Super God Gene – ตอนที่ 2013

มีดขนนกโลหิต

เหล่าเฟเธอร์ที่อาศัยอยู่บนเกาะเมฆานั้นกำลังยุ่งกับการจัดเตรียมงานประลองมีด

 

“แองเกีย เจ้าคิดว่าหานเซิ่นจะมาไหม?” เฟเธอร์สาวที่ชื่ออันหลิงซินถามขึ้นมา

 

ก่อนที่แองเกียจะตอบ เฟเธอร์ที่ชื่อแอนดรูว์ก็พูดขึ้นมา

“ข้าคิดว่าเขาเกรงกลัวแองเกีย นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ยอมปรากฏตัวออกมา ข้าเดิมพันว่าเขาจะไม่มา ในตอนที่ได้ยินถึงสิ่งที่เขาทำ ข้าก็คิดว่าเขาจะแข็งแกร่งซะอีก ข้าไม่ได้คิดว่าเขาจะเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาวขนาดนี้ และผู้คนยังจะเรียกเขาว่าเป็นปรมาจารย์แห่งมีดและดาบอีกอย่างนั้นหรอ!”

 

แองเกียจ้องไปที่แอนดรูว์และพูด “หุบปาก! เมื่อไหร่กันที่เจ้าจะเลิกทำตัวโง่เง่าและระวังคำพูดของตัวเอง ปรมาจารย์แห่งมีดและดาบนั้นรวมถึงไผ่เดียวดายด้วย มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าศิษย์ชาวนภามาได้ยินสิ่งที่เจ้าเพิ่งจะพูด?”

 

“โทษที” แอนดรูว์ขอโทษ

 

แองเกียส่ายหัว แอนดรูว์เป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นการจะเปลี่ยนเขาจึงเป็นเรื่องยาก

 

หลังจากความเงียบชั่วครู่ แองเกียก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ถึงหานเซิ่นจะไม่มาก็ไม่เป็นไร ผู้คนจะคิดว่าเขาหวาดกลัวพวกเรา ซึ่งมันยังคงเป็นผลดีต่อพวกเรา”

 

แต่อันหลิงซินรู้สึกกังวล “ตั้งแต่ที่พวกเรามาที่นี่ พวกเราได้ยินแต่เรื่องราวของหานเซิ่น ผู้คนที่นี่ต่างก็นับถือเขาและบอกว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่ง”

 

“แล้วยังไง? เขาไม่มีทางเอาชนะแองเกียได้” แอนดรูว์มั่นใจในความสามารถของแองเกียอย่างมาก

 

แองเกียพูด “อย่าได้กังวล ข้ามีประสบการณ์ของการเกิดใหม่ และข้าก็ฝึกเฮฟเว่นเฟเธอร์กับมีดพิพากษา ข้าไม่ได้อ่อนแอ และถึงแม้ข้าจะเกิดแพ้ขึ้นมา ด้วยชื่อเสียงของหานเซิ่นก็ยังนับว่าเป็นชัยชนะอยู่ดี เพียงแค่ข้าสู้กับเขา เช่นเดียวกับที่เขาต่อสู้กับไผ่เดียวดาย ถ้าเขาไม่ได้ต่อสู้กับไผ่เดียวดาย เขาก็จะไม่ได้รับชื่อเสียงอย่างที่มีอยู่ในขณะนี้ พวกเราจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ ถ้าเขามาต่อสู้กับข้า มันจะถือเป็นเป็นชัยชนะของเรา ไม่ว่าผลจะออกมายังไง”

 

หลังจากนั้นแองเกียก็ยิ้มออกมา “ไปเตรียมทุกอย่างให้พร้อม แขกจะมาถึงในเร็วๆนี้ ไม่ว่าหานเซิ่นจะปรากฏตัวหรือไม่ พวกเราก็จำเป็นต้องทำให้งานในครั้งนี้ดูดีที่สุด”

 

ยวิ๋นซู่ซางและยวิ๋นซู่อีมาถึงที่เกาะเมฆา มันมีคนที่พวกเขาคุ้นเคยอยู่ที่นี่ด้วย อย่างเช่นกระเรียนพันขน

 

“ศิษย์พี่กระเรียน!” ยวิ๋นซู่ซางดึงยวิ๋นซู่อีไปนั่งข้างๆเขา

 

“พวกเจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้หานเซิ่นอยู่ที่ไหน? เขาจะมาเข้าร่วมงานประลองมีดในครั้งนี้หรือเปล่า?” กระเรียนพันขนถามทั้ง 2 คน แต่เขามองไปที่ยวิ๋นซู่อี

 

ยวิ๋นซู่อีตอบ “หานเซิ่นไปที่ถ้ำเสวียนเยวี๋ยน และเขาก็ยังไม่กลับออกมา เขาคงจะไม่ได้มาเข้าร่วมงานประลองมีดนี้”

 

“มันถือเป็นเรื่องที่ดีที่เขาจะไม่มาเข้าร่วม” กระเรียนพันขนพยักหน้า

 

“ทำไม?” ยวิ๋นซู่อีไม่เข้าใจ

 

กระเรียนพันขนลดระดับเสียงลงและพูด “ด้วยชื่อเสียงของหานเซิ่น แองเกียจะเป็นฝ่ายเดียวที่ได้รับผลประโยชน์ถ้าพวกเขาต่อสู้กัน ไม่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายชนะหรือแพ้ก็ตาม”

 

ยวิ๋นซู่อีไม่ได้โง่ เธอเข้าใจว่ากระเรียนพันขนหมายความว่ายังไง ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า

 

ศิษย์ของปราสาทมากมายเดินทางมาเข้าร่วมงาน ระดับที่สูงที่สุดของคนที่มาคือระดับเอิร์ล ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อจะได้เห็นมีดขนนกโลหิต

 

มีดขนนกโลหิตเป็นสิ่งที่เฟเธอร์ระดับเทพเจ้าใช้ขนของตัวเองในการหลอมเป็นอาวุธ มันคือสมบัติอันล้ำค่าของเผ่าพันธุ์เฟเธอร์ ซึ่งแม้แต่คนส่วนใหญ่ของพวกเขาเองก็ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมัน และสำหรับคนนอกแล้วโอกาสที่จะได้เห็นมันก็น้อยลงไปอีก

 

การที่แองเกียนำมีดมาที่นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ผู้อาวุโสหลายคนอยากจะเห็นมัน ดังนั้นพวกเขาจึงส่งลูกศิษย์มาเป็นตัวแทน

 

แองเกียเริ่มด้วยการพูดเปิดงานประลอง เฟเธอร์เป็นเผ่าพันธุ์ที่สง่างาม และแองเกียก็เป็นนักพูดที่เก่ง บรรยากาศจึงเป็นไปอย่างรื่นรมย์

 

แองเกียไม่เสียเวลาพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรมากนัก เขานำเสนอมีดเฟเธอร์ตั้งแต่เริ่ม

 

ทุกคนจับจ้องไปที่กล่องสี่เหลี่ยมบนเวที

 

แองเกียพูดขึ้นมา “มีดขนนกโลหิตนั้นอยู่มาตั้งแต่หลายพันศตวรรษก่อน พวกเรายังหาฝักที่คู่ควรกับมันไม่ได้ ดังนั้นพวกเราจึงเก็บมันเอาไว้ในกล่องใบนี้ ข้าต้องอภัยในเรื่องนี้”

 

หลังจากนั้นแองเกียก็เปิดกล่องอย่างนุ่นนวล ยวิ๋นซู่อีและคนอื่นๆจับจ้องไปที่กล่องใบนั้น ภายในมันมีอาวุธรูปร่างเหมือนขนนกสีขาวยาว 3 ฟุตอยู่

 

มันมีรอยเลือดอยู่บนใบมีดขนนก มันตัดกันกับสีขาวของตัวมีด

 

แองเกียเริ่มอธิบาย “นี่คือมีดที่ผู้ก่อตั้งของพวกเราสร้างขึ้นมาโดยใช้ขนนกระดับเทพเจ้าของเขา ผู้ก่อตั้งของพวกเราใช้มีดซึ่งยังไม่สมบูรณ์สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่ง ซีโน่เจเนอิคระดับเพทเจ้าตัวนั้นหนีไปได้ แต่มีดขนนกก็ได้ดื่มเลือดของมัน นั่นคือที่มาของรอยเลือดนี้ ซึ่งทำให้ผู้ก่อตั้งของพวกเราตั้งชื่อมันว่ามีดขนนกโลหิต”

 

ความตื่นเต้นของผู้ชมเริ่มพุ่งสูงขึ้น พวกเขาอยากจะสัมผัสกับมีดขนนกโลหิตเล่มนั้นเพื่อที่จะตัดสินด้วยตัวเองว่ามีดเล่มนั้นเป็นของแท้หรือของปลอม

 

แองเกียรู้ว่าผู้ชมต้องการจะเห็นมัน ดังนั้นเขาจึงหยิบมันออกมาจากกล่องและส่งให้กับศิษย์ของปราสาทนภาที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อที่พวกเขาจะได้ส่งต่อๆกันไป

 

กระเรียนพันขน ยวิ๋นซู่ซางและยวิ๋นซู่อีต่างก็ได้สังเกตมีดขนนกโลหิต ซึ่งพวกเขาก็มีความเห็นตรงกันว่ามันเป็นมีดที่ดี

 

แต่มันมีข่าวลือบอกว่ามีดเล่มนี้เป็นอาวุธระดับเทพเจ้า ถึงแม้มันดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้น

 

ผู้ชมแต่ละคนต่างก็เอยชื่นชมมัน และเมื่อมันถูกส่งกลับคืนให้กับแองเกีย ผู้ชมคนหนึ่งก็ถามขึ้นมา “ถ้านี่เป็นอาวุธระดับเทพเจ้า ทำไมมันถึงไม่แสดงพลังอะไรออกมา?”

 

แองเกียยิ้มและพูด “ท่านผู้นี้มีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก ทุกคนในที่นี้คงจะคิดว่าอาวุธที่ทำมาจากขนนกของเฟเธอร์ระดับเทพเจ้าก็ควรจะเป็นระดับเทพเจ้าเช่นกัน ก่อนหน้านี้ข้าเพิ่งจะเล่าประวัติของมันให้ทุกคนได้ทราบกัน ในตอนที่มีดเล่มนี้ถูกฟันใส่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า พลังของเลือดซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวนั้นที่กระเด็นมาถูกกับมีดเล่มนี้ไม่อาจจะเข้ากันได้ มันจึงทำให้มีดเล่มนี้กลายเป็นอาวุธระดับราชันแทน”

 

“เป็นอย่างนี้นี่เอง” ผู้ชมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย

 

อาวุธระดับราชันเป็นอะไรที่ทรงพลัง แต่พวกมันไม่สามารถเทียบกับอาวุธระดับเทพเจ้าได้

 

“ที่พวกเราจัดงานนี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะหาเจ้านายที่คู่ควรกับมีดเล่มนี้ ใครก็ตามที่เอาชนะข้าได้ในการประลองมีด คนๆนั้นก็จะได้เป็นเจ้านายของมัน” หลังจากที่แองเกียพูดอย่างนั้น ผู้ชมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset