Super God Gene – ตอนที่ 2106

หานเซิ่นยื่นมือออกไปเพื่อจะสัมผัสกับพลังงานที่พุ่งขึ้นมา ตอนนี้มันสมเหตุสมผลที่สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าสระแห่งการเกิดใหม่ นั่นเป็นเพราะพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นหนาแน่นเหมือนกับของเหลว

 

เมื่อหานเซิ่นสัมผัสกับพลังงานนั้น เขาก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังถูกครอบงำด้วยฮอร์โมนที่พรั่งพรูขึ้นมา มันทำให้เซลล์ทั้งหมดของเขาเต้นตุบๆราวกับว่ากำลังจะระเบิด

 

หานเซิ่นรีบใช้เรื่องราวของยีนเพื่อจะดูดซับพลังงานนั้นเข้าไป

 

แองเจล่าและแอนโดล่าก็เริ่มดูดซับพลังนั้นเข้าไปเช่นกัน แต่ทว่านี่ยังไม่ใช่พลังงานที่แท้จริงของสระแห่งการเกิดใหม่ มันเป็นเพียงแค่สสารเพื่อเตรียมพวกเขาสำหรับอาหารมื้อหลัก

 

ก่อนหน้านี้ปีกของนางฟ้าห่อมาข้างหน้า ทำให้มองไม่เห็นส่วนอื่นของรูปปั้น แม้แต่แขนของรูปปั้นก็ถูกซ่อนเอาไว้

 

แต่ตอนนี้เมื่อรูปปั้นนางฟ้ากางปีกออก มันก็เผยให้เห็นมือของรูปปั้นที่กำลังถือหม้อน้ำหินอยู่ พลังงานที่เก็บอยู่ภายในหม้อน้ำหินนั้นคือเหตุผลที่พวกเขามาที่นี่ หลังจากผ่านไปไม่นาน พลังงานของเหลวก็เริ่มไหลออกมาจากหม้อน้ำและแพร่กระจายออกไป

 

หานเซิ่นดูดซับพลังงานของเหลวเข้าไป และในขณะที่ทำแบบนั้น เขาก็ได้ยินเสียงแตกฟองจากภายในหม้อน้ำหิน หลังจากนั้นไม่นานบางอย่างสีขาวก็ออกมาจากหม้อน้ำ

 

ก่อนที่หานเซิ่นจะเห็นว่ามันคืออะไร ร่างกายของแองเจล่าและแอนโดล่าก็เริ่มเรืองแสงสีขาวขึ้นมา พวกเขาดูเหมือนกับเทวดาศักดิ์สิทธิ์

 

หานเซิ่นมองดูอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะเห็นว่าวัตถุสีขาวที่ออกมาจากหม้อคืออะไร

 

วัตถุสีขาวมีขนาดพอๆกับผ่ามือ และเมื่อเขามองดูใกล้ๆ เขาก็เห็นว่ามันเป็นไข่ที่มีปีกของนางฟ้า

 

ในตอนแรกมันจะบินวนรอบๆรูปปั้นนางฟ้า แต่ไม่นานมันก็สังเกตเห็นพลังของแองเจล่ากับแอนโดล่า และด้วยเหตุนั้นมันจึงบินเข้าไปหาแองเจล่า

 

หานเซิ่นรู้ว่าสิ่งนั้นก็คือพลังแห่งการเกิดใหม่ โชคดีที่ก่อนเดินทางมาผู้นำของปราสาทนภาได้บอกหานเซิ่นเกี่ยวกับวิธีที่จะชิงพลังนั้นมาเป็นของตัวเอง

 

พลังแห่งการเกิดใหม่นั้นแปลกประหลาด มันไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นจะชิงไปได้ด้วยพละกำลัง เขาจำเป็นต้องดึงดูดมันมาหาด้วยพลังชีวิตของตัวเอง ซึ่งโดยปกติแล้วเฟเธอร์จะดึงดูดและดูดซับพลังแห่งการเกิดใหม่ได้ดีที่สุด แต่ผู้นำของปราสาทนภาได้สอนวิธีการบางอย่างให้กับหานเซิ่น หานเซิ่นทำตามคำสั่งที่ได้รับและเริ่มร่ายเรื่องราวของยีน

 

‘มันจะได้ผลจริงๆไหมนะ?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

วิธีการที่ผู้นำของปราสาทนภาสอนให้กับเขาเป็นอะไรที่ง่ายๆ มันง่ายซะจนหานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อ

 

หานเซิ่นเริ่มร่ายเรื่องราวของยีน หลังจากนั้นแสงเทพก็ก่อตัวเป็นรูปร่างของแหวน มันเป็นวงแหวนที่มีขนาดเท่ากับหัวของหานเซิ่นพอดี ในมุมมองหนึ่ง มันดูเหมือนกับมีคันฉ่องเกาะอยู่เหนือหัวของเขา

 

เมื่อหานเซิ่นสร้างวงแหวนขึ้นมา พลังแห่งการเกิดใหม่ก็หักเลี้ยวออกจากแองเจล่าและบินตรงเข้ามาหาวงแหวนของหานเซิ่นแทน

 

เมื่อเห็นพลังแห่งการเกิดใหม่มุ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่น พวกผู้อาวุโสของเฟเธอร์ยังคงใจเย็น พวกเขารู้ว่าคนอย่างหานเซิ่นไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายๆ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่พวกเขาจำเป็นต้องให้แองเจล่าและแอนโดล่ามาจัดการ

 

เมื่อเห็นว่าพลังแห่งการเกิดใหม่บินไปหาหานเซิ่น แองเจล่าและแอนโดล่าก็มองหน้ากัน แอนโดล่าพยักหน้าและหลังจากนั้นเงาเทวดาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีทอง

 

ตูม!

แอนโดล่าก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและกางแขนกับปีกออก ในท่าทางที่ดูเหมือนกับว่าเขากำลังต้อนรับความรุ่งโรจน์ของเช้าวันใหม่ เขาปลดปล่อยรัศมีสีทองออกมาราวกับว่าเขาเป็นเทวดาที่ศักดิ์สิทธิ์

 

ทุกคนเห็นว่าแอนโดล่าวิวัฒนาขึ้นไปสู่ระดับดยุก พลังชีวิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และเขาก็สามารถดึงดูดพลังแห่งการเกิดใหม่ได้ดียิ่งกว่าเดิม

 

เมื่อเห็นรัศมีสีทองของแอนโดล่า ยวิ๋นฉางคงก็คิดกับตัวเอง ‘นั่นมันแสงเทพดาแห่งการพิพากษาที่เป็นเทคนิคต้องห้ามของเฟเธอร์หนิ ถ้าจำไม่ผิดเมื่อหลายศตวรรษก่อนมันมีพี่น้องคู่หนึ่งที่เรียนรู้เทคนิคต้องห้ามนี้ นี่พวกเขาคือ..?’

 

ยวิ๋นฉางคงมองดูแอนโดล่าและแองเจล่าด้วยสีหน้าที่มืดมน

‘ถ้าพวกเขาเป็น 2 พี่น้องนั่นจริงๆ หานเซิ่นก็จะตกอยู่ในอันตราย แม้แต่วงแหวนที่ท่านผู้นำสอนให้กับเขาก็ไม่พอที่จะเอาชนะ 2 พี่น้องนี่ได้’

 

เมื่อเทวดาสีทองของแอนโดล่าปรากฏขึ้นมา พลังแห่งการเกิดใหม่ที่กำลังบินเข้าไปหาหานเซิ่นก็หยุดนิ่งไป ไข่มีปีกเริ่มสับสน เนื่องจากไม่แน่ใจว่าควรจะไปทางไหนดี

 

ขณะที่เป็นแบบนั้น มันก็มีเสียงแตกดังขึ้นมาอีกครั้ง และไม่นานไข่อีกฟองก็บินออกมาจากหม้อ แต่มันก็มีท่าทางเหมือนกับไข่ก่อนหน้าที่สงสัยว่าควรจะบินไปทางไหนดี

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาใช้วงแหวนที่ผู้นำของปราสาทนภาสอนให้แล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่พอที่จะดึงดูดพลังแห่งการเกิดใหม่

 

แอนโดล่าเสริมพลังให้กับแสงเทวดาสีทองขึ้นเรื่อยๆเพื่อจะเอาชนะวงแหวนของหานเซิ่น แต่มันยังคงไม่มีฝ่ายไหนที่สามารถดึงดูดพลังแห่งการเกิดใหม่ไปเป็นของตัวเองได้

 

ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่และคนอื่นๆดีใจที่ตัดสินใจเลือกพี่น้องแองเจล่าและแอนโดล่า พวกเขารู้ว่าดยุกธรรมดาจะต้องพ่ายพ้ายให้กับหานเซิ่นอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาเห็นว่ามันยากลำบากแค่ไหนที่แอนโดล่าจะเอาชนะหานเซิ่น พวกเขาก็รับรู้ว่าแรงดึงดูดของวงแหวนนั่นทรงพลังมากขนาดไหน

 

แต่ถึงสถานการณ์จะดูตึงเครียด พวกเขาก็ดูไม่ได้กังวลอะไร เพราะแองเจล่ายังคงไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ ถ้าพี่น้องใช้พลังของพวกเขาพร้อมๆกัน พวกเขาก็มั่นใจว่าจะทำให้หานเซิ่นพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

 

ยวิ๋นฉางคงขมวดคิ้ว วงแหวนของผู้นำของปราสาทนภานั้นทรงพลัง แต่เรื่องราวของยีนของหานเซิ่นเพิ่งเป็นแค่ระดับเอิร์ลเท่านั้น แถมมันยังมีแองเจล่าอีกคนที่ต้องรับมือ นั่นหมายความว่าโอกาสที่หานเซิ่นจะชนะนั้นแทบไม่มีเลย

 

ขณะที่หานเซิ่นและแอนโดล่ากำลังต่อสู้กันนั้น ไข่มีปีกอีกหลายฟองก็บินออกมาจากหม้อและติดแหง็กอยู่ระหว่างทั้ง 2 คน

 

แองเจล่าเดินข้างๆแอนโดล่าและสัมผัสหัวของเขา หลังจากนั้นเงาเทวดาของแองเจล่าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองเช่นกัน ในที่สุดแองเจล่าก็ดูดซับพลังงานของเหลวเข้าไปมากพอที่จะกลายเป็นดยุก

 

หลังจากนั้นแองเจล่าก็เริ่มส่งพลังเข้าไปในตัวของแอนโดล่า แสงเทวดาสีทองของเขาอ่อนลงเรื่อยๆ ขณะที่แสงเทวดาสีทองของแอนโดล่านั้นเจิดจ้าขึ้น

 

สมดุลระหว่างแสงเทวดาสีทองของแอนโดล่าและวงแหวนของหานเซิ่นถูกทำลาย พลังแห่งการเกิดใหม่เริ่มกระพือปีกและบินตรงเข้าไปหาแอนโดล่า

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset