ้าจะเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ยังไง?”

 

“มันมีอะไรให้ข้าต้องเตรียมตัว?” หานเซิ่นมองเขาอย่างสับสน

 

อวี้จิงดูท้อแท้เมื่อได้ยินอย่างนั้น เขายิ้มแห้งๆออกมาและพูด
“เจ้ากำลังจะต่อสู้กับไผ่เดียวดาย เจ้าก็น่าจะรู้ว่าเขาแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ดังนั้นเจ้าควรจะเตรียมตัวให้ดี”

 

“อย่างเช่นอะไร?” หานเซิ่นถาม

 

“อย่างเช่นการกินยาที่ช่วยเสริมพลังแบบชั่วคราว ในการสอบนั้นเขาอนุญาตให้ทุกคนใช้ยาได้ ถ้าเจ้าไม่มีล่ะก็ ข้ามียาประสิทธิภาพดีมากๆอยู่”
อวี้จิงนำขวดยาออกมาหลายขวดและพูดต่อ “ข้าจะขายพวกมันให้กับเจ้าในราคาถูก”

 

“ข้าไม่มีเงิน” หานเซิ่นแบมือออก

 

“เจ้าติดข้าเอาไว้ก่อนได้” อวี้จิงรีบพูด

 

“ข้าไม่ต้องการจะเป็นหนี้” หานเซิ่นพูด

 

อวี้จิงรู้สึกโกรธขึ้นมา “นี่เจ้าต้องการจะชนะหรือเปล่าเนี่ย?”

 

“นั่นมันก็ใช่” หานเซิ่นพยักหน้า

 

อวี้จิงกัดฟันและนำขวดๆหนึ่งออกมา “ยาขวดนี้เป็นของผู้อาวุโส หลังจากที่เจ้าใช้มัน มันจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมาร์ควิสในเวลาสั้นๆ ผลของมันนานแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่เพื่อเอาชนะไผ่เดียวดาย ข้าจะให้เจ้ายืนพวกมันทั้งหมด”

 

“ยืม? ยังไง? ถ้าข้ากินมันเข้าไป มันก็จะหายไปหนิ” หานเซิ่นถาม

 

“ใช้มันก่อนการต่อสู้ เพียงแค่เจ้าชนะ เจ้าก็ชดเชยให้กับข้าแล้ว” อวี้จิงพูด

 

“และถ้าข้าแพ้?” หานเซิ่นยิ้มให้กับอวี้จิง

 

“แบบนั้นก็ไม่เป็นไร เจ้าจะจ่ายคืนให้ข้าอย่างช้าๆ” อวี้จิงพูด

 

“ข้าต้องการพวกมัน แต่ไม่ดีกว่า เพราะถ้าข้าเกิดแพ้ขึ้นมา ข้าคงจะจ่ายคืนให้กับเจ้าไม่ได้” หานเซิ่นยิ้ม

 

“นี่เจ้า” อวี้จิงโกรธ เขาไม่เคยทำให้ตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแบบนี้มาก่อน เขาได้รับยาพวกนี้มาจากผู้อาวุโส และเขาก็ปฏิบัติกับพวกมันเหมือนกับสมบัติล้ำค่า เขาเก็บพวกมันเอาไว้เป็นอย่างดี และไม่ว่าคนอื่นจะจ่ายสักแค่ไหน เขาก็ไม่คิดจะขายพวกมัน

 

ตอนนี้เขาคิดที่จะมอบพวกมันให้กับหานเซิ่น แต่หานเซิ่นกลับปฏิเสธ มันทำให้เขาโกรธอย่างมาก

 

ถ้าหานเซิ่นเกิดพ่ายแพ้ในวันพรุ่งนี้ เขาก็จะหมดเนื้อหมดตัว เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น อวี้จิงก็ระงับความโกรธของตัวเองและพูด
“ก็ได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายคืนให้กับข้า ถือซะว่านี่เป็นของขวัญ ใช้พลังทั้งหมดของเจ้าในการต่อสู้และพยายามเอาชนะในวันพรุ่งนี้ให้ได้”

 

อวี้จิงรู้ว่าถึงหานเซิ่นจะใช้ยา มันก็มีโอกาสชนะไม่มากนัก แต่ถึงโอกาสจะน้อยมันก็ดีกว่าไม่มีโอกาสเลย

 

“ถ้าเจ้าอยากจะช่วยจริงๆล่ะก็ หายีนซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ลมาให้ข้า ข้ายินดีจ่ายคืนให้กับเจ้าสำหรับพวกมัน” หานเซิ่นพูดหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง

 

“เอางั้นก็ได้ เจ้าต้องการธาตุอะไรและจำนวนเท่าไหร่?” อวี้จิงรีบพูด ถ้าพวกมันเพิ่มโอกาสชนะได้ เขาก็ยินดีจะทำมัน เพราะยังไงซะเขาก็กำลังจะหมดเนื้อหมดตัวอยู่แล้ว ดังนั้นเขายินดีจะเสี่ยงกับหานเซิ่น

 

“มันไม่สำคัญว่าจะเป็นธาตุอะไร ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี พวกมันแค่จำเป็นต้องเป็นระดับเอิร์ลเท่านั้น” หานเซิ่นยิ้ม

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset