Super God Gene – ตอนที่ 2165

“นี่เขาคงจะไม่เลียนแบบราชินีแห่งมีดและตัวเอาส่วนยอดของภูเขาไปหรอกใช่ไหม?” ผู้หญิงหน้ากากสีดำถามขึ้นมา เธอยืนอยู่ข้างๆผู้นำของปราสาทนภาขณะที่หัวของเธอเอียงไปด้านข้างเล็กน้อย

 

“ข้ากลัวว่าพวกเขาทั้งคู่จะทำแบบเดียวกัน” ผู้นำของปราสาทนภาสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา เมื่อคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หานเซิ่นอาจจะทำ

 

ผู้หญิงสวมหน้ากากหัวเราะและพูด “หานเซิ่นแข็งแกร่งก็จริง แต่เขาเพิ่งจะกลายเป็นมาร์ควิสได้ไม่นาน ราชินีแห่งมีดเป็นดยุกในตอนที่นางจากไป ดังนั้นเขาถือว่าอ่อนแอกว่ามาก แม้แต่ราชินีแห่งมีดก็ยังตัดได้แค่ส่วนเล็กของยอดภูเขา และตอนนี้เมื่อยอดของภูเขาหนา 7-8 เมตร ถึงหานเซิ่นจะใช้พลังทั้งหมดของเขา อย่างมากเขาก็ทำได้แค่ตัดหินก้อนน้อยๆออกไปเท่านั้น เจ้ากังวลมากเกินไปแล้ว”

 

“เจ้าพูดถูก ปราสาทนภามีทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ข้าจะให้เขาเอาพวกมันไปได้ มันจะมากสักแค่ไหนกัน? นี่เหมือนกับมดแกว่งอุ้งเท้าใส่ต้นไม้” ผู้นำของปราสาทนภาพูดเพื่อแสดงความมั่นใจ

 

ผู้นำของปราสาทนภาไม่สามารถหยุดหานเซิ่นจากการทำแบบนั้นได้ เพราะนี้มันเป็นธรรมเนียมดั้งเดิมของศิษย์ทุกคนที่จะไปจากปราสาทนภา และหานเซิ่นก็ไม่ใช่คนเดียวที่พยายามจะทำอะไรแบบนั้น

 

และยังไงซะทางปราสาทนภาก็ไม่ได้ขาดแคลนหินมหาสมุทร เพราะถ้าพวกเขาขาดแคลนพวกมันล่ะก็ พวกเขาก็คงจะไม่ใช้พวกมันเป็นแค่อนุสาวรีย์มหาสมุทร

 

ซึ่งแม้แต่ศิษย์ที่เก่งกาจของปราสาทนภาก็ยังได้รับเพียงแค่หินชิ้นน้อยๆที่หลุดออกมาจากการสลักลงบนกำแพง มันมีเพียงแค่อี๋ซาคนเดียวที่สามารถตัดยอดภูเขาจนขาดออกมาได้ มันไม่เคยมีใครทำได้แบบเธอมาก่อน

 

ตอนนี้ทุกคนจับต้องไปที่หานเซิ่นที่ยังคงยืนนิ่งอยู่บนก้อนเมฆสีแดงของเขา เขามองลงมาที่ยอดของภูเขา แต่เขายังคงไม่กล้าลงไปหามัน

 

หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและหินมหาสมุทรก็กลายเป็นลำดับโครงสร้างในสายตาของเขา เขาพบรูเล็กๆนั่น

 

“มันอยู่ที่นี่” หานเซิ่นกระโดดออกจากคลาวด์บีสต์สีแดงและลงมายืนอยู่บนยอดเขา จากนั้นเขาก็นำมีดเขี้ยวผีสิงออกมา

 

หานเซิ่นยิ้มออกมา “ในเมื่อการเอาหินมหาสมุทรชิ้นเล็กๆกลับไปเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ งั้นมาดูซิว่าแมลงที่อยู่ภายในจะยังมีชีวิตอยู่ไหม”

 

หานเซิ่นสนใจจะเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่สร้างหินมหาสมุทรขึ้นมามากกว่า ด้วยเหตุนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะตัดเอาหินมหาสมุทรกลับไป เขาชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและรวมพลังไปที่ปลายของมัน

 

เป่าเอ๋อยังคงนั่งอยู่บนไหล่ของหานเซิ่น เธอสังเกตมีดของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองที่หินมหาสมุทร เธอดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

 

แต่คนอื่นๆไม่เข้าใจถึงเจตนาของหานเซิ่นในตอนที่เขาชักมีดออกมาแบบนั้น

 

“นี่อาจารย์หานกำลังจะสลักตัวอักษรเอาไว้บนยอดของภูเขาอย่างนั้นหรอ? ยอดภูเขาดูเหมือนจะเป็นจุดที่ดีก็จริง แต่แบบนั้นมันจะมองจากด้านล่างไม่เห็น”

 

“มันไม่มีทางเป็นเพียงแค่การเขียนชื่อเอาไว้ โดยปกติแล้วผู้คนที่จะเขียนชื่อเอาไว้บนกำแพง พวกเขาจะไม่เขียนเอาไว้บนที่ราบ เพราะถ้าเขาเขียนชื่อของตัวเองเอาไว้บนนั้น ผู้คนที่ขึ้นไปบนยอดเขาก็จะเหยียบชื่อของเขา หานเซิ่นเป็นคนฉลาด ข้ามั่นใจว่าเขาคงจะไม่ทำอะไรโง่เขลาแบบนั้น”

 

“ถ้าเขาไม่คิดจะเขียนอะไร แล้วเขาขึ้นไปบนนั้นด้วยจุดประสงค์อะไรกัน?”

 

ทุกคนรู้สึกสับสนและไม่สามารถคาดเดาถึงสิ่งที่หานเซิ่นคิดจะทำได้ แม้แต่ผู้หญิงสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ข้างๆผู้นำปราสาทนภาก็ยังขมวดคิ้ว

“นี่เขากำลังจะทำอะไร? ถ้าเขาต้องการจะตัดหินมหาสมุทร นั่นไม่ใช่ตำแหน่งที่ดี”

 

ผู้นำของปราสาทขมวดคิ้วขณะที่มองหานเซิ่น บางสิ่งดูผิดปกติ หานเซิ่นเป็นเพียงแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ดังนั้นมันไม่มีทางที่เขาจะตัดหินมหาสมุทรออกมาจากมุมนั้นได้

 

ยวิ๋นซู่อีและคนอื่นๆมองหานเซิ่นด้วยความสบสัน พวกเขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นจะทำอะไรเช่นกัน

 

หานเซิ่นกำมีดเขี้ยวผีสิงในมือแน่นขึ้นเรื่อยๆขณะที่เขารวมพลังไปที่ปลายของมีด

 

หานเซิ่นเรียนรู้การรวมพลังไปที่จุดเดียวมาจากเผ่าดราก้อน และเขาก็ฝึกฝนจนสามารถทำให้มีดเส้นไหมมีขนาดเล็กมากๆ เขามีแผนที่จะปล่อยมันเข้าไปในรูขนาดเล็กนั่น และถ้าเจ้าแมลงหินยังมีชีวิตอยู่ มันก็ต้องมีปฏิกิริยาอะไรบางอย่างเมื่อสัมผัสกับมีดเส้นไหม

 

แน่นอนว่าหานเซิ่นไม่ได้มีแผนจะฆ่ามัน เขาแค่พยายามจะสัมผัสถึงตำแหน่งของแมลงหินเท่านั้น ถ้ามีดเส้นไหมของเขาไปถูกตัวแมลงหิน  มันก็ต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน แถมหานเซิ่นก็มั่นใจในการควบคุมมีดเส้นไหมของตัวเอง

 

แต่ภูเขามหาสมุทรมีความสูงถึงหนึ่งหมื่นเมตร ถึงแม้แมลงหินจะอยู่ที่ใจกลางของมัน มันก็ยังคงอยู่ห่างออกไปเป็นพันๆเมตร มันไม่ใช่ว่ามาร์ควิสจะสามารถส่งมีดเส้นไหมออกไปได้ไกลถึงขนาดนั้น

 

แต่หานเซิ่นเชี่ยวชาญทั้งวิชาจันทราและคลื่นหยินหยาง ไม่อย่างนั้นการส่งมันไปในระยะที่ไกลขนาดนั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

 

แต่ถึงจะพูดแบบนั้นเขาก็ไม่มั่นใจมากนัก ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องใช้สมาธิทั้งหมดไปกับเรื่องนี้

 

ทุกคนจับจ้องไปที่หานเซิ่น ขณะที่มือทั้ง 2 ข้างของเขากำมีดเขี้ยวผีสิงเอาไว้แน่น มีดของเขาชี้ลงไปด้านล่างและแสงสีม่วงดำก็เรืองขึ้นมาทั่วทั้งใบมีด มันเหมือนกับว่ากำลังมีปีศาจคำรามออกมาจากมีดเล่มนั้น

 

หานเซิ่นส่งพลังทั้งหมดไปที่มือ ขณะปลายของมีดแทงลงไปในรูขนาดเล็กนั่น

 

พลังของเขาพุ่งลงไปภายในรูขนาดเล็กนั้น ขณะที่มีดเขี้ยวผีสิงถูกแทงจมลงไปในหินจนเหลือแค่ด้ามจับที่โผล่ขึ้นมา

 

หานเซิ่นคุกเข่าลงกับพื้นขณะที่มือทั้ง 2 ข้างยังคงจับที่ด้ามของมีด เขาอยู่ในท่านั้นต่อไปโดยไม่ดึงมีดกลับขึ้นมา

 

ทุกคนตกใจไปที่เห็นแบบนั้น มีดของหานเซิ่นแทงลึกเข้าไปในหินมหาสมุทรจนถึงด้าม โดยปกติแล้วมาร์ควิสคนหนึ่งไม่มีโอกาสจะใช้มีดแทงทะลุเข้าไปในหินนั้นได้ แม้แต่จะแทงลึกเข้าไปเพียงไม่กี่นิ้วก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว

 

ถึงนั่นจะดูเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา แต่เมื่อเทียบกับชื่อเสียงของหานเซิ่นแล้ว มันก็ยังน้อยกว่าที่ผู้ชมคาดหวังในตัวเขา คนอื่นในปราสาทนภาคิดว่าหานเซิ่นจะทำอะไรที่น่าประทับใจมากกว่านั้น พวกเขาคาดคิดว่าหานเซิ่นจะวาดหรือเขียนอะไรบางอย่าง แต่หานเซิ่นไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร

 

ผู้ชมไม่รู้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จริงๆแล้วการแทงของหานเซิ่นก็เพื่อส่งมีดเส้นไหมลงไปในรู ตอนนี้พวกมันกำลังเดินทางลึกลงไปภายในภูเขา

 

ขณะที่มีดเส้นไหมพุ่งลงไปภายในรู หานเซิ่นก็รู้ว่าไม่สามารถเสี่ยงปล่อยให้พวกมันสัมผัสกับหินมหาสมุทรได้ ไม่อย่างนั้นมีดเส้นไหมของเขาก็จะถูกหยุดในทันที

 

การบังคับให้มีดเส้นไหมพุ่งลึกลงไปในช่องทางแคบเป็นพันๆเมตรนั้นเป็นบางสิ่งที่น้อยคนจะทำได้

 

นอกจากนั้นรูก็เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ด้วยเหตุนั้นรูจึงไม่ตรงเป๊ะเหมือนกับถูกเจาะด้วยเลเซอร์ และถ้ามีดเส้นไหมของเขาสัมผัสกับผิวขรุขระของรู มันก็จะจบเกมส์ทันที ถ้าไม่มีความสามารถในการสัมผัสสิ่งต่างๆและควบคุมมีดเส้นไหมได้อย่างแม่นยำ เขาก็ไม่มีทางจะส่งพวกมันไปในตำแหน่งที่ต้องการได้

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset