Super God Gene – ตอนที่ 2136

“ไผ่เดียวดาย!” ใบหน้าของผู้นำปราสาทนภาซีดไป

 

และมันก็ไม่ใช่แค่ผู้นำของปราสาทนภาคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น ทุกคนที่มองดูการต่อสู้อยู่ตกตะลึง ภายใต้ชุดเกราะสีม่วงขาวไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นไผ่เดียวดายของปราสาทนภา

 

คนคนหนึ่งไม่สามารถเข้าร่วมบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน 2 ตัวตนได้ ไผ่เดียวดายถูกเห็นว่าเข้าร่วมแข่งขันเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาไม่มีทางปลอมตัวเป็นเนตรมารได้

 

หลังจากเวลาผ่านไปชั่วครู่ ทุกคนก็เริ่มรู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

ผู้นำปราสาทนภามีปฏิกิริยาเร็วที่สุด เขาทุบโต๊ะตรงหน้าอย่างความรุนแรงจนมันสลายมันกลายเป็นผุยผง เสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

“เนตรมาร! ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร สำหรับกรรมในครั้งนี้ ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้!”

 

มันมีไม่กี่อย่างเท่านั้นที่จะทำให้ผู้นำปราสาทนภามีท่าทางแบบนี้ และไผ่เดียวดายก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

ตอนนี้หานเซิ่นรู้แล้วว่าทำไมการมองไปที่เนตรมารถึงทำให้เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคย นั่นเป็นเพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือไผ่เดียวดาย

 

“ไม่ใช่ มันเป็นแค่ร่างของไผ่เดียวดายเท่านั้น”

 

“ไม่แปลกใจเลยที่ไผ่เดียวดายไม่ได้ปรากฏตัวในการต่อสู้”

หานเซิ่นจ้องไปยังเนตรมารที่ตอนนี้สวมใบหน้าของใครบางคนที่เขาคุ้นเคย

 

เนตรมารจ้องไปที่หานเซิ่น ดวงตาของเขาเปล่งรัศมีที่ชั่วร้ายออกมา เปลวไฟสีม่วงเริ่มลุกโชติช่วงออกมาจากร่างของเขา

 

“ดี ดีมากๆ เจ้ากดดันข้าได้ถึงขนาดนี้ เจ้าเป็นคนเดียวที่ทำแบบนี้กับข้าได้ในรอบหนึ่งล้านปี!” เนตรมารเปล่งเสียงออกมาผ่านช่องว่างของฟันที่กัดอยู่ ท่าทางที่เขาพูดออกมานั้นทำให้ผู้ชมรู้สึกหนาว

 

มันเป็นเวลากว่าหนึ่งล้านปีแล้วที่เนตรมารไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นความตาย ถ้าเขาไม่ใช้พลังต้องห้ามเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีก่อนหน้านี้ เขาก็คงจะกลายเป็นผุยผงไปพร้อมกับชุดเกราะแล้ว

 

ในดวงตานภาของเนตรมาร รูม่านตาที่ดูเหมือนกับดอกไม้เริ่มจะเหี่ยวเฉา บางสิ่งกำลังรั่วไหลออกมาและว่ายวนในดวงตาของเขา และเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงนั้น มันก็ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มมีควันสีม่วงรั่วไหลออกมา

 

“ใครสักคนจะต้องมาปราบเจ้าในที่สุด ฉะนั้นแล้วทำใจให้เคยชินกับมันซะ” หานเซิ่นพูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึม

 

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกแย่ที่ไม่สามารถฆ่าเนตรมารได้สำเร็จ แต่ในตอนนี้เขารู้สึกดีใจที่ทำไม่สำเร็จ ถ้าการโจมตีของเขาฆ่าเนตรมารไปล่ะก็ ร่างกายของไผ่เดียวดายก็จะถูกทำลายไปด้วย

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่จากความรู้สึกเขาคิดว่านั่นเป็นร่างของไผ่เดียวดายจริงๆ

 

“เจ้าพูดถูก มันจะเกิดขึ้นในที่สุด แต่เจ้ากับข้ามันแตกต่างกัน เจ้าจะไม่มีโอกาสที่ 2 หรือ 3 เพราะเจ้าจะตายในเพียงแค่ครั้งเดียว” เนตรมารพูด หลังจากนั้นรูม่านตาทั้ง 4 ของเขาก็แตกกระจาย

 

พลังมหาศาลทะลักออกมาจากดวงตาของเขาและเปลี่ยนดวงตานภาของเขาเป็นคริสตัลสีม่วง พวกมันเป็นเหมือนกับอัญมณีสีม่วงที่แวววาว

 

รอยอักขระสีม่วงจำนวนมากเขียนตัวเองบนร่างกายของเนตรมาร หลังจากนั้นพวกเขาก็จุดตัวเองลุกเป็นไฟ ดอกไม้สีม่วงตามร่างกายของเขาเริ่มที่จะกลายเป็นจริง มันเปลี่ยนจากกระดูกไปเป็นพืชจริงๆ กลีบดอกไม้แพร่ไปตามร่างกายของเขาและเชื่อมต่อกันเป็นชุดเกราะชุดใหม่

 

เนตรมารคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากนั้นแสงสีม่วงก็ถูกวาดมาเชื่อมต่อกันเป็นปีกผีเสื้อสีม่วงคู่หนึ่ง บนแต่ละปีกมีสัญลักษณ์รูปดวงตาอยู่ และพวกมันก็กำลังเรืองแสงสีม่วงออกมา

 

เมื่อชุดเกราะดอกไม้และปีกฝีเสื้อปรากฏขึ้นมา พลังของเนตรมารก็เพิ่มขึ้นไปอีก มันยากที่จะบอกได้ว่าเขาแข็งแกร่งถึงขนาดไหนแล้ว

 

“ผีเสื้อเนตรม่วง!” ผู้อาวุโสหลายคนที่ดูการต่อสู้อยู่อดไม่ได้ที่จะอุทานชื่อนั้นออกมา

 

“เนตรมารจริงๆแล้วก็คือผีเสื้อเนตรม่วงหรอเนี่ย? เจ้านั่น” ในมุมมืดของเซเคร็ด เฒ่าอินทรีมองไปที่เนตรมารพร้อมกับกัดฟัน

 

“นี่เขายังไม่ตายหรอเนี่ย?” อาเหมยขมวดคิ้ว

 

ภายในปราสาทนภา ผู้หญิงสวมหน้ากากก็อุทานออกมาเช่นกัน

“หนึ่งในสิบขุนพลของเซเคร็ด ผีเสื้อเนตรม่วง! นี่เขาคือเนตรมารอย่างนั้นหรอ? มิน่าล่ะเขาถึงไปเกิดใหม่ได้นับครั้งไม่ถ้วน”

 

ผู้นำของปราสาทนภายังคงโกรธ “ถึงแม้เขาจะเป็นหัวหน้าของเซเคร็ดมาเกิดใหม่ แต่เขาใช้มืออันสกปรกมาแตะต้องลูกศิษย์ของข้า ด้วยความผิดนั้นข้าจะฆ่าเขาด้วยมือของข้าเอง”

 

บนดาวของบุดด้า เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าตกตะลึงเช่นกัน

“ขุนพลของเซเคร็ดผีเสื้อเนตรม่วงยังไม่ตายหรอเนี่ย? นี่มันเป็นอะไรที่น่าสนใจ”

 

“ผีเสื้อเนตรม่วงเก็บตัวในรังไหมเพียงเพื่อจะกลายเป็นผีเสื้อ มันเป็นเพราะเรื่องนี้เขาถึงเหมือนกับเป็นอมตะ แต่ทุกครั้งที่เขากำเนิดใหม่ เขาจะต้องเสร็จสิ้นขั้นตอนสุดท้าย และทุกๆครั้งเขาก็ไปไม่ได้ไกลกลายกว่าการกลายเป็นเทพเจ้า”

ในหลุมดำแห่งหนึ่ง เดม่อนคนหนึ่งหัวเราะกับตัวเอง เขามองไปที่เนตรมารด้วยความดูถูก

 

ยอดฝีมือทั่วจักรวาลต่างมองไปที่ร่างจริงของเนตรมารด้วยความคิดที่แตกต่างกันออกไป

 

ร่างกายเนตรมารกำลังเปลี่ยนแปลงไป เขามองไปที่คู่ต่อสู้และพูดด้วยความโกรธ

“ข้าต้องการหาร่างกายที่แข็งแกร่งก่อนจะกลายเป็นผีเสื้อ แต่เป็นเพราะเจ้า ข้าต้องมาเสียร่างผีเสื้อกับภาชนะนี้ นอกจากนั้นตอนนี้ข้าก็หาภาชนะใหม่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่นั่นไม่เป็นไร ข้ายังคิดว่าร่างนี้เพียงพอ เมื่อข้ารวมและดูดซับมันได้อย่างสมบูรณ์แล้วล่ะก็ ข้าก็จะฆ่าเจ้า”

 

ขณะที่เนตรมารกำลังพูด สัญลักษณ์รูปดวงตาสีม่วงก็ส่องสว่างออกมา แสงสว่างสาดส่องไปทั่วบริเวณด้วยลำแสงที่เจิดจ้า มันดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยง แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็รวบรวมพลังเพื่อป้องกันมันอยู่ดี แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ได้ผล

 

หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกล่าม เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกต่อไป เขาทำไม่ได้แม้แต่จะปิดเปลือกตาตัวเอง

 

หานเซิ่นมีร่างกายที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเผ่าพันธุ์ดราก้อนเลย และพลังในการปิดผนึกก็ไม่ได้ผลกับเขา แต่ถึงอย่างนั้นแสงสว่างจากลวดลายรูปดวงตาก็ทรงพลังพอที่จะเจาะทะลุการป้องกันและปิดผนึกการเคลื่อนไหวของเขา

 

หานเซิ่นอยากจะใช้พลังของตัวเองเพื่อหนีไป แต่การทำแบบนั้นเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ และเขาก็ไม่สามารถทำลายมันได้เช่นกัน

 

“เนตรแสงสีม่วงไม่ใช่แค่เทคนิคในการปิดผนึกธรรมดาๆ ถึงแม้คนที่ถูกล่ามจะเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้า มันก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะได้ ซึ่งดอลลาร์เป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง มันจึงไม่มีแม้แต่ความหวังที่เขาจะฉีกกระดาษเพื่อหนีไปได้อีกแล้ว” ผู้นำปราสาทนภาจ้องไปที่ผีเสื้อเนตรม่วงพร้อมกับคิดหาหนทางที่จะฆ่าผีเสื้อเนตรม่วงไปอย่างถาวร

 

เนตรมารมองหานเซิ่นอย่างเลือดเย็นและเริ่มกระพือปีกสีม่วงเพื่อบินเข้าไปหาหานเซิ่น “ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจที่ได้เกิดมา”

 

เมื่อเนตรมารบินเข้าไปมา หานเซิ่นก็ยังคงถูกผนึกอยู่ เขาเริ่มคิดกับตัวเอง

‘ดูเหมือนตัวเลือกเดียวของเราในตอนนี้ก็คือใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด แต่ถึงจะทำแบบนั้นได้ เราก็ช่วยไผ่เดียวดายไม่ได้อยู่ดี’

 

ในจังหวะที่หานเซิ่นกำลังจะใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด ทันใดนั้นเขาสังเกตก็เห็นว่าเนตรมารหยุดชะงักไป และดวงตาคริสตัลสีม่วงบนหน้าผากของเนตรมารก็เริ่มมีเลือดไหลออกมา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset