Super God Gene – ตอนที่ 2153

 

คลีนส์มันนั้นชาญฉลาด เขารีบออกมาจากรูปปั้นเบรกสกายเพื่อหนีไป แต่เมื่อรูปปั้นโลหะของเขาถูกกลืนกินเข้าไป ลิ้นของอสูรตัวน้อยก็ยื่นออกมารัดตัวของคลีนส์มันที่กำลังอยู่กลางอากาศ หลังจากนั้นมันก็ลากเขาเข้าไปในปากของมัน คลีนส์มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะกรีดร้องออกมา

 

หานเซิ่นคิดว่ารูปปั้นเบรกสกายจะถ่วงเวลาอสูรโลหะได้มากพอให้พวกเขาหนีออกไปจากเมืองได้ แต่เมื่อเขาหันกลับไปมองด้านหลัง เขาก็สังเกตเห็นว่าพวกมันทั้งหมดถูกกินไปหมดแล้ว

 

สีหน้าของหานเซิ่นหม่นหมอง เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าตอนนี้อสูรโลหะตัวน้อยหันมามองทางพวกเขา

 

ในตอนแรกร่างกายของมอนสเตอร์ตัวนั้นค่อนข้างจ้ำม่ำ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนกับปีศาจที่กระหายเลือด เมื่อมันหันมาทางพวกเขา ทุกคนก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา

 

“กระจายตัวกันออกไป!” ข่านตะโกน ก่อนที่จะหันหนีไปในทิศทางหนึ่ง

 

เผ่าพันธุ์อื่นๆก็รู้สึกตัวว่าการกระจายตัวกันออกไปเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะถ้าพวกเขาวิ่งหนีไปด้วยกัน อสูรตัวน้อยก็จะกลืนกินพวกเขาทั้งหมดเข้าไปได้ในคำเดียว การกระจายตัวกันออกไปมีโอกาสทำให้พวกเขาบางส่วนหนีรอดไปได้

 

อวี้เอียะใช้เครื่องหมายดาบเพื่อแจ้งให้ศิษย์ของปราสาทนภาทุกคนกระจายกันออกไป พวกเขาแบ่งกันออกไปเป็นสิบทีม

 

ทีมของหานเซิ่นมี 9 คน และเมื่อเขาหันกลับไปมอง สีหน้าของเขาก็มืดมน อสูรตัวน้อยกำลังส่ายก้นและวิ่งตรงมาทางทีมของพวกเขา

 

“เวรเอ๊ย! ทำไมเราถึงได้โชคร้ายขนาดนี้! มันมีมาร์ควิสตั้งมากมาย แต่ทำไมมันถึงต้องเลือกพวกเราด้วย?” หานเซิ่นรู้สึกว่าตัวเองดวงซวย

 

อสูรตัวน้อยสามารถกลืนกินเบรกสกายเข้าไปราวกับว่าขนมขบเคี้ยว ดังนั้นหานเซิ่นไม่คิดว่าใบเสมาราชาแมลงปีศาจจะทำอะไรเพื่อหยุดมันได้

 

“แยกกันออกไป!” หานเซิ่นไม่มีทางเลือก นอกจากสลายทีม เขาต้องการทำให้แน่ใจว่าคนของเขาจะรอดชีวิตไปได้มากที่สุด

 

แต่อสูรโลหะดูเหมือนกำลังเล่นกับพวกเขา เพราะมันไม่ได้ไล่ตามพวกเขาด้วยความเร็วสูงสุด ไม่อย่างนั้นมันก็คงไล่ตามพวกเขาทันแล้ว

 

ศิษย์ของปราสาทนภารับคำสั่งและแยกย้ายกันออกไปคนละทาง แต่เมื่อหานเซิ่นหันกลับไปมองตัวกินโลหะอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็ซีดไป เนื่องจากมอนสเตอร์ตัวน้อยยังคงไล่ตามเขามาอยู่

 

“ครั้งต่อไป ฉันจะไม่ร่วมมือกับใครทั้งนั้น! นี่มันโชคร้ายจริงๆ มันมีผู้คนอยู่ที่นี่ตั้งหลายร้อยคน และฉันก็ไม่ใช่คนที่ตัวใหญ่หรืองดงามที่สุด ดังนั้นทำไมมันดึงได้เลือกไล่ล่าฉันด้วย?” หานเซิ่นให้เป่าเอ๋อปล่อยคลาวด์บีสต์สีแดงออกมา หลังจากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปขี่หลังของมัน

 

หางของคลาวด์บีสต์สีแดงเป็นเหมือนไอพ่น ขณะที่มันพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่าดยุกส่วนใหญ่

 

แต่ถึงแบบนั้นอสูรตัวน้อยก็สามารถไล่ตามได้อย่างง่ายดาย และมันก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ

 

“ทำไมแกถึงไม่ไปตามคนที่ช้ากว่า? ทำไมต้องเป็นฉันด้วย!” ในตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกหดหู่อย่างมาก

 

ขณะที่อสูรตัวน้อยเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี โชคดีที่อสูรตัวน้อยดูเหมือนจะไม่ได้เร่งรีบกินเขา มันดูเหมือนกับแมวที่กำลังพยายามไล่จับหนู

 

แต่เมื่อมันเห็นว่าหานเซิ่นใกล้จะหนีออกไปจากเมืองไจแอนท์เมทัลก็อตได้แล้ว อสูรตัวน้อยก็ตัดสินใจเร่งความเร็วขึ้น

 

มันอ้าปากที่น่าสะพรึงกลัวขึ้น และมันไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้เพื่อกลืนกินหานเซิ่น เพราะลิ้นของมันสามารถจับตัวของเขาได้อย่างง่ายดาย

 

เคร๊ง!

 

หานเซิ่นตัวสินใจเรียกใบเสมาราชาแมลงปีศาจออกมาเพื่อป้องกันลิ้นของอสูรตัวน้อย โชคดีที่อสูรตัวน้อยเลือกใช้ลิ้นในการโจมตี เพราะใบเสมาของเขาเพียงแค่สั่นสะเทือนและส่งเสียงแตกร้าวเท่านั้น แต่มันก็ดูพร้อมที่จะแตกกระจายได้ทุกเมื่อ

 

หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา และเนื่องจากอสูรตัวน้อยไม่สามารถจับตัวของหานเซิ่นได้ด้วยลิ้น มันก็ขยายปากออกเป็นวงกว้าง

 

หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยปากนั้น เขาลบเครื่องหมายดาบของอวี้เอียะทิ้งไปและใช้วิชาโลหิตชีพจร ในขณะเดียวกันเป่าเอ๋อก็ดูดคลาวด์บีสต์สีแดงกลับเข้าไปในน้ำเต้า หลังจากนั้นพวกเขาก็เทเลพอร์ตกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่

 

หานเซิ่นปรากฏตัวในบ้านที่สหพันธ์ดวงดาว เขาลูบหัวเป่าเอ๋อที่อยู่บนไหล่และถอนหายใจออกมา

 

“โชคดีที่เอาตัวรอดมาได้ แต่ถ้าเรายังออกจากเมทัลเวิลด์ไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร หรือว่าบางทีเราควรจะออกไปโดยใช้ประตูของก็อตแซงชัวรี่? แต่ถ้าแบบนั้นเราก็จะไปอยู่ในระบบที่รกร้างว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยอันตราย”

 

หานเซิ่นรู้ว่านั่นเป็นตัวเลือกที่เลวร้ายยิ่งไปกว่าการกลับไปที่เมทัลเวิลด์ซะอีก เมทัลเวิลด์มีศัตรูที่น่ากลัวแค่ตัวเดียว แต่ภายในระบบที่รกร้างว่างเปล่ามีศัตรูที่น่ากลัวเยอะกว่านั้นมาก

 

“เราคงจะต้องรออีกสักพัก หวังว่าในตอนที่เรากลับไป มอนสเตอร์นั่นจะเบื่อและกลับลงไปในหลุมที่มันออกมาแล้ว” หานเซิ่นพยายามปลอมตัวเอง

 

แต่หลังจากนั้นหานเซิ่นก็คิดได้ ‘มอนสเตอร์ตัวนั้นเป็นชนิดเดียวกันกับตัวกินโลหะ แบบนั้นพวกมันจะสื่อสารกันได้ไหมนะ? ถ้าเราจะพาตัวกินโลหะไปเพื่อต่อรองกับมัน บางทีมันอาจจะยอมปล่อยพวกเราไป’

 

หลังจากที่คิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็พาเป่าเอ๋อไปหาตัวกินโลหะ

 

ตัวกินโลหะนั้นอาศัยอยู่ในโกดังล้างแห่งหนึ่งที่หานเซิ่นซื้อเอาไว้ เขาก็อยากจะพามันไปอยู่ด้วย แต่เจ้าตัวน้อยอยากจะอยู่ร่วมกับโลหะ หานเซิ่นจำเป็นต้องซื้อเหล็กมาใส่ในโกดังอยู่เสมอๆ และนอกจากโลหะที่เจ้าตัวกินโลหะทำเป็นบ้านของมันแล้ว มันก็กินโลหะอื่นที่เหลือจนหมด

 

โชคดีที่หานเซิ่นร่ำรวยมากๆ ไม่อย่างนั้นตัวกินโลหะแค่ตัวเดียวก็สามารถทำให้ครอบครัวธรรมดาถังแตกได้เลย ตัวกินโลหะได้ฝึกวิชาคอนซูมที่หานเซิ่นนำกลับมา ทำให้ตอนนี้ร่างกายโลหะของมันเปลี่ยนเป็นสีดำ

 

ในตอนนี้ตัวกินโลหะกำลังนอนอยู่บนเตียงเหล็ก มันเหมือนกับมังกรที่หลบไหลบนอยู่กองทรัพย์สมบัติ

 

มันไม่ได้ตัวใหญ่อะไร มันมีความยาวเพียงแค่ 2 เมตรเท่านั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะมันฝึกวิชาคอนซูม ทำให้ตัวของมันเล็กกว่าที่ควรจะเป็น

 

เมื่อหานเซิ่นเข้าไปในโกดัง ตัวกินโลหะก็ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล มันวิ่งเข้ามาและใช้ลิ้นเลียขาของหานเซิ่น

 

หานเซิ่นลูบหัวของตัวกินโลหะด้วยความรู้สึกผิด หลังจากที่เขาลักพาตัวมันมา มันก็สูญเสียการติดต่อกับตัวอื่นๆในสายพันธุ์ หลังจากนั้นเขาก็นำมันออกมายังสหพันธ์อีก เขาจึงรู้ว่าเจ้าตัวกินโลหะไม่มีวันได้เห็นเพื่อนๆของมันอีก แถมหานเซิ่นยังไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกับมัน ดังนั้นถ้ามันต้องการจะพูดคุย มันก็ทำได้แค่หาสิ่งมีชีวิตอื่นที่อาศัยอยู่รอบๆโกดังเท่านั้น

 

แต่ตัวกินโลหะมีบุคลิกที่เงียบขรึม และมันก็ชอบใช้เวลานอนหลับบนแผ่นเหล็กมากกว่า มันไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นมากนัก

 

เมื่อหานเซิ่นสังเกตมันดูดีๆแล้ว เขาก็พบว่านอกจากสีและขนาดตัว พวกมันก็เหมือนกันมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์

 

‘ถ้าเราหนีออกจากเมทัลเวิลด์ไม่ได้จริงๆ เราจะพาตัวกินโลหะไปพูดกับอสูรโลหะน้อยตัวนั้น มันยังไม่ได้สร้างชุดเกราะจีโน ดังนั้นถ้าสถานการณ์ดูไม่ดี เราก็จะพามันกลับเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ได้เสมอ มันไม่มีความจำเป็นที่เราต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของมันที่นั่น’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

หานเซิ่นคิดจะพาตัวกินโลหะไปเดินเล่นก่อน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ชอบทำอะไรแบบนั้น มันกลับไปนอนต่อบนแผ่นเหล็ก

 

หานเซิ่นแวะไปดูสิ่งมีชีวิตอื่นรอบๆโกดังและตรวจเช็คสิ่งต่างๆที่เขาเก็บสะสมเอาไว้ เขาพบว่าหนึ่งในสิ่งของสำคัญที่เขาเก็บเอาไว้ได้หายไป ซึ่งมันก็คือร่างของเรเวนอาทิตย์

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset