Super God Gene – ตอนที่ 2058

การสมรู้ร่วมคิด

‘ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าอะไรกันแน่? นี่เธอมีความบาดหมางกับเราหรือยังไงกัน?’ หานเซิ่นรู้สึกหดหู่

แม้แต่เผ่าดราก้อนก็คิดว่าหานเซิ่นออกไปจากทะเลโบราณหวนคืนแล้ว แต่ซิวซือยังคงพยายามตามหาเขาต่อไป นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาหดหู่

ถ้าไม่ใช่เพราะซิวซือ การหนีออกไปจากทะเลโบราณหวนคืนก็คงจะเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ

‘หรือเธอรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เราครอบครองสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์อย่างนั้นหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่เธอต้องการจะจับตัวเรา?’ แต่หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นไปไม่ได้

หานเซิ่นไม่สามารถใช้สถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ได้ ดังนั้นเขาจึงซ่อนมันเอาไว้ในดาวอุปราคา ไม่มีใครที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าซิวซือจะรู้เกี่ยวกับมัน

ซิวซือกลับไปพักผ่อนในห้องของเธอ และหานเซิ่นก็ตามเธอเข้าไป ซิวซือเอนตัวลงบนเก้าอี้เพื่อผ่อนคลาย แต่เธอไม่ได้หลับไป ขณะที่เธอทำอย่างนั้นเธอก็ลูบหัวของวัวหินผา

“หานเซิ่นซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันนะ?” หานเซิ่นตั้งใจจะพักผ่อนเช่นกัน แต่จู่ๆเธอก็เริ่มพูดกับตัวเอง

หานเซิ่นอยากจะถามว่าทำไมเธอถึงได้พยายามตามหาเขา แต่เขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้

“บางทีเขาอาจจะหนีออกไปจากทะเลโบราณหวนคืนแล้วจริงๆ แต่นั่นหมายความว่าตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะจับตัวเขาอีกแล้ว” ซิวซือยังคงพูดกับตัวอีก

‘พูดต่อไปแบบนั้นแหละ บอกมาว่าทำไมเธอถึงต้องการจะจับตัวฉัน’

หานเซิ่นคิด ซึ่งเมื่อดูจากโทนเสียงของเธอแล้ว มันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เธออยากจะเจอเขามากขนาดนั้น

แต่ซิวซือไม่ได้พูดอะไรอีก และเธอก็หลับไป

หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพักผ่อน เขาใช้วิชาจีโนเพื่อฟื้นฟูพลัง

หานเซิ่นวิวัฒนาการเป็นมาร์ควิสเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาสามารถกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตระดับมาร์ควิสได้เป็นเวลานาน แต่ทว่ามันก็ยังมีเวลาจำกัด หานเซิ่นคาดเดาว่าตัวเองคงจะอยู่ในร่างนี้ต่อไปได้อีกราวๆ 4 วัน ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเขายังไม่สามารถหนีไปได้ล่ะก็ มันก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่

เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของซิวซือ หานเซิ่นก็รู้ว่าเธอไม่มีทางหยุดการค้นหาอย่างแน่นอน เขาไม่คิดว่าจะสามารถหนีไปได้ใน 4 วัน

‘ถ้าหนีไปไม่ได้ เราก็คงต้องเสี่ยง เราควรจะลักพาตัวดราก้อนไนน์ทีนคนนั้นและจับเธอเป็นตัวประกัน หรือบางทีเราควรจะข่มขู่ซิวซือให้เธอพาเราออกไปจากที่นี่?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

หานเซิ่นคิดว่าดราก้อนไนน์ทีนแข็งแกร่งมากๆ ร่างกายของเผ่าดราก้อนเป็นอะไรที่สุดยอด ดังนั้นมันจึงยากที่จะจัดการกับเธอได้โดยไม่ดึงความสนใจคนอื่นๆ

ร่างกายกาน่าของซิวซือก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน ถึงแม้พลังของเธอจะไม่ได้ร้ายกาจเหมือนกับดราก้อน แต่เธอก็มีวิชาจีโนลับหลายอย่าง

สุดท้ายแล้วหานเซิ่นก็ตัดสินใจมุ่งเป้าไปที่ซิวซือ เพราะการจับตัวดราก้อนไนน์ทีนคงจะทำให้ทางเผ่าดราก้อนอยากจะฆ่าเขายิ่งกว่าเดิม และเผ่าพันธุ์ดราก้อนก็ก็น่าจะมีดราก้อนระดับเทพเจ้าอยู่ด้วย ซึ่งถึงเขาจะมีตัวประกัน มันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี มันมีโอกาสสูงที่เขาจะถูกจัดการก่อนที่จะได้ใช้มีดจี้คอดราก้อนไนน์ทีนด้วยซ้ำ

แต่ซิวซือแตกต่างออกไป เธออยู่ตามลำพังภายในเผ่าพันธุ์ดราก้อน ดังนั้นเหล่าดราก้อนอาจจะไม่ได้สนใจชีวิตของเธอมากนัก ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงคิดว่าซิวซือเป็นเป้าหมายที่ง่ายกว่า

หานเซิ่นเริ่มคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะหลีกเลี่ยงความสนใจคนอื่นๆบนยาน เพราะไม่อย่างนั้นมันจะไม่มีประโยชน์อะไรในการจับตัวเธอมา เขาต้องจับตัวเธออย่างเงียบๆ เพราะเขาจำเป็นต้องใช้เธอเพื่อหนีไปจากที่นี่

แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะข่มขู่เธอโดยไม่ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ หานเซิ่นพยายามคิดหาหนทางอยู่สักพัก และในที่สุดเขาก็คิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้

พลังเขี้ยวสามารถใช้ข่มขู่เธอได้ แต่พลังนั้นจะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บและยังถูกพบเห็นได้ ดังนั้นเขาไม่สามารถใช้มันได้ จากพลังทั้งหมดที่มี หานเซิ่นคิดว่าวิชาโลหิตชีพจรคือทางเลือกที่ดีที่สุด

เขาสามารถหยดเลือดคริสตัลเข้าไปในสายเลือดของซิวซือ หลังจากนั้นมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะแยกระหว่างเลือดทั้ง 2

เมื่อซิวซือหลับไป หานเซิ่นก็มองไปที่มือของเธอ เขาแค่จำเป็นต้องเจาะรูเล็กๆที่นิ้วมือของเธอ หลังจากนั้นก็หยดเลือดเข้าไป

หานเซิ่นไม่ลังเลและยื่นลิ้นออกไปเพื่อจะเลียมือของเธอ โดยปกติแล้วลิ้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรในการต่อสู้ แต่หานเซิ่นฝึกฝนวิชาลิ้นดาบในตอนที่อยู่ในสระความฝัน

แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะเข้าใกล้มือของเธอ ซิวซือก็ลืมตาขึ้นมามองเขา มันทำให้หานเซิ่นสะดุ้ง

‘ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ! เธอมีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมอะไรอย่างนี่’ ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้าง เขาแกล้งทำตัวน่ารัก เขาเลียมือของเธอเหมือนอย่างที่จิ้งจอกสีเงินทำ

เมื่อซิวซือเห็นวัวหินผาทำตัวน่ารัก เธอก็ยิ้มออกมา เธอยื่นมือออกมาลูบหัวของเขา

หานเซิ่นโล่งใจที่ยังไม่ได้ใช้วิชาลิ้นดาบในทันทีและลองเลียมือของเธอดูก่อน ซึ่งถ้าเขาไม่ลองทดสอบดูก่อนล่ะก็ ตัวตนของเขาก็อาจจะถูกเปิดโปงไปแล้ว

ซิวซือไม่ได้ดึงมือของเธอกลับไป ทำให้หานเซิ่นสามารถเลียนิ้วมือของเธอต่อไปได้

หานเซิ่นเลียมือของเธอหลายครั้งโดยไม่ได้ใช้วิชาลิ้นดาบ แต่ในครั้งสุดท้ายลิ้นของเขาก็สร้างดาบลมปราณสีแดงขึ้นมา ดาบลมปราณสีแดงเข้าไปในนิ้วมือของซิวซือ และทำให้เลือดไหลออกมาจากนิ้วมือของเธอ

ซิวซือตอบสนองอย่างรวดเร็ว และเมื่อดาบลมปราณสีแดงสัมผัสกับนิ้วมือของเธอ เธอก็ถอยออกไปอย่างเร่งรีบ หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็เรืองแสงที่ดูศักดิ์สิทธิ์ออกมา

หานเซิ่นรู้สึกว่าวงแหวนบนคอรัดแน่นขึ้น

“ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะสงบสติและพูดคุยกันดีๆเกี่ยวกับเรื่องนี้”

หานเซิ่นปลดปล่อยออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อตัดขาดห้องนี้ออกจากโลกภายนอก และเปลี่ยนร่างของตัวเองกลับสู่ร่างที่แท้จริง

“หานเซิ่น!” สีหน้าของซิวซือเปลี่ยนไป เธอไม่ได้คาดคิดว่าวัวหินผาตัวนั้นจะเป็นหานเซิ่น มันทำให้เธอรู้สึกอายที่หานเซิ่นเลียนิ้วมือของเธอเมื่อครู่นี้

“อย่าเพิ่งโกรธ สังเกตที่นิ้วมือของเจ้าก่อน” หานเซิ่นชี้ไปที่นิ้วมือของเธอขณะที่พูดออกมา

ซิวซือก้มมอง เธอสัมผัสได้ถึงพลังประหลาดในนิ้วกลางของเธอ เธอพยายามใช้พลังของตัวเองเพื่อขับมันออกมา แต่เธอไม่สามารถทำอะไรเพื่อจะหยุดมันได้

ไม่กี่วินาทีพลังนั้นก็พุ่งเข้าไปในตัวของเธอ หลังจากนั้นมันก็หายไป

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset