Super God Gene – ตอนที่ 2103

หานเซิ่นได้เรียนรู้อะไรมากมายจากมนต์สังหารยีนดั้งเดิมทั้ง 72

 

วิชาผนึกมารมีรากฐานมาจากมนต์สังหารยีนดั้งเดิมทั้ง 72 หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อเรียนรู้พวกมัน และด้วยการทำแบบนั้น ความเชี่ยวชาญในวิชาผนึกมารของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากฝึกไปแค่ 1 ปี เขาก็สำเร็จถึงขั้นที่ 8

 

แต่เมื่อผู้อาวุโสมอบภารกิจใหม่ให้กับเขา ความก้าวหน้าของเขาก็ถูกหยุดเอาไว้ เขาได้รับภารกิจให้ไปกับจัดการกับซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสตัวหนึ่งที่ก่อปัญหาบนดวงดาวธุรกิจของปราสาทนภา มันเป็นภารกิจที่ง่ายๆและหานเซิ่นก็สามารถฆ่าซีโนเจเนอิคตัวนั้นได้อย่างรวดเร็ว

 

แต่ทว่าเมื่อหานเซิ่นกลับถึงปราสาทนภา โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา มันเป็นหมายเลขที่ซีเหมินยงทิ้งเอาไว้ให้กับเขา

 

หานเซิ่นเคยลองโทรไปที่หมายเลขนี้มาก่อน แต่มันไม่มีใครตอบรับ

 

หานเซิ่นรับสาย มันไม่มีภาพวิดีโอ มันมีแค่เสียงเพียงแค่นั้น หานเซิ่นไม่พูดอะไรจนกระทั่งอีกฝ่ายหนึ่งเริ่มพูดขึ้นมา

 

“หานเซิ่น นี่ฉันเอง” เสียงที่ดังขึ้นมาเป็นเสียงที่คุ้นเคย แต่มันไม่ใช่ของซีเหมินยง มันเป็นของเทพแห่งผลกรรม

 

“เทพแห่งผลกรรม?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าพยุหะโลหิตมีวิธีที่จะเดินทางออกมาจากก็อตแซงชัวรี่

 

“ใช่แล้ว ฟังฉันให้ดี ฉันมีเวลาไม่มากนัก ฉันกำลังถูกจับตามองอยู่” เทพแห่งผลกรรมพูด

 

“นายออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ได้ยังไง?” หานเซิ่นถาม

 

“พยุหะโลหิตมีหนทางที่จะออกมาเป็นเวลายาวนานแล้ว พวกเราแค่กลับเข้าไปไม่ได้”

เทพแห่งผลกรรมพูดต่อ “แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาถามเรื่องนั้น ฟังที่ฉันพูดให้ดี อย่าบอกให้ใครรู้ว่านายฝึกวิชาโลหิตชีพจรเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นนายอาจจะเจอเข้ากับปัญหา”

 

“ทำไมกัน?” หานเซิ่นถาม

 

“เรื่องมันซับซ้อน ใครบางคนในจักรวาลจีโนกำลังตามล่าสมาชิกของพยุหะโลหิตอยู่ โชคดีที่นายไม่ได้ฝึกวิชาโลหิตชีพจรจนถึงขั้นที่เลือดเปลี่ยนเป็นสีฟ้า” เทพแห่งผลกรรมพูด

 

“คนที่ตามล่าสมาชิกของพยุหะโลหิตในจักรวาลจีโนคือใครกัน? มันมาจากเผ่าพันธุ์ชั้นสูงไหนอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

“มันไม่ใช่เผ่าพันธุ์ชั้นสูง มันเป็นอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น”

เทพแห่งผลกรรมลังเลไปชั่วครู่และเขาก็พูดต่อ “นายรู้จักสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าเทพเจ้าใช่ไหม? เทพเจ้าที่ทีมเจ็ดได้พบน่ะ?”

 

หานเซิ่นสะดุ้ง “หมอนั่นอยู่ในจักรวาลจีโนอย่างนั้นหรอ?”

 

“ใช่ แต่เขาไม่ได้ออกมาจากก็อตแซงชัวรี่เหมือนอย่างพวกเรา จักรวาลนี้คือถิ่นกำเนิดของเขา แค่จำเอาไว้ให้ดีว่าอย่าให้ใครรู้ว่านายฝึกวิชาโลหิตชีพจรเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นนายก็จะตกเป็นเป้าหมายเช่นกัน นายควรจะเป็นคริสตัลไลเซอร์ต่อไป อย่าได้บอกกับใครว่าจริงๆแล้วนายเป็นมนุษย์ นั่นจะเปิดเผยความจริงที่ว่านายมาจากก็อตแซงชัวรี่” เทพแห่งผลกรรมพูด

 

“เขาคืออะไรกันแน่?” หานเซิ่นถาม

 

“ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง ทั้งหมดที่ฉันพอจะบอกได้ก็คือเขาน่ากลัวยิ่งกว่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้า และพวกเราก็ไม่มีหวังจะต่อสู้กับเขาได้ เขาฆ่าสมาชิกของพยุหะโลหิตไปหลายคน จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ พวกเราไม่มีหวังจะโต้กลับแล้ว” เทพแห่งผลกรรมพูด

 

“ตอนนี้มันมีอะไรต่างออกไปอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

“ยีนขั้นสุดยอด” เทพแห่งผลกรรมพูด

 

“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถาม

 

“มีแค่คนที่เก็บยีนขั้นสุดยอดจนเต็มภายในก็อตแซงชัวรี่เท่านั้น ถึงจะต่อกรกับสิ่งมีชีวิตอย่างเขาได้ นั่นคือความหวังเดียวของพวกเรา จนกระทั่งนายแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ อย่าได้เปิดเผยความจริงที่ว่านายฝึกวิชาโลหิตชีพจรเป็นอันขาด” เทพแห่งผลกรรมพูด

 

“ถ้านายรู้เรื่องทั้งหมดนี่ ทำไมนายถึงไม่บอกฉันในตอนที่อยู่ในก็อตแซงชัวรี่?” หานเซิ่นถาม

 

เทพแห่งผลกรรมพูด “ฉันบอกนายแล้วยังไงว่าพวกเราแค่ออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ได้เท่านั้น พวกเรากลับไปไม่ได้ ฉันเพิ่งจะรู้เรื่องนี้จากสมาชิกคนอื่นหลังจากที่มาถึงที่นี่ มันไม่มีเวลาแล้ว ฉันจะติดต่อนายอีกในภายหลัง”

 

สายถูกตัดไปเพียงแค่นั้น หานเซิ่นวางโทรศัพท์ลงและครุ่นคิดกับตัวเอง

‘ถ้าทั้งหมดนี่เป็นความจริง คนที่เรียกตัวเองว่าเทพเจ้านี่เป็นใครกันแน่? เขาเป็นเหมือนกับราชาจุนอย่างนั้นหรอ?’

 

หานเซิ่นคิดอยู่สักพัก แต่เขาก็ไม่ได้บทสรุปอะไร ถึงยังไงซะเขาก็ไม่มีแผนที่จะเปิดเผยวิชาโลหิตชีพจรอยู่แล้ว แต่คำเตือนของเทพแห่งผลกรรมก็ทำให้เขาแน่ใจในเรื่องนั้นยิ่งกว่าเดิม

 

หลังจากที่ครุ่นคิดเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็พยายามโทรกลับไป แต่เหมือนกับก่อนหน้านี้ มันไม่มีใครตอบรับ

 

“สมาชิกของพยุหะโลหิตเข้ามาในจักรวาลจีโนได้เป็นเวลานานแล้ว บางทีจักรพรรดิมนุษย์อาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในจักรวาลจีแห่งนี้ แต่ถึงอย่างนั้นมนุษย์ก็ไม่มีชื่อเสียงอะไร พวกเขาคงจะต้องซ่อนตัวเป็นอย่างดี นี่เทพเจ้าคนนั้นทรงพลังถึงขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย

 

หลังจากที่หานเซิ่นรายงานเกี่ยวกับภารกิจแล้ว เขาก็ได้รับวันหยุดมา

 

ศาสตร์ตงเสวียนและเรื่องราวของยีนของเขายังคงไม่ถึงระดับมาร์ควิส ศาสตร์ตงเสวียนค่อยๆพัฒนาไปอย่างช้าๆ แต่เรื่องราวของยีนหยุดนิ่งไม่ก้าวหน้า เขาไม่สามารถเพิ่มระดับของมันได้ นอกจากเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากปัจจัยภายนอก

 

หานเซิ่นได้พยายามใช้วิญญาณหยกเพื่อพัฒนาเรื่องราวของยีน แต่มันไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ซึ่งมันคงจะต้องใช้เวลาหลายทศวรรษกว่าที่เรื่องราวของยีนจะกลายเป็นระดับมาร์ควิส

 

ขณะที่หานเซิ่นพยายามคิดหาหนทางแก้ปัญญานี้ กระเรียนพันขนก็มาหาเขา พร้อมกับคำสั่งจากทางปราสาทนภา

 

“ท่านผู้นำบอกให้ข้าไปที่เผ่าเฟเธอร์?” หานเซิ่นมองกระเรียนพันขนอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

ผู้นำของปราสาทนภารู้ถึงความบาดหมางของเฟเธอร์ต่อหานเซิ่น เมื่อคำนึงถึงความสัมพันธ์ของเขากับข่งเฟย และมันยังมีเหตุการณ์เกี่ยวกับมีดขนนกโลหิตอีก

 

“ใช่แล้ว ท่านผู้นำต้องการให้เจ้าเป็นทูตของปราสาทนภาเพื่อไปเยือนเผ่าเฟเธอร์ นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสระแห่งการเกิดใหม่ของโฮลี่เฮฟเว่นหรือเปล่า? ถ้าเจ้าเป็นทูตไปที่นั่น เจ้าก็จะใช้มันได้” กระเรียนพันขนพูด

 

“เจ้าหมายถึงสระที่แองเกียใช้เพื่อลบล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเรียนรู้น่ะหรอ? ข้าไม่ได้ต้องการเกิดใหม่ การทำแบบนั้นจะไปมีประโยชน์อะไร?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset