Super God Gene – ตอนที่ 2074

ภาชนะสัมบูรณ์

“แล้วของที่หนูดูดเข้าไปในน้ำเต้าอยู่ที่ไหนล่ะ? พ่อขอดูพวกมันหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นถามเป่าเอ๋อ

 

“พวกมันถูกย่อยไปนานแล้ว” เป่าเอ๋อพูดพร้อมกับกระพริบตาอีกครั้ง

 

หานเซิ่นอึ้งจนเกือบจะพูดไม่ออก “แต่หนูเพิ่งจะบอกพ่อว่าหนูปล่อยพวกมันออกมาได้”

 

เป่าเอ๋อดูไม่พอใจเล็กน้อย “หนูทำได้ แต่หนูต้องรู้ก่อนว่าชิ้นไหนจำเป็นต้องเก็บเอาไว้ ไม่อย่างนั้นพวกมันก็จะถูกน้ำเต้าย่อยสลาย”

 

‘น้ำเต้าของเป่าเอ๋ออาจจะจับคลาวด์บีสต์สีแดงนั่นได้ แต่เป่าเอ๋ออยู่ในก็อตแซงชัวรี่มาโดยตลอด และเรายังไม่เห็นเธอวิวัฒนาการเลย ดังนั้นเธอคงจะไม่เหนือไปกว่าบารอนคนหนึ่ง มันไม่มีทางที่เธอจะดูดคลาวด์บีสต์ระดับมาร์ควิสเข้าไปในน้ำเต้าได้’ หานเซิ่นคิด

 

เป่าเอ๋อดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด เธอตบมือและน้ำเต้าก็ปรากฏขึ้นมาระหว่างพวกเขา เธอพูดกับหานเซิ่น

“พ่ออยากจะได้อะไรอย่างนั้นหรอ? น้ำเต้าของหนูทรงพลัง และมันดูดได้ทุกสิ่งทุกอย่าง”

 

“พ่อจะบอกหนูในภายหลัง” หานเซิ่นลูบหัวของเป่าเอ๋อ หลังจากนั้นเขาก็เทเลพอร์ตกลับไปที่ปราสาทนภา หานเซิ่นต้องหาโอกาสพาเป่าเอ๋อมาที่นี่เพื่อที่เขาจะได้ทดสอบพลังของน้ำเต้า

 

ถึงเป่าเอ๋อจะกินยีนซีโน่เจเนอิคที่หานเซิ่นมอบให้เข้าไปเป็นจำนวนมาก แต่เธอก็ยังไม่ถูกขับไล่ออกไปจากก็อตแซงชัวรี่ ด้วยเหตุนั้นเธอคงจะไม่แข็งแกร่งอะไรมาก

 

หานเซิ่นเอาชิ้นส่วนซีโน่เจเนอิคที่สะสมเอาไว้มาต้มในหม้อ ยีนซีโน่เจเนอิคเกือบจะเยอะเกินไปที่จะใส่ลงในหม้อได้หมด เมื่อเขากินพวกมันทั้งหมดเข้าไป เสียงประกาศก็ดังขึ้น

 

‘ยีนระดับมาร์ควิส +1‘

 

เนื้อทั้งหม้อหนักอย่างน้อย 100 กิโลกรัม และถึงหานเซิ่นจะมีวิชาคอนซูมอยู่ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกแน่นท้องที่ต้องกินพวกมันทั้งหมดเข้าไปในคราวเดียว เขาไม่คิดว่าจะกินอะไรได้อีกในวันนั้น

 

“ดูเหมือนว่าเราควรจะล่าเฉพาะยีนซีโน่เจเนอิคขนาดเล็กๆ” ขณะที่หานเซิ่นกำลังพูดกับตัวเอง ใครบางคนก็มาที่เกาะของเขา

 

หานเซิ่นเดินออกไปข้างนอกและเห็นไวท์เรียลกำลังขี่นกที่ร่างกายเป็นไม้อยู่ เมื่อหานเซิ่นก้าวออกไปข้างนอก ไวท์เรียลก็บินลงมาบนเกาะ

 

“หานเซิ่น เจ้ารีบมากับข้าเร็วเข้า!” ไวท์เรียลกระโดดลงจากนกและลากมือของหานเซิ่นไป

 

“มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามอย่างสับสน

 

ขณะที่พวกเขากำลังจะขึ้นหลังนก ไวท์เรียลก็พูดต่อ “หัวหน้าของพวกเราเชิญเจ้าไปที่สวนวิถีนภา เขาต้องการให้เจ้าช่วยพวกเราสกัดมีดขนนกโลหิต”

 

“เขาขอให้ข้าไปช่วย? แต่ข้าไม่ถนัดเรื่องพวกนั้น แล้วข้าจะช่วยอะไรได้?”

หานเซิ่นตกใจ เพราะสิ่งที่เขารู้ว่าไม่น่าจะเทียบได้กับความรู้และประสบการณ์ของคนที่ทำงานอยู่ในสวนวิถีนภา

 

ถ้าไป๋อี้ซานอยู่ที่นี่ บางทีเขาอาจจะช่วยในการวิจัยได้ แต่หานเซิ่นแค่รู้นิดหน่อยเท่านั้น แถมวิชาจีโนของก็อตแซงชัวรี่และวิชาจีโนของจักรวาลจีโนยังมีความแตกต่างกันอีก

 

“เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว! เจ้าลบเลือดซีโน่เจเนอิคออกจากมีดได้สำเร็จ เจ้าเก่งในเรื่องนี้ พวกรีบไปกันเถอะ หัวหน้าและคนอื่นๆกำลังรอเจ้าอยู่”

ไวท์เรียลดันหานเซิ่นขึ้นไปบนหลังนก หลังจากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่สวนวิถีนภา

 

เมื่อไปถึง หานเซิ่นก็อธิบายให้พวกเขาฟังว่าที่ลบรอยเลือดออกจากมีดขนนกโลหิตได้นั้นเป็นเพราะวิชาจีโนที่เข้ากันได้ดีเท่านั้น เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการสกัดสมบัติ

 

หัวหน้าฝ่ายวิจัยยิ้มและพูด “อย่าได้กังวล หานเซิ่น พวกเราเชิญเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อให้เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการสกัด ถ้าพวกเราพบเลือดบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ขณะที่กำลังสกัดมัน พวกเราจำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากเจ้า ไม่อย่างนั้นการทำงานของพวกเราก็จะสูญเปล่า”

 

หานเซิ่นบอกพวกเขาไปว่าบนมีดไม่เหลือเลือดอยู่แม้แต่หยดเดียว แต่พวกเขาก็ยังคงกังวลว่ามันอาจจะมีเลือดหลงเหลืออยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้หานเซิ่นอยู่ต่อ

 

โชคดีที่ทางสวนวิถีนภาไม่ได้ขออะไรมากไปกว่านั้น ดังนั้นหานเซิ่นจึงแค่นั่งอยู่ในห้องและคอยฟังคำสั่งจากหัวหน้าฝ่ายวิจัย

 

เนื่องจากหานเซิ่นไม่มีอะไรทำ ดังนั้นเขาจึงฝึกวิชากายหยก พร้อมกับยังดูขั้นตอนการสกัดมีดขนนกโลหิตไปด้วย ซึ่งทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย

 

มีดขนนกโลหิตถูกใส่เข้าไปในหลอดภาชนะที่ทำขึ้นมาจากคริสตัล ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าพวกเขาจะใช้เทคนิคการตีเหล็กและการหลอมเพื่อเปลี่ยนใบมีดของมัน

 

แต่เขาคิดผิด พวกเขาใส่มีดเข้าไปในภาชนะและเอาอากาศออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ลดอุณหภูมิให้ต่ำที่สุด

 

ขณะที่อุณหภูมิต่ำลง มีดขนนกโลหิตก็ดูเหมือนจะตกผลึก แต่ท้ายที่สุดทั้งมีดก็กลายเป็นคริสตัล

 

หนึ่งในคนของสวนวิถีนภาใช้เครื่องมือบางอย่างเพื่อตรวจเช็คมีดขนนกโลหิตและขมวดคิ้ว

“อุณหภูมิยังต่ำไม่พอ พวกเรายังปลุกพลังของมีดขนนกโลหิตไม่ได้”

 

หลังจากผ่านไป 4 วัน หานเซิ่นก็ได้ยินคำพูดแบบนั้นซ้ำๆเป็นพันๆครั้ง พวกเขาพยายามจะลดอุณหภูมิของมีด แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เคยลดอุณหภูมิได้ต่ำเพียงพอ

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการลดอุณหภูมิของมัน แต่เขาได้เห็นวิชาจีโนลับธาตุน้ำแข็งมากมาย พวกมันต่างเป็นวิชาที่น่ากลัว อุณหภูมิที่ต่ำเกินไปทำให้วัสดุอื่นๆแหลกสลาย แต่มีดเล่มนั้นดูจะไม่เป็นอะไร

 

“ภาชนะคริสตัลนั่นไม่ธรรมดาจริงๆ มันทนต่อความหนาวเย็นอันน่าเหลือเชื่อโดยไม่แตกสลายได้ยังไงกัน” หานเซิ่นพูดกับตัวเองเบาๆ

 

แต่ไวท์เรียลนั้นหูดีและได้ยินที่หานเซิ่นพูด เขาจึงพูดอย่างภาคภูมิใจ

“หานเซิ่น เจ้าพูดถูกแล้วที่บอกว่าภาชนะนี่ไม่ธรรมดา นี่เป็นสิ่งของระดับเทพเจ้าชิ้นเดียวของสวนวิถีนภาแห่งนี้”

 

“ภาชนะนั่นเป็นสิ่งของระดับเทพเจ้า?” หานเซิ่นตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น เขารู้ว่ามันทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นถึงระดับเทพเจ้า

 

“ชื่อของมันคือภาชนะสัมบูรณ์ สมบัติขั้นสูงหลายชิ้นของพวกเราต่างถูกสกัดภายในภาชนะสัมบูรณ์ และกว่าครึ่งหนึ่งของอาวุธระดับราชันในปราสาทนภาถูกทำขึ้นในนี้” ไวท์เรียลพูดอย่างจริงจัง

 

หานเซิ่นคิดที่จะถามอะไรบางอย่างอีก แต่หัวหน้าฝ่ายวิจัยพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ตรึงเครียด

“ดูเหมือนว่าพลังของพวกเราจะลดอุณหภูมิได้ไม่ต่ำพอ ผู้อาวุโสตง เจ้าไปที่เมืองหยกขาวและเชิญเขามาที่นี่”

 

“เขาจะยอมมาอย่างนั้นหรอ?” ผู้อาสุโสตงดูหดหู่

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset