Super God Gene – ตอนที่ 2012

กายหยกพัฒนา

พวกเฟเธอร์ต้องการจะใช้หานเซิ่นเพื่อเพิ่มชื่อเสียงของพวกเขา แต่หานเซิ่นเมินเฉยต่อพวกเขาและเลือกที่จะฝึกวิชาจีโนอยู่ที่เกาะแทน

 

เนื่องจากพรสวรรค์ของหานเซิ่นค่อนข้างดี เขาจึงฝึกฝนวิชาใต้นภาได้อย่างราบรื่น แต่ในตอนที่ฝึกร่วมกับยวิ๋นซู่อี เขาก็พยายามระงับมันเอาไว้

 

ที่เขายังคงฝึกฝนร่วมกับเธอ นั่นก็เพราะเธอสามารถเป็นพยานให้กับเขาได้ ถ้าเกิดมีใครสงสัยถึงความสามารถในการเรียนรู้และการแก้ไขวิชาใต้นภา เธอก็สามารถพูดสนับสนุนเขาได้

 

ตอนนี้หลังจากที่อยู่ในปราสาทนภาเป็นเวลา 3 เดือน ในที่สุดวิชากายหยกของหานเซิ่นก็เพิ่มระดับขึ้น พลังประหลาดไหลเวียนภายในกระดูกและเนื้อหนังของเขา การเพิ่มระดับขึ้นสู่ระดับเอิร์ลหมายถึงการสร้างจิตวิญญาณขึ้นมา

 

พลังของกายหยกเป็นธาตุแสง ขณะที่พลังของมันเพิ่มขึ้น แสงหยกก็ทอดเงามาที่ตัวของเขาตลอดเวลา มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ

 

แต่ที่แปลกที่สุดก็คือแสงที่สวยงาม มันดูเหมือนกับแฟรี่ที่เยือกเย็น และผิวของเธอก็ส่องสว่างราวกับหยก วิชากายหยกของหานเซิ่นพัฒนาไปเป็นระดับเอิร์ลได้สำเร็จ และมันทำให้หานเซิ่นแข็งแกร่งขึ้นมาก

 

คนอื่นๆที่พัฒนาสู่ระดับเอิร์ลจะได้รับพละกำลังเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ทว่าหานเซิ่นวิวัฒนาการเป็นระดับเอิร์ลถึง 3 ครั้ง นั่นหมายความว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าคนอื่นถึง 3 เท่า ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้เทียบเท่ากับมาร์ควิสคนหนึ่ง

 

หลังจากที่กายหยกวิวัฒนาการไปยังระดับเอิร์ลได้สำเร็จ หานเซิ่นก็เริ่มทุ่มทุกอย่างไปกับการฝึกวิชาโลหิตชีพจร

 

เขาเคยใช้ลมปราณหยกเพื่อฝึกโลหิตชีพจร แต่ผลของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก มันไม่ได้เข้ากับลมปราณหยกได้เป็นอย่างดีเหมือนกับวิชากายหยก

 

เมื่อยวิ๋นซู่อีพัฒนาเป็นระดับเอิร์ล เธอก็เริ่มฝึกฟีโนมีนอน มันเป็นวิชาที่ต่ำกว่าตำราไร้อักษรเพียงแค่ระดับเดียว มันเป็นวิชาที่ทรงพลัง อีกอย่างยวิ๋นซู่อีก็ตัดสินใจเลิกใช้ดาบและหันมาฝึกฝนการใช้มีดแทน ด้วยวิชาใต้นภาที่เธอฝึก การใช้ดาบไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมกับเธออีกต่อไป

 

“ดูเหมือนว่าเราควรจะหามีดดีๆสักเล่ม” ตัวของยวิ๋นซู่อีเองยังไม่แน่ใจเต็มที่ว่าเธอควรจะทอดทิ้งดาบดีหรือเปล่า เพราะเธอไม่เคยเป็นเจ้าของมีดสักเล่มมาก่อน

 

ถ้าเธอตัดสินใจจะเอาดีทางด้านการใช้มีด เธอก็ต้องหามีดสักเล่มที่เหมาะสมกับตัวเธอ

 

“ซู่อี ทำไมจู่ๆเจ้าถึงได้หันมาใช้มีด?” ยวิ๋นซู่ซางถามขณะที่ติดตามเธอไปที่คลังแสง

 

“ข้าเรียนรู้วิชามีดใหม่มา ดังนั้นข้าคิดว่าควรจะลองหันมาใช้มีดดู” ยวิ๋นซู่อีพูดขณะที่มองดูมีดในคลังแสง

 

“เจ้าจะลองฝึกวิชามีดก็ได้ แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่เจ้าทำไม่ได้?” ยวิ๋นซู่ซางดูจริงจัง

 

“นี่พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” ยวิ๋นซู่อีดูตื่นตระหนกเล็กน้อย

 

ยวิ๋นซู่ซางถอนหายใจและพูด “เจ้าก็รู้ว่าพี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร เจ้ารู้ว่าหานเซิ่นไม่ใช่ตัวเลือก ดังนั้นทำไมเจ้าถึงยังไปใกล้ชิดกับเขาอีก?”

 

“นี่พี่กำลังคิดอะไร? เขามีภรรยาและลูกแล้ว! ข้าจะไปทำอะไรได้? ข้าก็แค่ฝึกวิชามีดร่วมกับเขาเท่านั้น” ยวิ๋นซู่อีอธิบาย

 

“ถ้าแค่นั้นก็ไม่เป็นไร” ยวิ๋นซู่ซางไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องของยวิ๋นซู่อีไปมากกว่านี้

 

ยวิ๋นซู่ซางยิ้มและพูดต่อ “ถ้าเจ้าฝึกฝนวิชามีด เจ้าคงจะต้องการเข้าร่วมงานประลองมีดบนเกาะเมฆาสินะ”

 

“งานประลองมีดอะไร? พวกเรามีงานแบบนั้นด้วยอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นซู่อีถามด้วยความประหลาดใจ

 

ยวิ๋นซู่ซางพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว พวกเฟเธอร์เป็นคนจัดมันขึ้นมา พวกเขาต้องการใช้หานเซิ่นในการเพิ่มชื่อเสียงของตัวเอง แต่หานเซิ่นยังคงไม่สนใจอะไรพวกเขา”

 

“พวกเขาประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว พวกเขาคิดจริงๆหรือว่าจะต่อสู้กับหานเซิ่นได้” ยวิ๋นซู่อีพูดเย้ยหยัน

 

เมื่อยวิ๋นซู่ซางเห็นความมั่นใจในตัวหานเซิ่นของยวิ๋นซู่อี เธอก็รู้สึกกังวลขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมัน

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ ยวิ๋นซู่ซางก็พูด “คนที่ต้องการจะท้าสู้กับหานเซิ่นมีชื่อว่าแองเกีย เขาไม่ใช่คนโง่ เจ้าไม่ควรประมาทเขา”

 

“เฟเธอร์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำไป และพวกเขาก็ถูกลดระดับลงขั้นหนึ่งด้วยเหตุนั้น แองเกียนั้นเดิมเป็นเอิร์ล แต่ถูกลดระดับลงหนึ่งขั้นเลยกลายเป็นไวเคานต์ นั่นทำให้แองเกียโกรธอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงลงไปในสระแห่งการเกิดใหม่ ร่างกายของเขากลับกลายเป็นศูนย์และตอนนี้เขาก็วิวัฒนาการกลับมาเป็นเอิร์ลได้อีกครั้ง ด้วยเหตุนี้แองเกียจึงแข็งแกร่งกว่าเอิร์ลทั่วๆไป นอกจากนั้นเขายังฝึกวิชาที่ยากที่สุดของเฟเธอร์ เฮฟเว่นเฟเธอร์ มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเรียนรู้มันได้ ถึงมันไม่ได้ทรงพลังจนเกินไป แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นคนที่แข็งแกร่ง”

 

“แองเกียคนนี้ฟังดูจะแข็งแกร่ง สระแห่งการเกิดใหม่เป็นอะไรที่อันตราย เขาถือว่าโชคดีมากๆ” ยวิ๋นซู่อีพูด

 

ยวิ๋นซู่ซางพยักหน้าและพูด “เขาลบล้างวิชาทั้งหมดในสระแห่งการเกิดใหม่ แต่พรสวรรค์ของเขายังคงอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะเรียนรู้เฮฟเว่นเฟเธอร์ไม่ได้ เขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ และเขาก็เป็นคนที่ทะเยอทะยาน เขาเป็นบุคคลที่น่ากลัวคนหนึ่ง”

 

“ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอ่อนแอกว่าหานเซิ่นอยู่ดี” ยวิ๋นซู่อีพูดด้วยรอยยิ้ม

 

ยวิ๋นซู่ซางไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่มองน้องสาวด้วยบางสิ่งที่ดูคล้ายกับรอยยิ้ม

 

ยวิ๋นซู่อีหน้าแดงและพูดต่อ “นี่ข้าพูดไม่ถูกอย่างนั้นหรอ? หานเซิ่นต่อสู้กับไผ่เดียวดายได้ แองเกียคนนั้นก็ไม่เท่าไหร่ ข้าไม่คิดว่าเขาจะเอาชนะข้าได้ด้วยซ้ำ”

 

“ดังนั้นเจ้าจะเข้าร่วมงานประลองมีดในวันพรุ่งนี้สินะ?” ยวิ๋นซู่ซางยิ้ม

 

“แน่นอน! ทำไมข้าถึงจะไม่เข้าร่วม?” ยวิ๋นซู่อีพูด

 

ในคลังแสงมีอาวุธอยู่หลายชนิด แต่ส่วนใหญ่มันเต็มไปด้วยดาบ ยวิ๋นซู่อีเลือกมีดน้ำแข็งระดับมาร์ควิสมา มันยังมีมีดระดับดยุกบางเล่มให้เลือก แต่ถึงจะเป็นระดับที่สูงกว่า มันก็ไม่ได้ดีไปกว่ามีดน้ำแข็งเล่มนี้

 

หลังจากที่เดินทางกลับ เธอก็ใช้มีดน้ำแข็งฝึกฝนวิชาใต้นภา ซึ่งมันได้ผลดีกว่าตอนที่เธอฝึกโดยใช้มีดหยกสำหรับฝึกซ้อมธรรมดาๆ

 

“การจะฝึกวิชามีด มันจำเป็นต้องใช้มีดที่ดีจริงๆด้วย” ยวิ๋นซู่อีสัมผัสใบมีดของมีดน้ำแข็งด้วยท่าทางร่าเริง

 

วันต่อมา ยวิ๋นซู่ซางพายวิ๋นซู่อีไปเข้าร่วมการประลองมีดบนเกาะเมฆา ระหว่างทางยวิ๋นซู่ซางก็นึกเรื่องที่เธออยากจะถามขึ้นมาได้

“เกือบลืมไปเลย นี่พวกเจ้าฝึกวิชามีดแบบไหนอยู่อย่างนั้นหรอ?”

 

“พวกเราฝึกวิชามีดใต้นภาของตระกูลยวิ๋น หานเซิ่นเลือกวิชาใต้นภาเป็นรางวัลที่ได้รับอันดับที่หนึ่ง ดังนั้นข้าจึงเรียนรู้มันจากเขา” ยวิ๋นซู่อีพูด

 

ยวิ๋นซู่ซางไม่ได้พูดอะไร แต่เธอคิดกับตัวเอง ‘เขาจะทำอะไรกับวิชาใต้นภาได้? วิชานั้นมันไร้ประโยชน์และมีข้อบกพร่องอยู่’

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset