Super God Gene – ตอนที่ 1993

ดวลมีด

“เจ้าต้องการมีดสักเล่มไหม?” หานเซิ่นพูด

 

ไผ่เดียวดายพยักหน้าและพูด “ใช่ ขอข้าเล่มหนึ่ง”

 

หลังจากนั้นไผ่เดียวดายก็โค้งคำนับไปในทิศทางของปราสาทและพูด
“ถึงทุกคนในที่นี่ ข้าขอถามว่ามีใครยินดีให้ข้ายืมมีดไหม”

 

หลังจากนั้นแสงสีเขียวจากปราสาทนภาก็เดินทางมาหาเขาราวกับสายรุ้ง มันลงมาตรงหน้าไผ่เดียวดายและเผยให้เห็นมีดยาวสีเขียวที่ประดับไปด้วยลวดลาย

 

เมื่อมีดเล่มนั้นลอยตัวอยู่ในอากาศตรงหน้าไผ่เดียวดาย มีดเล่มอื่นที่อยู่บนเข็มขัดของผู้ชมก็เริ่มสั่นไหวเพื่อตอบสนองต่อมีดเล่มนั้น

 

“ขอบคุณ” ไผ่เดียวดายโค้งคำนับอีกครั้ง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปคว้ามีดมา ซึ่งเมื่อเขาทำอย่างนั้น มีดก็ส่งเสียงออกมา

 

ในจังหวะที่ไผ่เดียวดายคว้ามีดเล่นนั้นมา มันก็เหมือนกับว่ามีดเล่มนั้นรวมเข้ากับตัวของเขาจนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

 

“มีดเล่มนี้มีชื่อว่าหัวใจฤดูใบไม้ผลิ มันเป็นอาวุธระดับราชัน”
ไผ่เดียวดายสัมผัสใบมีดและพูดกับหานเซิ่นด้วยโทนเสียงที่จริงจัง

 

“เขี้ยวผีสิง มันเป็นอาวุธระดับราชันเช่นกัน” หานเซิ่นพูด

 

“ศิษย์พี่ไผ่เดียวดายขอยืมอาวุธจากคลังแสงเพื่อต่อสู้กับหานเซิ่น หานเซิ่นคนนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนอย่างที่ตาเห็น”

 

“ยังไงซะเขาก็เป็นลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีด แถมเขาก็มีอาวุธระดับราชันเช่นกัน แน่นอนว่าไผ่เดียวดายเองก็จำเป็นต้องใช้อาวุธระดับราชันเพื่อต่อสู้ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ”

 

“มันยากที่จะได้เห็นไผ่เดียวดายเอาจริงแบบนี้”

 

อวี้จิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา การที่ไผ่เดียวดายขอยืมอาวุธระดับราชัน หมายความว่าเขาเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควร ซึ่งนั่นทำให้อวี้จิงรู้สึกมีความหวังขึ้นมา

 

หลังจากที่พวกเขาทั้ง 2 พูดกันเสร็จแล้ว พวกเขาทั้งคู่ก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว พวกเขามองแค่หน้ากัน ขณะที่ชั้นบรรยากาศระหว่างพวกเขาเปลี่ยนแปลงอย่างอธิบายไม่ได้

 

หานเซิ่นไม่ได้ทำอะไร แต่ตัวตนของเขาดูน่ากลัวขึ้นมา เขาเป็นเหมือนกับอสูรบนยอดเขาที่คำรามออกมา ขณะที่ไผ่เดียวดายเป็นเหมือนอาวุธแหลมคมที่ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

ขณะที่ตัวตนของพวกเขาดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ตัวตนของพวกเขาก็สัมผัสกันจนเกิดการระเบิดขึ้นมา พลังของพวกเขาทั้ง 2 กำลังต่อสู้กันในอากาศ

 

“จิตแห่งมีดของพวกเขาแทบจะมีรูปธรรมขึ้นมา” บางคนพูดออกมาด้วยความตกใจ

 

“จิตแห่งมีดของพวกเขาแข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับราชัน พวกเขาทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?”

 

“สำหรับไผ่เดียวดาย มันก็สมเหตุสมผลอยู่ เพราะเขาประสบอะไรมามากมาย เขากลายเป็นปรมาจารย์แห่งมีดในความฝันของเขา มันพอที่จะเข้าใจได้ แต่ทำไมหานเซิ่นถึงได้มีจิตแห่งมีดที่แข็งแกร่งขนาดนี้? นี่เขามีประสบการณ์เทียบเท่ากับปรมาจารย์แห่งมีดเลยอย่างนั้นหรอ?”

 

ยวิ๋นซู่อีถามยวิ๋นซู่ซาง “พี่ ระหว่างหานเซิ่นกับไผ่เดียวดาย จิตแห่งมีดของใครแข็งแกร่งกว่ากันอย่างนั้นหรอ?”

 

ยวิ๋นซู่ซางยิ้มแห้งๆออกมา “จิตแห่งมีดของพวกเขาเทียบเท่ากับระดับราชันเหมือนกัน พี่บอกไม่ได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่าใคร”

 

เฟิร์สเดย์พูดขึ้นมา “ไผ่เดียวดายมีประสบการณ์มากมาย จิตใจของเขาจึงเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตระดับราชันหรือแม้แต่เทพเจ้า แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าหานเซิ่นจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งแบบนั้นเช่นเดียวกัน ข้าไม่รู้เลยว่าเขาทำแบบนั้นได้ยังไง”

 

เมื่อจิตแห่งมีดของพวกเขาถึงจุดสูงสุด มีดของพวกเขาก็ถูกฟันออกมาพร้อมๆกัน ไม่มีใครก้าวถอยหลังและพวกเขาทั้งคู่ก็ทุ่มพลังทั้งหมดในการก้าวออกไปข้างหน้า นี่เป็นการต่อสู้ที่ตัดสินกันที่ความแข็งแกร่ง

 

เคร๊ง!

เสียงปะทะกันของมีดดังขึ้น พร้อมกับแสงที่แว๊ปขึ้นมาระหว่างพวกเขา มีดลมที่แตกกระจายออกนั้นทำลายทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆพวกเขา แต่ไม่มีใครที่ถอยออกไป

 

ในจังหวะนี้ผู้แพ้จะถูกตัดสินเมื่อใครคนหนึ่งก้าวถอยออกไป

 

มีดแสงสีม่วงและเขียวปะทะกันอยู่ตรงกลางระหว่างหานเซิ่นกับไผ่เดียวดาย พวกเขาฟันใส่กันอย่างไม่หยุด ทำให้เสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อการปะทะกันถึงขีดสุด พลังที่รุนแรงก็ระเบิดออกมา มันทำให้พวกเขาทั้ง 2 กระเด็นออกไปหลายสิบเมตร

 

ตูม!

วินาทีต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างพวกเขาก็กลายเป็นผุยผง มันมีหลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นที่กลางสนามประลอง

 

ดวงตาของไผ่เดียวดายดูเหมือนกับว่ากำลังลุกเป็นไฟ เขาใช้มือซ้ายจับด้านล่างของด้ามมีด และเขาก็ยกมีดขึ้นด้วยมือทั้ง 2 ข้าง หลังจากนั้นเขาก็ฟันใส่หานเซิ่นราวกับผู้สำเร็จโทษ

 

ทันใดนั้นมีดแสงสีเขียวก็สร้างเส้นที่แบ่งระหว่างสวรรค์และนรก มันพุ่งเข้าไปหาหานเซิ่น ดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะตัดโลกนี้ออกเป็น 2 ส่วน ดำและขาว ท้องฟ้าและผืนดิน หยินและหยาง พวกมันไม่สมควรจะผสานกัน

 

หานเซิ่นใช้มีดเขี้ยวผีสิงวาดเป็นรูปวงกลม และเมื่อมีดแสงของไผ่เดียวดายชนกับวงกลม มันก็เด้งกลับไปหาไผ่เดียวดาย

 

“ไม่เลว!” ไผ่เดียวดายพุ่งออกไปข้างหน้าพร้อมกับมีดหัวใจฤดูใบไม้ผลิในมือ เขาฟันใส่มีดแสงที่สะท้อนกลับมาให้กลับไปอีกครั้ง มันตัดผ่านวงกลมที่หานเซิ่นวาดและพุ่งเข้าไปหาหานเซิ่น

 

หานเซิ่นเองก็ไม่คิดจะถอย เขายกมีดเขี้ยวผีสิงขึ้นเหนือหัวและฟันออกไปทางไผ่เดียวดาย มีดแสงของหานเซิ่นพุ่งออกไปปะทะกับมีดแสงของไผ่เดียวดาย

 

พวกมันปะทะกันในอากาศเหมือนกับน้ำที่ถูกสาดใส่กัน พวกมันรวมเข้าด้วยกันและสลายไป

 

“เมื่อเห็นวิชามีดของพวกเขาแล้ว ข้าก็รู้ตัวว่าวิชามีดของข้ามันขยะชัดๆ” มาร์ควิสที่ฝึกฝนการใช้มีดพูดขึ้นมา

 

“พวกเขาจะน่ากลัวเกินไปแล้ว ข้าเลือกที่จะต่อสู้กับมาร์ควิสดีกว่าที่จะต้องต่อสู้กับคนอย่างพวกเขา” เอิร์ลคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าที่ดูซีดเซียว

 

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ราชินีแห่งมีดรับคนนอกมาเป็นลูกศิษย์ เมื่อดูจากการที่เขาต่อสู้กับไผ่เดียวดายได้แบบนั้น หานเซิ่นก็ต้องเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกัน”

 

การต่อสู้นั้นยากลำบากกว่าที่หานเซิ่นคาดคิดเอาไว้ เขาใช้วิชามีดเขี้ยวดาบและจิตแห่งมีดจนถึงขีดสุดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถไล่ต้อนไผ่เดียวดายได้ เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตรึงเครียด ความผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียวก็สามารถทำให้เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

 

ผู้ชมที่ดูการต่อสู้อยู่ต่างก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็น ทุกการโจมตีของพวกเขาทั้งคู่เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ ผ่านไปไม่นานหานเซิ่นและไผ่เดียวดายก็แลกเปลี่ยนท่วงท่ากันไปมากกว่าร้อยท่าแล้ว ผู้ชมหวังว่าพวกเขาจะสามารถย้อนเวลาได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นทุกรายละเอียด

 

ในที่สุดยอดฝีมือทั่วปราสาทนภาก็มาที่สนามประลอง เหล่าราชันต่างมารวมตัวกันเพื่อดูการต่อสู้ของทั้งคู่

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset