Super God Gene – ตอนที่ 2018

กุญแจหัวใจนภา

“เจ้าไปได้แล้ว” ผู้นำของปราสาทนภาโบกมือเพื่อบอกให้หานเซิ่นออกไปได้

 

หานเซิ่นไอออกมา “ท่านผู้นำแข็งแกร่งมากๆ เพียงแค่ท่านดีดนิ้วมันก็ทำให้ข้าเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้ นั่นมันสุดยอดจริงๆ”

ขาของหานเซิ่นไม่ขยับ เขารู้สึกราวกับว่ากำลังแบกภูเขาทั้งโลกเอาไว้

 

ผู้นำปราสาทนภาหลี่ตาและมองไปที่หานเซิ่น “นี่เป็นรางวัลสำหรับเจ้า ถ้าเจ้ายังไม่ออกไป เจ้าก็จะมอบรางวัลให้กับเจ้ามากกว่านี้”

 

หานเซิ่นหันหลังและโดนโซเซออกไป เขาสาบานกับพระเจ้าว่าจะไม่มาพบกับชายคนนี้อีก

 

‘เวรเอ้ย! นี่มันรางวัลอะไรกัน? ฉันทำประโยชน์ให้กับเขา ฉันจะไม่ว่าอะไรถ้าพวกเขาไม่ต้องการให้รางวัลกับฉัน แต่นี่ฉันต้องไปให้อาหารม้าเนียนะ?’ หลังจากที่หานเซิ่นออกจากปราสาท เขาก็สบถซ้ำๆในหัวใจของเขา

 

การเดินออกมาจากปราสาทนภา ทำให้หานเซิ่นเหงื่อท่วมตัว เขาไม่รู้ว่าตัวเองถูกวิชาจีโนแบบไหนเข้า แต่มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังแบกรับน้ำหนักอันมหาศาลเอาไว้บนหลัง เขาสามารถที่จะทนต่อมันได้ แต่เขาไม่สามารถวิ่งได้ ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือการเดิน

 

“มันคืออะไร? ท่านผู้นำมอบรางวัลอะไรให้กับเจ้าอย่างนั้นหรอ?” กระเรียนพันขนรีบเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นหานเซิ่นเดินออกมา

 

“อย่าพูดถึงมันเลย ในตอนที่อาจารย์ของข้าอยู่ในปราสาทนภา นางได้ไปละเมิดท่านผู้นำเอาไว้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นคิดว่ามันต้องเป็นเพราะอี๋ซาที่ทำให้เขาถูกปฏิบัติแบบนี้

 

“ทำไมเจ้าถึงถามอย่างนั้น? ท่านผู้นำนั้นรักนางมากที่สุด ท่านถึงกับรับนางเป็นลูกศิษย์ และทุกคนก็รู้ถึงเรื่องนั้นดี” กระเรียนพันขนพูด

 

“นั่นมันน่าแปลก ถ้าอาจารย์ของข้าเป็นที่รักมากขนาดนั้น ทำไมท่านผู้นำถึงไม่มอบรางวัลอะไรให้กับข้าเลย? แถมเขายังใช้วิชาจีโนประหลาดที่ทำให้ร่างกายของข้าหนักอึ้งอีก และตอนนี้เขาก็ต้องการให้ข้าไปป้อนอาหารให้กับม้า”

หานเซิ่นขมวดคิ้วและพูดต่อ “หรือบางที ท่านผู้นำจะโกรธที่ท่านรับข้าไปเป็นลูกศิษย์ไม่ได้?”

 

“เกิดอะไรขึ้น?” กระเรียนพันขนถาม

 

หานเซิ่นอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น และเมื่อกระเรียนพันขนได้ยินเรื่องราวทั้งหมด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขามองหานเซิ่นราวกับว่าเพิ่งจะเห็นผี

 

“เจ้าไม่คิดว่านี่มันมากเกินไปหน่อยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นพูดและคิดกับตัวเอง ‘เราแค่บ่นอยู่ในใจเท่านั้น ทำไมเขาต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย?’

 

กระเรียนพันขนมองหานเซิ่นด้วยสายตาแปลกๆ “เจ้าน่ะโชคดี วิชาจีโนที่ท่านผู้นำใช้ใส่เจ้าคือกุญแจหัวใจนภา มันเป็นส่วนหนึ่งของตำราไร้อักษร แม้แต่ระดับราชันก็แทบจะใช้มันไม่ได้ และบ่อยครั้งพวกเขาจะสร้างความเสียหายต่อร่างกาย ถ้าพวกเขาไม่ได้มีสายเลือดที่ถูกต้อง พวกเขาก็ไม่คิดแม้แต่จะลองใช้มัน มันยากที่จะหาคนที่รู้เกี่ยวกับตำราไร้อักษร ท่านผู้นำใช้มันกับเจ้าถึง 2 ครั้ง ซึ่งแม้แต่ไผ่เดียวดายก็ไม่ได้รับอะไรแบบนี้”

 

หานเซิ่นถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “เจ้าพูดจริงอย่างนั้นหรอ?”

 

“แน่นอนอยู่แล้ว กุญแจหัวใจนภาไม่ใช่ความลับอะไร มันจะล็อคร่างกายของเจ้า และเจ้าก็ต้องใช้พลังของตัวเองเพื่อปลดล็อคมัน ซึ่งเมื่อเจ้าทำได้สำเร็จ พละกำลังและลมปราณของเจ้าก็จะเพิ่มขึ้น เจ้าก็รู้ว่ารากฐานสำคัญแค่ไหน เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้และมันก็ไม่ได้ส่งเสียต่อการฝึกวิชาของเจ้าอีกด้วย ผู้คนมากมายอยากจะได้รับมัน เจ้าได้รับมันถึง 2 ครั้ง แต่เจ้ากลับบ่นออกมา มันทำให้ข้าอยากจะชกเจ้าจริงๆ” กระเรียนพันขนดูอิจฉา

 

หานเซิ่นมองเขาอย่างแปลกๆและพูด “แล้วเรื่องที่ข้าต้องไปป้อนอาหารให้กับม้าล่ะ? นั่นไม่มีทางจะเป็นเรื่องดีไปได้”

 

“ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด ม้าที่เจ้าต้องไปป้อนอาหารให้ก็คือดรีมบีสต์ แต่ข้าไม่อาจจะบอกได้ว่านั่นเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย” กระเรียนพันขนพูดหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่

 

ในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันก็มีชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนกับพ่อบ้านเดินเข้ามา เขาโค้งคำนับให้กับหานเซิ่นและพูด

“หานเซิ่น ท่านผู้นำได้สั่งให้ข้าพาเจ้าไปที่เกาะความฝัน เจ้าต้องทำงานให้กับครีมบีสต์เป็นเวลา 3 เดือน เจ้าจะเดินทางไปในตอนนี้หรือต้องการจะกลับไปเก็บของก่อน?”

 

“ข้าไปพรุ่งนี้ได้ไหม?” หานเซิ่นถาม

 

“แน่นอน ข้าจะไปรับเจ้าในวันพรุ่งนี้” ชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ขอบคุณมาก” หานเซิ่นหันกลับไปหากระเรียนพันขนและพูด

“กระเรียนพันขน เจ้าช่วยพาข้ากลับไปส่งที่เกาะได้ไหม ด้วยน้ำหนักของข้าตอนนี้ นกกระเรียนไร้ขาคงจะแบกข้ากลับไปไม่ได้แน่”

 

กระเรียนพันขนหัวเราะและพูดออกมา “อย่าได้กังวล กุญแจหัวใจนภาจะส่งผลต่อร่างกายของเจ้าเท่านั้น มันไม่ได้เพิ่มน้ำหนักของตัวเจ้า ดังนั้นสัตว์ขี่ของเจ้าจะไม่ได้ผลอะไรจากมัน”

 

หานเซิ่นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากปีนขึ้นไปบนหลังนกกระเรียนไร้ขาด้วยร่างกายที่หนักอึ้ง แต่กระเรียนไร้ขาดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไร และมันก็สามารถบินขึ้นได้เหมือนปกติ

 

นกกระเรียนไร้ขาได้กินเนื้อของซีโน่เจเนอิคชั้นสูงจำนวนมาก ตอนนี้มันจึงแข็งแกร่งและบินได้เร็วขึ้นกว่าตอนแรก

 

แต่ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น และปีกของมันก็ยังคงบาดเจ็บ ดังนั้นมันไม่สามารถบินเป็นเส้นตรงได้

 

เมื่อหานเซิ่นกลับไปถึงเกาะ เขาก็ใช้พลังทุกอย่างที่มีเพื่อจะปลดล็อคกุญแจหัวใจนภา ซึ่งนอกจากการใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดแล้ว เขาได้ลองใช้ทุกอย่างที่มีแล้ว แต่ก็ล้มเหลว

 

หานเซิ่นจึงล้มเลิกความคิดนั้นไปและเริ่มเก็บข้าวของ วันต่อมาพ่อบ้านก็มาพาตัวเขาไปยังเกาะความฝัน

 

หานเซิ่นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับดรีมบีสต์มากนัก เขารู้แค่ว่ามันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า และไผ่เดียวดายก็ถูกลงโทษด้วยฝันร้ายของซีโน่เจเนอิคตัวนี้

 

‘เจ้าแก่นั้นคิดจะให้ดรีมบีสต์มอบฝันร้ายหมื่นปีให้กับเราอย่างนั้นหรอ? ฉันไม่ต้องการประสบการณ์อะไรพวกนั้น ชีวิตของฉันเป็นเรื่องราวที่มีความสุข มันไม่จำเป็นต้องมีโศกนาฏกรรม’ หานเซิ่นคิดด้วยความหวาดกลัว

 

ไผ่เดียวดายใช้เวลาเป็น 10 ปีกว่าที่เขาจะตื่นขึ้นมาได้ ถึงแม้หานเซิ่นจะแข็งแกร่งกว่าเขาในตอนนั้น มันก็คงจะต้องใช้เวลาหลายปีอยู่ดี ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นหลิงเอ๋อก็คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอเป็นใครและนั่นจะเป็นอะไรที่น่าเศร้า

 

“ไม่ได้! เราจะมีฝันร้ายไม่ได้ เราจำเป็นต้องไปคุยกับเจ้าแก่นั่นอีกครั้ง” หานเซิ่นหันกลับและต้องการจะจากไป

 

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงที่เคร่งขรึมดังมาจากด้านหลังของเขา “ใครบอกว่าเจ้าจะไปจากที่นี่ได้?”

 

ร่างกายของหานเซิ่นแข็งทื่อ เขาค่อยๆหันกลับไปอย่างช้าๆ และที่กลางทะเลสาบที่ใสเหมือนกับกระจก มันมีสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกับม้ายูนิคอร์นสีขาวโผล่ขึ้นมา

 

มันอาจจะเป็นซีโน่เจเนอิคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่หานเซิ่นเคยเห็น ซึ่งเมื่อเขามองไปในดวงตาของมัน เขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมา การมองไปที่ซีโน่เจเนอิคตัวนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเลยสักนิดเดียว

 

มันกำลังยิ้มออกมา แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มของมันก็ทำให้เขาขนลุก

 

“ท่านดรีมบีสต์… ท่านผู้นำส่งข้ามาที่นี่เพื่อตรวจดูว่าท่านต้องการอะไรหรือเปล่า ถ้ามันมีอะไรที่ท่านต้องการล่ะก็ ข้าจะไปรายงานต่อท่านผู้นำและนำสิ่งนั้นมาที่นี่” หานเซิ่นรีบพูดขึ้นมา

 

“มันมีบางสิ่งที่ข้าต้องการ เข้ามานี่สิ” ดรีมบีสต์ก้าวขึ้นมาบนพื้นหญ้าพร้อมกับยิ้มให้หานเซิ่น

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset