Super God Gene – ตอนที่ 2017

รางวัลจากผู้นำของปราสาทนภา

ยวิ๋นฉางคงเป็นผู้นำของตระกูลยวิ๋นและเป็นผู้อาวุโสสิบของปราสาทนภา ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงวิชาใต้นภาเป็นอย่างดี

 

เมื่อยวิ๋นซู่อีแสดงมันออกมา เขาก็สังเกตได้ในทันทีว่ามันแตกต่างจากวิชาใต้นภาฉบับดั้งเดิม และความแตกต่างก็แก้ไขข้อบกพร่องที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่ ตอนนี้วิชาใต้นภาของยวิ๋นซู่อีไม่มีข้อบกพร่องอะไรอีกแล้ว และมันก็เป็นวิชาที่สามารถนำไปใช้ในการต่อสู้จริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

“ซู่อี ลูกไปเรียนมันมาจากหานเซิ่นจริงๆอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นฉางคงรีบถามขึ้นมา หลังจากที่ยวิ๋นซู่อีแสดงวิชาเสร็จแล้ว

 

“ใช่แล้ว เขาสอนมันให้กับลูกตั้งแต่ก่อนที่ลูกจะกลายเป็นเอิร์ลซะอีก” ยวิ๋นซู่อีพยักหน้า

 

“ท่านพ่อ นี้หมายความว่าวิชาใต้นภาฉบับปรับปรุงใช้งานได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นซู่ซางถาม

 

“ใช่ ดูเหมือนว่ามันจะใช้งานได้จริงๆ แต่มันมีอย่างหนึ่งที่พ่อไม่เข้าใจ ทำไมวิชามีดของลูกถึงปลดปล่อยความรู้สึกของตำราไร้อักษรออกมา?” ยวิ๋นฉางคงถาม

 

ยวิ๋นซู่อีรีบอธิบายว่าหานเซิ่นได้ใช้จิตแห่งมีดของเขาเพื่อทำให้เธอสามารถรู้สึกถึงมันได้

 

เมื่อยวิ๋นฉางคงได้ยินอย่างนั้น เขาก็ยิ้มแห้งๆออกมา “หานเซิ่นคนนี้เป็นอัจฉริยะจริงๆ เขาปรับปรุงวิชาใต้นภาด้วยตัวเองและยังใช้ความรู้สึกเป็นตัวชี้นำเพื่อสอนให้กับคนอื่น เขาแก้ไขข้อบกพร่องของวิชาใต้นภา และทำให้มันใช้งานในการต่อสู้จริงๆได้ เขาทำให้สิ่งที่ซับซ้อนเป็นเรื่องง่ายขึ้นมา”

 

ยวิ๋นฉางคงคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดต่อ “ครั้งหนึ่งผู้อาวุโสคนหนึ่งเคยคิดที่จะทำแบบเดียวกันนี้ แต่มันยังคงมีข้อบกพร่องเยอะเกินกว่าที่จะใช้จริงได้ แต่ดูเหมือนว่าหานเซิ่นจะทำมันได้สำเร็จ นี่จำเป็นต้องใช้การสังเกตที่เฉียบแหลมและความเข้าใจในตัววิชาอย่างลึกซึ้ง สิ่งที่เขาทำกับวิชามีดนี้เป็นสิ่งที่มีแต่ปรมาจารย์เท่านั้นที่จะทำได้ แน่นอนว่าถ้าเขาเป็นคนที่ทำทั้งหมดนี้จริงๆ”

 

ยวิ๋นฉางคงหยุดพูดและพายวิ๋นซู่อีไปเข้าพบผู้นำของปราสาทนภา

 

ข่าวเรื่องวิชาใต้นภาถูกแพร่สะพัดออกไปราวกับไฟป่า ตอนนี้ฐานะของวิชาใต้นภาเปลี่ยนไปแล้ว มันกลายเป็นวิชาของปราสาทนภาอย่างเป็นทางการ และมันก็มีผลกระทบใหญ่หลวงต่อปราสาทนภา

 

ชื่อของหานเซิ่นถูกแพร่สะพัดออกไปอย่างกว้างขวาง ส่วนแองเกียก็กลายเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ เมื่อไหร่ก็ตามที่ชื่อของเขาถูกพูดถึง มันก็จะเป็นชื่อของคนที่ถูกลองวิชา

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้รู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดนี้ เขายังคงออกล่าอยู่ในถ้ำเสวียนเยวี๋ยนจนกระทั่งถึงวันที่สถานหยกขาวจะเปิดขึ้นอีกครั้ง หานเซิ่นกลับมาที่เกาะของเขา ก่อนที่เขาจะเดินทางไปยังสถานหยกขาว ซึ่งที่นั่นเขาได้พบกับกระเรียนพันขน

 

“ศิษย์น้องหาน ท่านผู้นำต้องการให้เจ้าไปเข้าพบ เจ้ารีบไปเตรียมตัวและพวกเราจะได้ไปกันเดี๋ยวนี้เลย” กระเรียนพันขนยิ้มให้กับหานเซิ่น

 

“ท่านผู้นำต้องการอะไรจากข้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจ

 

ผู้นำของปราสาทนภาเป็นคนที่ค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นเขาไม่มีทางเรียกหานเซิ่นไปพบโดยไม่มีเหตุผล

 

“นี่เจ้าไม่รู้อย่างนั้นหรอ? วิชาใต้นภาที่เจ้าปรับปรุงได้รับการยอมรับจากท่านผู้นำ มันถูกเก็บเข้าไปในหอสมุดของปราสาทนภา และในฐานะผู้ปรับปรุงมัน เจ้าจะได้รับรางวัล นั่นคือเหตุผลที่ท่านผู้นำเรียกเจ้าไปพบ” กระเรียนพันขนยิ้ม

 

หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในช่วงที่เขาไม่อยู่

 

หานเซิ่นติดตามกระเรียนพันขนไปที่ปราสาท และครั้งนี้เมื่อเขาเดินไปบนถนนสู่ท้องฟ้า เขาก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร มันเป็นเพียงแค่ครั้งแรกที่ก้าวขึ้นมาเท่านั้นที่เขาจะรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน

 

ภายในปราสาท ศิษย์ของปราสาทนภาหลายๆคนมองมาที่หานเซิ่นอย่างแปลกๆ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นจะได้เห็นผู้นำของปราสาทนภา ครั้งก่อนเขาหมดสติไป เขาจึงไม่แน่ใจว่าผู้นำของปราสาทนภามีหน้าตาเป็นยังไงกันแน่

 

แต่ปรากฏว่าผู้นำของปราสาทนภาดูธรรมดาๆ เขาดูเหมือนกับชายวัยกลางคนทั่วๆไป เขาไม่ได้ดูน่าเกรงขามหรือศักดิ์สิทธิ์อะไร เขาดูเหมือนกับคนปกติทั่วๆไป

 

หานเซิ่นเดินเข้าไปและโค้งคำนับให้กับเขา ผู้นำของปราสาทมองหานเซิ่นด้วยความสนใจและยิ้มออกมา

“เงยหน้าขึ้นได้ เจ้าดูดีขึ้นกว่าครั้งก่อนที่ข้าได้เห็นเจ้า”

 

“ต้องขออภัยที่ทำให้ท่านผู้นำต้องเห็นอะไรแบบนั้น” หานเซิ่นรู้สึกเขินอาย มันดูแย่ที่กระเรียนพันขนต้องแบกเขาขึ้นมา

 

ผู้นำของปราสาทนภาพูดต่อ “เจ้าไม่ใช่คนไร้ความสามารถ เจ้าปรับปรุงวิชาใต้นภาได้สำเร็จ นั่นเป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายต้องการจะทำ ถ้าเจ้าเป็นคนที่ไร้ความสามารถแล้ว ผู้อาวุโสของพวกเราจะเป็นอะไร?”

 

“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” หานเซิ่นก้มตัว

 

ผู้นำของปราสาทนภาหัวเราะและพูดต่อ “มันไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องมีมารยาท อี๋ซาอาจารย์ของเจ้านั้น นางไม่เคยทำตัวมีมารยาทต่อหน้าใคร แต่ข้าก็ชอบที่นางเป็นแบบนั้น”

 

หานเซิ่นไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอี๋ซาถูกยกย่องถึงขนาดนั้นภายในปราสาทนภา มันดูเหมือนว่าผู้นำของปราสาทนภาจะคิดถึงเธออยู่

 

‘หรือว่าตาแกนี่จะหลงรักลูกศิษย์ของตัวเองอย่างนั้นหรอ? นั่นคือเหตุผลที่เขาคิดถึงเธอมากอย่างนั้นใช่ไหม?’ หานเซิ่นสงสัย

 

สีหน้าของผู้นำปราสาทนภาเปลี่ยนไป เขาดีดนิ้วและทันใดนั้น หานเซิ่นก็รู้สึกหนังอึ้ง เขาเกือบที่จะล้มลงไปกับพื้น

 

“เจ้าเด็กน้อย! เจ้าดูเป็นคนมีมารยาท แต่เจ้ากำลังคิดบางสิ่งที่โสมมในจิตใจ” ผู้นำของปราสาทนภามองไปที่หานเซิ่นขณะที่พูดออกมา

 

ทันใดนั้นหานเซิ่นเหงื่อตก ผู้นำของปราสาทนภาสามารถอ่านจิตใจของเขาได้ ซึ่งมันเป็นพลังที่น่ากลัวอย่างมาก

 

“ข้าต้องขออภัยด้วย!” หานเซิ่นรีบพูดออกมาจากใจจริง

 

ผู้นำของปราสาทนภาหัวเราะและพูดต่อ “อี๋ซามักจะขึ้นเสียงกับข้าอยู่เสมอ แต่นางเป็นคนตรงไปตรงมา ต่างจากเจ้าที่เก็บความคิดจริงๆเอาไว้ในจิตใจอย่างลับๆ”

 

‘หมอนี่ชอบให้ขึ้นเสียงใส่อย่างนั้นหรอ เขาคงจะต้องเป็นมาโซคิสม์แน่ๆเลย’ หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะคิด

 

แต่ทันทีที่ความคิดแบบนั้นผุดขึ้นมาในจิตใจ เขาก็รู้ว่าเพิ่งจะทำในสิ่งที่เลวร้ายไป

 

ผู้นำของปราสาทนภายิ้มให้กับหานเซิ่น และแรงกดดันก็หล่นลงใส่ตัวของหานเซิ่นมากขึ้นกว่าเดิม หานเซิ่นพยายามดิ้นรนเพื่อไม่ให้ตัวเองทรุดลงไป

 

“ครั้งนี้ข้าทำผิดไปแล้วจริงๆ!” หานเซิ่นตะโกนด้วยสีหน้าที่ขื่นขม

 

ผู้นำของปราสาทนภายิ้มและพูดต่อ “ไม่เป็นไร เจ้าเป็นลูกศิษย์ของอี๋ซา และเจ้าก็ทำประโยชน์อย่างใหญ่หลวงให้กับปราสาทนภา วิชาใต้นภาที่เจ้าปรับปรุงนั้นยอดเยี่ยม บอกข้ามาว่าเจ้าอยากจะได้อะไร”

 

“มันเป็นเกียรติมากแล้วที่ได้ช่วยเหลือท่าน ข้าไม่กล้าพอที่จะขออะไรเป็นรางวัล” หานเซิ่นรีบพูด

 

“เจ้าไม่ได้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนแบบนั้น ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแสแสร้ง”

ผู้นำของปราสาทนภายิ้ม “เอาอย่างนี้เป็นไง? อี๋ซาเคยป้อนอาหารม้า ดังนั้นเจ้าก็ควรจะป้อนอาหารม้าเช่นกัน นั่นจะเป็นรางวัลสำหรับการที่เจ้าช่วยปรับปรุงวิชาใต้นภา”

 

“ขอบคุณท่านมาก” หานเซิ่นบังคับจิตใจของเขาไม่ให้คิดอะไรอย่างอื่น

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset